15 เกมจากเครื่องเล่น Mega Drive ที่คุณไม่ควรพลาด
สุดยอดเครื่องเล่นเกม 16-bit ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ Super Famicom
ย้อนกลับไปสมัย 30 ปีก่อน SEGA เคยได้เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาเครื่องเล่นเกมกับเขาเหมือนกันก่อนที่จะเฟลยับตั้งแต่ยุคสามมิติเป็นต้นมา แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ด้วยความสำเร็จของ Mega Drive เอง ก็ทำให้ยากที่ทุกคนจะจินตนาการภาพได้ว่าวันที่ SEGA จะวางมือจากการทำเครื่องเกมจะมาถึง และวันนี้มีบทความที่จะขอนำรายชื่อเกมเด็ดจากเครื่องเล่นนี้มาแบ่งปันกันด้วย ทว่าจะมีอะไรบ้างนั้นขอเชิญติดตามข้างล่างนี้เลยครับผม
1. Earthworm Jim
เกมแนวแอ็กชั่นตะลุยด่านให้เรารับบทเป็นเจ้าไส้เดือนในชุดอวกาศหน้ากวน ซึ่งมีความเป็น Run-and-gun เพราะว่าจะต้องยิงกันตลอดเช่นเดียวกับการเอาชนะอุปสรรคโลดโผน แต่ความน่าสนใจก็คือทักษะของมันที่สามารถใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายในการไปจับห้อยต่างๆ เหมือนกับไส้เดือนจริงๆ ส่วนเรื่องราวก็จะตลกๆ ปั่นๆ เพราะว่าตัวเอกก็เป็นไส้เดือนธรรมดาที่ดันได้รับพลังจากชุดอวกาศซูเปอร์สูตจนกลายเป็นมนุษย์นั่นเอง
2. ซีรีส์ Golden Axe
เกมแนว Beat’em Up คล้ายๆ กับ Final Fight แต่เปลี่ยนมาเป็นเนื้อหายุคกลางโลกแฟนตาซี ให้ผู้เล่นเดินทางเคลียร์ฉากต่างๆ เพื่อตามหา Golden Axe อาวุธในตำนานที่ถูกช่วงชิงไป โดยตัวละครก็จะมีความแตกต่างกัน เช่นคนแคระถือขวาน, ชนเผ่าแอมะซอน หรือนักดาบ นอกจากนี้ก็จะมีพลังที่ใช้ร่ายเวทมนตร์เพื่อทำดาเมจใส่ศัตรูทั้งฉากได้เหมือนกัน
3. ซีรีส์ Streets Of Rage
มี Golden Axe แล้วก็จะขาดเกมนี้ไปไม่ได้เพราะว่าเป็นยุคแบบโลกปัจจุบันเลย โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นอดีตตำรวจที่ออกมาปราบผู้ร้าย เน้นย้ำความสำคัญในการตบตีคู่ต่อสู้ ตามฉากต่างๆ แต่จะมีท่าโจมตีมากมาย ทั้งเฮดบัตต์ หรือหยิบอาวุธที่ตกตามฉากมาต่อสู้ก็ได้เหมือนกัน ท้ายที่สุดก็จะไปเจอฉากบอส แล้วเคลียร์วนไปเรื่อยๆ ส่วนท่าโจมตีทั้งฉากจะเป็นการโทรเรียกตำรวจมาสู้ (ผ่าง!)
