7 เหตุผลที่ทำให้คนไทยชอบเกมแนวปลูกผัก
เกมไหนออกมาก็เข้าตาคนไทยทุกที ชิลล์ ๆ ผ่อนคลาย เล่นได้ทุกสถานการณ์
ผมเชื่อว่ามีหลายคนคงจะสงสัยเหมือนกับผมว่าทำไมเกมแนวปลูกผักถึงได้บูมในบ้านเราจัง บางเกมก็ไม่ได้ดังเท่าไหร่เมื่ออยู่ในต่างประเทศ แต่พอมาบ้านเราเท่านั้นแหละ พากันตื่นเต้นแล้วก็เล่นกันหมด
ไม่ว่าจะเป็น Stardew Valley, Harvest Town, Story of Seasons หรือเกมอะไรที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Farm คนไทยจะคิดไปก่อนเลยว่าอาจจะเป็นเกมแนวปลูกผักหรือเปล่า มันมีเหตุผลที่ทำให้เป็นแบบนี้อยู่ครับ จะมีอะไรกันบ้าง ไปชมกันครับ
1. เล่นเพลิน ๆ ก็ชิลล์ดี
กลับมาสู่แนวคิดของการเล่นเกมจริง ๆ แก่นของมันคือการเล่นเกมเพื่อผ่อนคลายครับ แม้ในปัจจุบันจะมีแนวเกมที่สร้างขึ้นมามากมาย เน้นความสนุก ความบันเทิง อาจจะมีระบบที่ซับซ้อนขึ้น เล่นร่วมกันกับเพื่อนได้ เพิ่มความท้าทายโดยการทำให้มันยากขึ้น บลา ๆ ๆ แต่สุดท้ายแล้วแก่นของการเล่นเกมก็คือการเล่นเพื่อผ่อนคลายอยู่ดี ถ้าเล่นแล้วตึง เล่นแล้วเครียด เล่นแล้วเหนื่อย ก็ไม่รู้จะเล่นเกมไปทำไมถ้าเราไม่ได้เล่นเป็นอาชีพ หรือเล่นเพื่อใช้หาเงิน ดังนั้น เกมแนวปลูกผักจึงถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของเกมผ่อนคลายชิล ๆ สำหรับคนไทย ที่เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ เลิกเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีอะไรมาบีบคั้นนั่นเองครับ
2. ส่วนใหญ่จะจีบสาวหรือจีบหนุ่มได้
เกมแนวปลูกผักส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่เกมที่เล่นขำ ๆ บนเว็บหรือแอพบนมือถือ ก็มักจะมีระบบสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครในเกม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเล่นตัวละครเป็นเพศใด ถ้าเล่นเพศชายก็จีบสาวได้ ถ้าเล่นเพศหญิงก็จีบหนุ่มได้ หรือบางเกมบียอนไปกว่านั้น เปิดอิสระในเรื่องเพศก็อาจจะสามารถแต่งงานกับเพศเดียวกันได้อีกด้วย การมีความรักไปจนถึงการสร้างครอบครัวของตัวเองเป็นสิ่งหนึ่งที่วัยรุ่นทุกคนล้วนใฝ่ฝันอยู่ลึก ๆ จึงไม่แปลกที่ระบบนี้จะได้รับความนิยมในบ้านเรา
3. จำลองชีวิตจริงลงมาอยู่ในเกม
อีกหนึ่งแนวคิดของผู้เล่นที่จะชอบเกม ๆ นั้นหรือไม่คือ “ความสมจริง” แม้ทุกวันนี้ความสมจริงจะถูกเติมเต็มด้วยกราฟฟิกที่สวยงามสมจริงมากขึ้น แต่ก็มีความสมจริงที่เกิดขึ้นจากระบบเกมเช่นเดียวกัน โดยเกมแนวปลูกผักคือความสมจริงที่เกิดจากการจำลองวิถีชีวิตของมนุษย์เข้าไปอยู่ในเกมได้อย่างลงตัว ทั้งระบบเวลาที่เดินไปไม่หยุด มีกลางวัน กลางคืน ต้องกินต้องนอน ต้องทำงาน ต้องพบปะผู้คน สร้างสังคมรวมถึงมีครอบครัว และส่วนใหญ่มักจะเป้นวิถีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติในชนบท ซึ่งบรรยากาศจะแตกต่างจากเมืองใหญ่ที่มีแต่ความเร่งรีบและฝุ่นควัน คนที่เบื่อเมืองใหญ่และต้องการใช้ชีวิตในชนบทแบบเรียบง่ายก็จะชอบเกมสไตล์นี้เหมือนกัน
4. แนวคิดนับ 1 สู่ 100 เริ่มเกมจากคนที่ไม่มีอะไรเลย
