Horizon Forbidden West ภาคต่อที่สมควรแก่การรอคอยโดยเฉพาะผู้ที่ใช้งาน PlayStation 5
หมายเหตุ: บทความนี้อ้างอิงจากตัวเกมเวอร์ชั่น PlayStation 5 ที่ใช้งานในรูปแบบ ‘Performance Mode’
เป็นเวลา 5 ปีเต็มที่ PlayStation ได้เปิดตัวแฟรนไชส์เกมโลกเปิด RPG ใหม่อย่าง Horizon Zero Dawn ที่ลองนึกดูแล้วมันก็เหมือนว่าเพิ่งผ่านมาไม่นาน จนวันนี้เองผมก็ไม่อยากเชื่อว่ามือของผมกำลังจับจอยเล่นเกมอยู่มานานหลายชั่วโมงแล้ว Aloy ได้พาพวกเราเดินทางไปยังโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยอันตรายและความถดถอยของสังคมมนุษย์ท่ามกลางสัตว์จักรกลที่กลายเป็นเจ้าป่าตัวจริง ฟังดูช่างเป็นภาพที่ขัดแย้งกันแต่มันก็เข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ และภาพที่ผมเห็นตรงหน้า มันก็คือเกมภาคต่อที่เราเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้เจอเธออีกที!
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ผมก็รู้ว่า Horizon Forbidden West ทำหน้าที่เป็นภาคต่อที่สมค่ากับการรอคอยของแฟนคลับเดิมมาก แต่ในแง่ของคนเล่นใหม่ที่ไม่เคยจับเกมนี้มาก่อนล่ะจะเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้พวกเรา ThisIsGame Thailand ก็ได้รับโอกาสในการรีวิวเกมเพื่อนำความประทับใจมาฝากกันที่นี่ก่อนวางจำหน่ายด้วย แต่จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นขอเชิญติดตามกันข้างล่างนี้่ได้เลยครับผม
【ไข้กาฬสยองโลก】
เรื่องราวของเกมนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากเนื้อหาภาคแรกเป็นระยะเวลา 6 เดือนเท่านั้น หลังจาก Aloy ได้ชื่อว่าเป็นผู้กล้าจนมีผู้คนยอมรับมากมายในฐานะวีรสตรี แต่แล้วความสุขก็อยู่ไม่นาน เธอยังต้องมีภารกิจที่ต้องสานต่ออีกมาก หนึ่งในนั้นคือเหตุการณ์เชื้อโรคสุดสยองเมื่อเหล่าต้นไม้พืชพันธุ์ต่างๆ ได้แห้งเหือดและตายลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่รับผลกระทบไปด้วย เธอมีเวลาเพียงไม่นานที่จะค้นหาคำตอบเบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้ก่อนที่มันจะกลายเป็นจุดสิ้นสุดของมนุษยชาติ
โลกของเกม Horizon Forbidden West ยังคงคล้ายกับเกมภาคที่แล้วนั่นคือเราจะได้เห็นสหรัฐอเมริกาที่ล่มสลายและถูกปกคลุมด้วยธรรมชาติ แต่ภาคนี้จะมีความเขียวขจีมากกว่าเพราะไม่ได้เจอหิมะบ่อยๆ อีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับสัตว์จักรกลต่างๆ ซึ่งในภาคนี้มีปริมาณมากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ละตัวจะมีเทคนิคการต่อสู้ไม่เหมือนกัน เราต้องอาศัยอุปกรณ์ Focus ในการตรวจสอบจุดอ่อน พฤติกรรมการเดิน หรือบางชนิดก็สามารถเสียบก้นเพื่อ Overload มันนำมาใช้เป็นพาหนะได้เหมือนเดิม และแน่นอนว่าเกมก็สเกลใหญ่ขึ้น มีสถานที่ให้เราสำรวจหลากหลายรูปแบบเลยพร้อมทัศนียภาพสวยๆ ของเอนจิ้น Decima
เนื่องจากที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า Aloy มีผู้คนให้การยอมรับว่าไม่ใช่คนนอกคอกอีกต่อไป ความสัมพันธ์ของผู้คนก็จะเป็นไปในทางที่เป็นมิตรมากขึ้น แต่สิ่งที่จะเพิ่มมิติเข้ามาก็คือเราจะต้องเจอกับชนเผ่าอื่นๆ นอกเหนือจากชาว Nora ทั่วไป ที่อาจจะเป็นมิตรหรือศัตรูกับเราก็ได้ และการตัดสินใจของเราในแต่ละบทสนทนาจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะตัวให้กับแต่ละคนได้เป็นอย่างดี
