ผู้เขียน : Youryu
Like a Dragon: Infinite Wealth เป็นเกม Turn-Based ที่มีเรื่องราวต่อเนื่องจากเกมภาคที่แล้วโดยจะพูดถึงเรื่องราวของ Kasuga Ichiban ที่เข้ามาพัวพันกับเรื่องราวปริศนาครั้งใหญ่อีกครั้งโดยบังเอิญ เช่นเดียวกับ Kazuma Kiryu ที่จะได้รับบทเป็นตัวละครเอกควบคู่กัน โดยเกมเพลย์ยังคงใช้รูปแบบเทิร์นเบสควบคู่ไปกับการสำรวจ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแผนที่โลกขนาดย่อมกึ่งโลกเปิด และยังถือเป็นครั้งแรกที่จะมีตัวละครหลักสองคนให้เล่นควบคู่กัน
และในโอกาสที่ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปมันส์กับ Kasuga และ Kiryu มาแล้ว และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะมานำเสนอรีวิวเกมที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และถ้าหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้ครับ
เนื้อเรื่องน่าติดตาม และเข้มข้นจนวางจอยไม่ลง แต่มือใหม่เข้าถึงได้เช่นกัน
ผู้เขียนยอมรับเลยว่าเนื้อเรื่องภายในเกม Like a Dragon: Infinite Wealth นี้ถูกสานต่อมาจากเกมภาคก่อนหน้านี้ได้น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการที่เราได้เห็นตัวละครเอกทั้งสองคนอย่าง Kasuga และ Kiryu มาร่วมผจญภัยไปด้วยกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความฝันของผู้เล่นที่เป็นจริงขึ้นมาก็ว่าได้
ในส่วนของการดำเนินเรื่องราวก็ถือว่าทำออกมาได้เข้มข้นตามแบบฉบับเกมซีรีส์ Yakuza ที่ถ้าหากผู้อ่านติดตามอ่านเนื้อเรื่องทุกฉากทุกคำพูดก็รับรองว่าจะอินกับเกมนี้ได้อย่างง่ายดายและถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้เล่นเกมซีรีส์ก่อนหน้ามาก่อนก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เพราะจะมีการพูดเท้าความให้เราได้ทราบกันอยู่เสมอ ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้าถึงเกมนี้ได้ไม่ยากเลย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเองยอมรับเลยว่าเนื้อหาภายในเกมนี้ถูกวางออกมาได้อย่างน่าสนใจ ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็น่าติดตามเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้เขียนแอบรู้สึกก็คือ เนื้อหาช่วงต้นก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลัก (ก่อนบินไปฮาวาย) ค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งผู้เขียนก็เข้าใจได้ว่าหากผู้เล่นคนใดที่เคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาก่อน การปูเนื้อหาช่วงต้นนี้ก็จะทำให้ผู้เล่นอินกับเนื้อเรื่องมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันผู้เล่นคนใดที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนก็อาจจะรู้สึกเบื่อไปบ้าง แต่เนื้อหาที่ยืดออกมานี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่น่าสนใจไปเลยทีเดียว เพราะรายละเอียดในช่วงต้นนี้จะทำให้พวกเราเข้าใจกับเรื่องราวของสถานการณ์ยุค Yakuza ถดถอยกลายเป็นส่วนเกินของสังคม รวมไปถึงการดิ้นรนของตัวละครต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เราเข้าใจการกระทำและความรู้สึกของตัวละครเหล่านี้มากยิ่งขึ้น และบอกได้เลยว่าบางปมที่แอบทิ้งไว้ในตอนต้นถูกนำมาใช้ต่อระหว่างการเล่นเกมได้อย่างสวยงาม
กราฟิกสวยงามเห็นยันรูขุมขน โมเดลหญิงขั้นเทพ แถมอนิเมชั่นก็ลื่นไหลโดนใจ
สำหรับกราฟิกภายในเกมนี้ผู้เขียนยกนิ้วให้เลยว่าทำออกมาได้ตะลึงเลยทีเดียว โดยเฉพาะพื้นผิวของสิ่งแวดล้อมต่าง ๆโดยเฉพาะโมเดลของตัวละครที่เรียกว่าคมชัดเห็นรูขุมขนและริ้วรอยบนใบหน้าราวกับเหมือนคนจริง ๆ