ถ้าใครเล่นเกมแนวนี้มาบ่อย ๆ จะเข้าใจว่าพล็อตเรื่องของเกมมักจะเริ่มต้นด้วยการที่เราได้รับมรดกมาจากปู่ย่าตายาย ซึ่งเป็นที่ดินในชนบท และเราจะต้องกลับมาทำที่ดินผืนนี้ให้อุดมสมบูรณ์ พร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์กับคนในชุมชนอีกด้วย มันเป็นแนวคิดการเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ แล้วค่อย ๆ เก็บหอมรอมริบไปทีละเล็กละน้อย พอเรามีมากขึ้นเราก็พัฒนาได้เร็วขึ้น จากปลูกพืชก็เพิ่มมาเป็นเลี้ยงสัตว์ บ้านหลังเล็ก ๆ ก็สามารถต่อเติมให้ใหญ่ขึ้นได้ จากคนที่ไม่มีใครรู้จักก็กลายมาเป็นคนรู้ใจ แนวคิดวัยรุ่นสร้างตัวนี้ค่อนข้างจะมีอิมแพคต่อผู้เล่นพอสมควร เพราะอย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่า สิ่งที่ทำมามันไม่ได้สูญเปล่า มันออกดอกออกผลและเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนนั่นเอง
5. มีปริศนามากมายให้ค้นหา
ไม่รู้ทำไมเกมแนวปลูกผักถึงได้มีปริศนาอะไรซุกซ่อนไว้มากมาย อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศของชนบทดูมีอะไรเก่าแก่ที่จะเพิ่มตำนานบางอย่างลงไป เพื่อให้ตัวเกมมีอะไรน่าสนใจมากขึ้่น และทำให้ผู้เล่นมีอะไรทำมากกว่าการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งก็เป็นปกติที่คนเราอยากจะหาอะไรท้าทายในชีวิตหรือแสวงหาเรื่องเล้นลับเป็นเรื่องธรรมดา และเกมแนวนี้ก็ได้ขยี้จุดนั้นออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบของอีเวนท์ภายในเกม หรือเป็นดันเจี้ยนให้เราได้เข้าไปค้นหา บางครั้งก็มีคำพูดกำกวมจาก NPC ที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นให้กับเรา และบางครั้งปริศนาอาจมาในรูปแบบของกระดาษโน้ตให้อ่าน
6. ไม่เครียด ไม่ต้องแข่งขันกับใคร
ด้วยแนวเกมที่ออกแบบมาให้ใช้ชีวิตแบบ Slow Life ตื่นมาก็ทำฟาร์มทำสวน เลี้ยงสัตว์ มีเวลาเหลือก็เอาของไปแจกชาวบ้าน ตกปลา จีบสาว วันไหนมีเทศกาลก็เข้าร่วม วันไหนก็มีก็หาสืบเรื่องเล้นลับต่อไป มันเป็นอะไรที่สบายใจดีนะ เพราะมันไม่ต้องแข่งขันกับใครเลย วันไหนยุ่งหน่อยก็อาจจะต้องแข่งกับเวลาในเกมบ้างแต่มันก็ไม่ได้ตึงเครียดในแง่ของการเอาชนะ ยกเว้นว่าจะซื้อเกมมาเล่นกันกับเพื่อน แล้วมีการพูดจาขิงกันในกลุ่มจนรู้สึกอยากจะเอาชนะบ้าง อันนั้นสุดแล้วแต่จะจัดการเลยครับ (555)
7. อิทธิพลจาก Harvest Moon : Back to Nature
ต้องยอมรับว่า Harvest Moon : Back to Nature ของ PS1 นั้นค่อนข้างมีอิทธิพลต่อผู้เล่นเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนเคยเล่นเกมนี้มาก่อน เลยมองว่าเกมปลูกผักเกมอื่น ๆ น่าสนใจ และคาดหวังว่ามันจะมีอะไรคล้ายคลึงกับเกมนี้ไม่มากก็น้อย หนึ่งในนั้นคือความรู้สึกคืนสู่เหย้าที่เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเล่นเกมที่เคยเล่นสมัยยังเด็ก ถึงแม้ในใจจะฟันธงไปแล้วว่าเกมปลูกผักที่ดีที่สุดคือเกมนี้ แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะลองเล่นเกมใหม่ ๆ ที่มีอะไรคล้ายกับ Harvest Moon นั่นเองครับ
เป็นยังไงบ้างครับ กับ “7 เหตุผลที่ทำให้คนไทยชอบเกมแนวปลูกผัก เกมไหนออกมาก็เข้าตาคนไทยทุกที” ตรงกับสิ่งที่เพื่อน ๆ รู้สึกบ้างไหมครับ อย่างที่เห็นว่าชีวิตประจำวันก็มีแต่เรื่องเคร่งเครียดอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการเมือง ฝุ่น ไวรัส ความปลอดภัย บลา ๆ ๆ เล่นเกมทั้งทีก็อยากจะผ่อนคลายให้ลืมเรื่องเหล่านี้บ้างใช่ไหมครับ เกมปลูกผักเลยเป็นเกมอีกแนวนึงที่ตอบโจทย์เราเป็นอย่างดี เพราะสามารถเล่นได้ยาว ๆ ไม่ได้จบง่าย ๆ มีคอนเทนต์ให้ทำในเกมเยอะมาก สำหรับคนที่ชอบเกมบู๊ ๆ ก็อาจจะมองว่ามันน่าเบื่อไปหน่อย แต่ถ้าสายชิลล่ะก็เล่นข้ามวันแบบลืมเวลาเลยล่ะครับ 🙂
ข่าวสารเกมอื่น ๆ : GamerCulture
ผู้เขียน : TF_MakinoJou