4. Mega Bomberman
เกมปาร์ตี้วางระเบิดที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก ซึ่งในภาคนี้เองก็จะมีทั้งโหมดเนื้อเรื่องและโหมดตีกันเองให้เล่น ถือเป็นเกมสำคัญที่เด็กหนวดย่อมเคยต่อจอยกันเพื่อเพิ่มสัมพันธไมตรียามเพื่อนมาเที่ยวที่บ้าน (หรืออาจจะทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นก็ไม่รู้) ภาคนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นเกมแรกเลยครับที่นำเอาฟีเจอร์การขี่สัตว์เพิ่มเข้ามาด้วย เห็นได้ว่าคอนเทนต์เยอะแบบนี้จึงไม่แปลกที่ชั่วโมงการเล่นเกมนี้อาจจะสูงกว่าเกมอื่นเป็นพิเศษเพราะมีทั้งบู๊บุ๋นครบครัน
5. Castlevania: Bloodlines
เกมแส้ภาคสำคัญที่ต้องบอกว่าห้ามพลาดเด็ดขาดแถมยังเป็นเกมเอ็กคลูซีฟบนเครื่องนี้ด้วย (ก่อนจะมีการพอร์ตในอีกเป็นสิบปีต่อมาเลยนะ) ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น John Morris และ Eric Lecarde ออกตะลุยปราสาทแดรกคูลาในยุค 1910s เพื่อช่วยเหลือแฟนสาวที่ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์หลังการคืนชีพของ Elizabeth Bartley ทายาทตระกูลของ Count Dracular
6. Altered Beast
หมายเหตุ: ภาพประกอบจากเวอร์ชั่น Google Play
เกมตะลุยด่านในรูปแบบ Side-scrolling สองมิติที่ดูผิวเผินอาจจะคล้ายกับ Golden Axe แต่มีเกมเพลย์แตกต่างกันชัดเจน ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นตัวละครทั้ง 4 ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ และธีมกับบรรยากาศจะดูน่ากลัวกว่าด้วย ซึ่งเนื้อหาเกี่ยวข้องกับนักรบผู้ถูกคืนชีพมาโดยเทพเจ้าซุสเพื่อช่วยเหลืออาเธน่าที่ถูกวายร้ายจับตัวไป
7. Contra: Hard Corps
นอกจากนี้ยังมีเกม Contra ในเวอร์ชั่นไซไฟด้วย สำหรับเกมนี้แน่นอนว่าทุกคนก็น่าจะเล่นกันมาแล้ว ดังนั้นขอแนะนำแค่ส่วนเนื้อเรื่องกับฟีเจอร์สำคัญแล้วกัน การควบคุมโดยรวมจะคล้ายกับเกมภาคสาม แต่ว่ามีความพิเศษตรงที่ผู้เล่นสามารถเลือกเส้นทางการเล่นได้ว่าฉากจะไปฉากไหนต่อ ทำให้มีหลายฉากจบให้เลือกค้นหาตามการกระทำของตัวเราเอง ส่วนเรื่องราวเกี่ยวข้องกับนายพล Bahamut ตัวร้ายที่ชิงเซลล์ของเอเลี่ยนมาเพื่อใช้ทำอาวุธสงคราม เราจึงต้องหาทางหยุดยั้งให้ได้
8. เกมผจญภัยในเครือ Disney
หมายเหตุ: ภาพประกอบจากเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์บนแพลตฟอร์มยุคปัจจุบัน
Disney ได้ร่วมมือกับผู้พัฒนาหลายเจ้าในการสร้างเกมจำนวนมากลงเครื่องเล่น Super Famicom และ Mega Drive ซึ่งถึงแม้จะเป็นเกมชื่อเดียวกัน ดำเนินเนื้อเรื่องคล้ายกัน แต่ก็เป็นคนละเกมกันเลยจริงๆ ทั้ง Lion King, Aladdin และที่โดดเด่นที่สุดต้องเป็น Castle of Illusion ที่เป็นการผจญภัยของมิคกี้เมาส์ในปราสาทลึกลับเพื่อช่วยเหลือมินนี่เมาส์นั่นเอง และอีกเกมจะเป็น เมาคลีลูกหมาป่า ที่ทำกราฟิกมาได้เหมือนกับดูการ์ตูนเลย
9. Ecco the Dolphin
ซีรีส์เกมสุดผ่อนคลายที่ให้เรารับบทเป็นปลาโลมาผจญภัยในฉากต่างๆ พร้อมเดินทางข้ามกาลเวลา บุกเยือนมหานครแอตแลนติส โดย Echo ตัวนี้สามารถว่ายน้ำฉวัดเฉวียนได้รวดเร็ว พร้อมร้องเพลงเพื่อพูดคุยกับสัตว์ตัวอื่นๆ หรือใช้คลื่นสื่อสารเพื่อหาเส้นทาง นอกจากนี้เนื่องจากว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนั้นก็ต้องกระโดดขึ้นมาเอาอากาศหายใจกันด้วย