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ผู้เขียนรู้สึกชอบมากที่สุดใน Like a Dragon: Infinite Wealth ก็คือการแสดงออกทางสีหน้าของตัวละครต่าง ๆ ภายในเกมนี้ที่ทำออกมาได้น่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าการแสดงสีหน้าของตัวละครภายในเกมนี้อาจจะดูโอเวอร์เกินจริงไปบ้าง แต่ความโอเวอร์เกินจริงนี้กลับถูกนำเสนอให้แสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่ขัดตา และด้วยความโอเวอร์นี้เองก็ทำให้เราเข้าใจถึงอารมณ์ของตัวละครได้ดียิ่งขึ้น
และสิ่งที่ต้องชื่นชมมากเป็นพิเศษก็คือ โมเดลตัวละครหญิงภายในเกมนี้ที่ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของซีรีส์เลยก็ว่าได้ โดยโมเดลหน้าตาของตัวละครที่ถูกออกแบบมาจากสาว ๆ หลายคนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาดี รวมไปถึงหุ่นของพวกเธอ ก็ทำออกมาได้สวยงาม ทรวดทรงองเอวก็อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าถูกใจเกมเมอร์ชายอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ความลื่นไหลของอนิเมชั่นต่าง ๆ ภายในเกมนี้ก็ถูกทำออกมาได้อย่างเนียนตา ไม่ว่าจะเป็นอนิเมชั่นในฉากคัทซีนรวมไปถึงอนิเมชั่นในฉากเกมเพลย์ โดยเฉพาะอนิเมชั่นของแอ็กชั่นที่ทำออกมาที่สวยงามดุดัน แม้ว่าจะไม่ได้มีท่วงท่าที่อลังการเหมือนกับเกมต่อสู้ที่สมจริงแบบจัดเต็ม แต่จะออกไปในเชิงสมจริงผสมผสานกับความเป็นอนิเมะอยู่เล็กน้อย ทำให้อนิเมชั่นการต่อสู้ของเกมนี้กลายเป็นความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ซึ่งผู้เขียนก็ยกนิ้วให้กับเกมนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เกมเพลย์ Turn-Based ที่สนุกไม่เปลี่ยน แถมอัดแน่นด้วยมินิเกมมากมาย
สำหรับเกมเพลย์หลักของเกมนี้ก็คือ Turn-Based ที่ผู้เล่นจะได้เลือกแอ็กชั่นต่าง ๆ เมื่อถึงเทิร์นของตัวเอง ซึ่งจุดเด่นของ Like a Dragon: Infinite Wealth ก็คือการเล่นกับ “พื้นที่” ที่ผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ตัวละครได้เล็กน้อยในขณะที่กำลังจะออกแอ็กชั่น รวมไปถึงตัวละครศัตรูที่จะเดินเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อการโจมตี หรือสกิลของผู้เล่น นั่นก็คือในหลาย ๆ ครั้งที่การโจมตีของผู้เล่นนั้นแม้ว่าจะถูกกำหนดว่าเป็นเป้าหมายเดี่ยว แต่หากเลือกใช้ตอนที่ศัตรูอยู่ใกล้ หรือยืนเรียงกันก็จะส่งผลให้ศัตรูโดนโจมตีเป็นกลุ่มด้วย
นอกจากนี้การใช้สกิลก็จะมีระบบ QTE ที่ผู้เล่นจะต้องกดปุ่มให้ตรงจังหวะ หรือสแปมปุ่มให้ไวเพื่อทำให้การโจมตีของผู้เล่นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการป้องกันที่ถ้าหากผู้เล่นกดป้องกันได้ตรงจังหวะก็จะช่วยทำให้เกิด Perfect Guard ซึ่งจะช่วยลดดาเมจไปได้เยอะมาก ๆ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้การเล่นเกมนี้มีรายละเอียดที่ทำให้สนุกมากขึ้นไม่น้อยเลยครับ
นอกจากนี้ตัวละครของผู้เล่นยังมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมในการต่อสู้ได้ด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น หากผู้เล่นยืนอยู่ใกล้กับถังขยะ จากนั้นผู้เล่นเลือกที่จะโจมตีปกติ แทนที่ตัวละครของผู้เล่นจะวิ่งไปต่อยศัตรูเลย ตัวละครของผู้เล่นก็จะหยิบถังขยะมาฟาดใส่ศัตรูก่อนแล้วค่อยรัวหมัดใส่ทีหลัง แน่นอนว่าการมีปฏิสัมพันธ์นี้ไม่ได้มีดีแค่ความสะใจในการต่อสู้แต่ยังส่งผลถึงเกมเพลย์ที่จะทำให้เราต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
อ้อ! เกมนี้ยังมาพร้อมกับระบบต่อสู้แบบ Auto ที่เลือกรูปแบบได้ 4 แบบด้วยกัน ได้แก่เน้นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์, เน้นการโจมตี, เน้นการฟื้นฟู HP และห้ามใช้สกิลเพื่อประหยัด MP ซึ่งระบบนี้ก็ช่วยให้เราเล่นเกมนี้ได้สะดวกสบายมากขึ้นในระดับหนึ่งเลยล่ะครับ