10. Phantasy Star IV
ถึงจะมีให้เล่นกันตั้ง 4 ภาคสำหรับเกมซีรีส์นี้ในภาคหลัก แต่ภาคที่โดดเด่นที่สุดก็คือภาค IV นั่นนแหละ โดยเรื่องราวอยู่ในยุค 2284 ของโลกต่างมิติ ผู้เล่นได้รับบทเป็นนักล่า Chaz Ashely ที่เดินทางเพื่อหาทางหยุดยั้งอาวุธชีวภาพจากเหล่าร้ายที่จะทำลายระบบสุริยะทั้งหมด ตัวเกมเป็นแนว JRPG คล้ายกับ Dragon Quest แต่มีความไซไฟผสมผสานเนื้อเรื่องแนวอัศวิน
11. The Revenge of Shinobi
หมายเหตุ: ภาพประกอบจากเวอร์ชั่น Google Play
เกมตะลุยด่านสไตล์ญี่ปุ่นที่ถือว่าเป็นภาคแรกที่วางจำหน่ายบน Mega Drive เนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับเกมภาคแรกโดยสืบเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี เมื่อองค์กรร้าย Zeed ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมแก้แค้นอาจารย์ของตัวเอกก่อนจะขโมยแฟนสาวไป ผู้เล่นจึงต้องเดินทางไปตามล่าวายร้ายกันอีกครั้ง เกมเพลย์ก็จะเป็นแนว Beat ’em Up แบบด้านข้าง สู้กับบอสไปเรื่อยๆ แต่เราสามารถใช้ท่าทางแบบนินจา และมีฉากลับให้ตามหากัน
12. Virtua Fighter 2
แน่นอนว่าเครื่องเล่นนี้ยังมีเกมต่อสู้ให้เราได้เล่นกันด้วย โดยในภาคนี้จะเป็นการดาวน์เกรดลงมาจากเวอร์ชั่น Sega Saturn จึงกลายเป็นเกมต่อสู้แบบสองมิติแทน แต่คอนเทนต์เกือบทั้งหมดก็มีมาให้ครบ ขาดเพียงสองตัวละครใหม่ (เอาเข้าจริงเหมือนกับเป็นเกมภาคแรกมากกว่า) ทั้งนี้แม้กราฟิกจะเปลี่ยนมาเป็นแบบภาพแบนราบ แต่จะพบว่ามีการเล่นมุมกล้องที่สร้างอารมณ์คล้ายสามมิติ และมีระบบ Ring Out เช่นเดิม
13. Mortal Kombat 2
เกมต่อสู้สุดโหดยอดนิยมที่ในภาคนี้นับว่าเป็นภาคที่บาลานซ์ที่สุดภาคหนึ่งของซีรีส์เลย โดยมาพร้อมกับตัวละครถึง 12 นักสู้พร้อมให้เราได้ปะทะฝีมือ ทะลวงไส้คู่ต่อสู้กันอย่างเมามันส์เลือดสาด และยังเป็นภาคแรกที่มีการเพิ่มระบบเตะสูง เตะต่ำ หรือการปรับปรุงระบบคอมโบให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมด้วย Frienships / Babalities ที่เป็นท่าปิดเกมแบบซอฟต์ๆ
14. Mega Man: The Wily Wars
หมายเหตุ: ภาพประกอบจากเวอร์ชั่นพอร์ตบน Nintendo Switch
เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นที่สุดโปรเจ็กต์หนึ่งเลยครับเมื่อ CAPCOM ตัดสินใจ ‘รีเมค’ เกมสามภาคแรกลงมาเป็นเกมเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าด้วยสเปคที่ดีกว่าของ Mega Drive ก็ทำให้กราฟิกของเกมนี้สวยงามเช้งวับขึ้นมาทันตาเห็น และคอนเทนต์ก็แน่นปึ้กให้เราได้ตะลุยด่านพร้อมหัวร้อนไปกับบอสจำนวนกว่า 20 ตัว ที่สำคัญเมื่อเคลียร์เกมครบทั้งสามภาคปุ๊บจะมีเนื้อเรื่องใหม่เข้ามาด้วย โดยเนื้อหาก็เป็นการที่ Dr. Wily ย้อนเวลากลับไปนำหุ่นพวกนี้มาปลุกผีขึ้นใหม่นั่นเองครับ
15. Sonic the Hedgehog 1 – 3
ท้ายที่สุดรายชื่อนี้จะขาดเกมซีรีส์นี้ไปไม่ได้เพราะถือเป็นมาสคอตของค่ายเลยนั่นคือ Sonic the Hedgehog ที่สร้างชื่อในฐานะคู่แข่งคนสำคัญของลุงหนวดมาริโอ้ โดยจะเป็นเกมวิ่งตะลุยด่านเก็บเหรียญสู้บอส ซึ่งมีให้เลือกเล่นกันถึง 3 ภาคใหญ่ พร้อมภาคพิเศษคือ Sonic & Knuckles โดยภาค 3 กับภาคนี้ จะสามารถฟิวชั่นตลับเพื่อปลดล็อกคอนเทนต์ใหม่ได้อีกต่างหาก ถือเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากๆ ในยุคนั้นครับ