นอกจากนี้เกมดังกล่าวยังมาพร้อมมินิเกมปลีกย่อยอีกมากมายให้เราได้เล่นเพื่อความผ่อนคลาย เช่น Sujimon ที่ผู้เล่นสามารถตามหาลูกสมุนมาช่วยต่อสู้แบบ 3v3, มินิเกมคาราโอเกะที่เราจะได้กดปุ่มพร้อมฟังเพลงมันส์ ๆ จากซีรีส์, มินิเกมส่งแฮมเบอร์เกอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งผู้เขียนการันตีเลยว่ามินิเกมภายในเกมนี้ถูกนำมาให้ผู้เล่นได้สนุกกันแบบจัดเต็มแบบปฏิเสธไม่ได้เลย ซึ่งถ้าให้ผู้เขียนเล่ารายละเอียดทั้งหมดวันนี้คงไม่จบ แต่ผู้เขียนขออนุญาตสรุปสั้น ๆ ว่า
“เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผู้เล่นจะได้เพลิดเพลินไปกับมินิเกมเหล่านี้ แบบไม่มีเบื่อ”
เกมที่นำเสนอความจริงจังและตลกโบ๊ะบ๊ะที่ลงตัวที่สุด
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูกเลยก็คือ การนำเสนอธีมของเกมที่ผสมผสานระหว่างความจริงจังและความตลกโบ๊ะบ๊ะออกมาอย่างไม่ขัดตา ซึ่งจุดนี้เองก็เป็นเอกลักษณ์ของเกมซีรีส์นี้มาโดยตลอด และในเกมนี้ก็ยังทำออกมาได้ดีสมบูรณ์แบบไม่แพ้เกมก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็ขอยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ การต่อสู้ภายในเกม ที่ในบางครั้งเราสามารถเลือกให้ตัวละครถืออาวุธแปลก ๆ มาใช้ในการต่อสู้ได้ เช่น Kasuga ถือไวเบรเตอร์อันใหญ่มาฟาดฟันกับศัตรู หรือเราอาจจะเจอศัตรูประหลาด ๆ เช่นคนที่อาศัยอยู่ในถุงขยะที่โผล่มาแต่หัวกับขาพร้อมโจมตีเราด้วยการเอาก้นชนเรา หรือพวกโรคจิตใส่กางเกงในตัวเดียวมาไล่ตบเรา เป็นต้น
ความโบ๊ะบ๊ะนี้ยังรวมไปถึงจังหวะปล่อยมุก หรือฉากโอเวอร์ภายในเกมนี้ที่มีให้เราได้เห็นกันอยู่เรื่อย ๆ โดยฉากเหล่านี้เราก็จะได้เห็นแอ็กชั่นตัวละครที่โอเวอร์เกินจริงทำให้แม้ว่าเนื้อเรื่องจะจริงจังแค่ไหนเราก็ยังนั่งขำได้เสมอ แต่ในทางกลับกันเกมนี้ก็ไม่ได้มีแต่ความโบ๊ะบ๊ะจนทำให้เราหัวเราะได้เพียงอย่างเดียว แต่เมื่อถึงเวลาจริงจังเกมนี้ก็จัดเต็มได้อย่างน่าตะลึง ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เล่นกับความรู้สึกของตัวละครก็ทำให้ผู้เล่นอาจจะน้ำตาร่วงโดยไม่รู้ตัว รวมไปถึงฉากที่โหดร้ายต่าง ๆ เราก็จะได้เห็นเลือด หรือฉากความดิบเถื่อนแบบเต็ม ๆ ตาเช่นกัน
และด้วยรสชาติของเกมที่ผสมผสานออกมาได้อย่างลงตัว ก็ทำให้เกมนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีธีมการนำเสนอที่โดดเด่นแตกต่างไปจากเกมอื่น ๆ ในตลาดเป็นอย่างมาก
สรุปรีวิว
โดยสรุปแล้วผู้เขียนมองว่าเกม Like a Dragon: Infinite Wealth เป็นเกมที่สานต่อความสนุกของซีรีส์ Yakuza ออกมาได้สวยงาม พร้อมกับมีการพัฒนาให้ออกมาโดดเด่นกว่าเดิมจนผู้เขียนรู้สึกว่าเกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ไม่ควรพลาดเป็นอันขาดแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้เป็นแฟนซีรีส์นี้มาก่อนก็ตาม
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
จุดเด่น
– กราฟิกที่สวยงาม นำเสนอออกมาได้สมจริง
– โมเดลตัวละครหญิงแจ่มว้าวสุด ๆ
– การควบคุมที่ลื่นไหลสะใจสุด ๆ
– เกมเพลย์ Turn-Based ที่เล่นกับพื้นที่ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่
– ธีมการนำเสนอที่ผสมผสานความจริงจังและความปั่นได้ลงตัวแบบสุด ๆ
– มีระบบ Auto ด้วย
ข้อสังเกต
– เนื้อเรื่องช่วงต้นแอบนานไปนิดนึง
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ SEGA ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…
สำหรับใครที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]
ภาพสกรีนช็อตเพิ่มเติม