【เกมเพลย์เหมือนเดิมแต่สะดวกขึ้น และหลากหลายขึ้น!】
รูปแบบการควบคุมของเกมนี้เหมือนเดิมกับภาคที่แล้วเป๊ะๆ และยังมี UI แบบที่คล้ายกันด้วย ซึ่งผู้เล่นเดิมไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรใหม่ ที่สำคัญถึงแม้จะอ้างอิงจากรูปแบบเดิมเป็นหลัก แต่เพิ่มความสะดวกมาให้มากมายเช่นการคราฟต์ไอเทมด้วยเมนูลัดด้านซ้ายล่าง ส่วนแผงเลือกอาวุธของเราเองก็เพิ่มจาก 4 ช่องเป็น 5 ช่องด้วย เช่นเดียวกับระบบ Skill Tree ที่มีการเพิ่มทักษะใหม่ๆ เข้ามาให้เราเลือกอัปเกรดความสามารถ
ความหลากหลายไม่ได้มีเพียงเรื่องระบบการควบคุมที่เป็นมิตรมากขึ้น แต่ในแง่เกมเพลย์จะสังเกตได้ว่า Mobility หรือระบบการเคลื่อนไหวของ Aloy มีการขยับขยายกว่าปกติ เช่นการดำน้ำที่ปกติในภาค Zero Dawn เราจะใช้ดำเพื่อหลบศัตรู แต่รอบนี้เมื่อดำน้ำลงไปเราจะเห็นโลกใต้น้ำ มีปะการัง หรืออะไรหลายอย่างที่ไม่สามารถหาได้บนพื้นดิน และมันก็เพิ่มกลยุทธ์การต่อสู้ให้เราด้วยในกรณีที่ต้องไปทำภารกิจที่มีแอ่งน้ำก็อาจจะซุ่มเพื่อดูท่าทีอีกฝ่ายได้ นอกจากนี้เราก็มีเครื่องร่อนให้ใช้แล้วด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้นอกเหนือจากการโจมตีแบบลอยฟ้าและได้ชมทิวทัศน์เบื้องสูงสวยๆ น่าเสียดายที่ไม่ได้เพิ่มมิติใหม่ๆ ให้เท่าไหร่
【ตัวโชว์ศักยภาพ PlayStation 5】
ถึง Horizon Forbidden West จะเป็นเกมที่พัฒนาให้กับทั้ง PlayStation 4 และ PlayStation 5 แต่ประสบการณ์ที่เราได้รับจากการเล่นบนเครื่องเล่นเน็กซ์เจ็นมันเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าเกม Cross-gen เก่าๆ อย่างชัดเจนเลยครับ เริ่มกราฟิกกับศักยภาพเกมที่คมกริบและลื่นไหล ต่อให้เล่นบนโหมด Performance ที่ลดประสิทธิภาพกราฟิกแล้ว เกมก็ยังมีงานภาพที่โดดเด่น ให้เราได้เห็นต้นไม้พริ้วไหว เอฟเฟคแม่น้ำที่สมจริงจนเราอยากจะกระโจนลงไป (ฮา) ส่วนฟังก์ชั่นจาก DualSense เราจะได้สัมผัสแรงตึงของสายธนูที่เป็นจุดเด่นหลักของเกมแบบเต็มมือมากๆ ลองจินตนาการภาพดูถึงการปล่อยคันแล้วมันตึงมือ เด้งกลับดังผึง แบบนั้นเลย!
【เป็นเกมที่ดีขึ้นจากภาคที่แล้วอย่างชัดเจน… แต่ก็มีข้อติ】
Horizon Forbidden West มีความดีความชอบในการพัฒนาทุกแง่มุมของเกมภาคที่แล้วแบบก้าวกระโดด แต่สิ่งที่ดูถดถอยลงอย่างน่าเสียดายคงจะเป็นเทคนิคการเล่าเรื่องที่ด้อยกว่ามาก ในภาคที่แล้วเราจะเห็นการเจริญเติบโตของ Aloy ผ่านความสัมพันธ์และเรื่องเล่าต่างๆ แต่ในภาคนี้หากใครไม่เคยเล่นเกมภาคเก่ามาก่อน หรือต่อให้เล่น Zero Dawn จบมา ‘นานแล้ว’ คุณจะต้องรีบรีเสิร์ชเรื่องราวใหม่ก่อนเสีย เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่ทราบคอนเท็กซ์ต่างๆ ที่ตัวละครกล่าวถึงเลยเพราะมันมาจากเกมเก่าเกือบทั้งหมด ซึ่งความจริงก็มีฉากรีแคปในช่วงเริ่มเกมให้เราเรียนรู้แต่มันไม่เพียงพอจริงๆ ครับ ส่วน AI บางทีก็มีตะหงิดๆ บางครั้งเหมือนกัน แปลกใจก็ตรงเนี้ยะ
【ภาษาไทย】
การสนับสนุนภาษาไทยในเกมนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้และพูดอิงกับบริบทโลกในเกมอย่างสมจริง Aloy จะใช้ชื่อแทนตัวเองว่าข้า – เจ้า ในขณะที่ไฟล์หรือวิดีโอซึ่งเป็นของตกค้างจาก ‘โลกเก่า’ (หรือยุคปัจจุบันของมนุษย์เรา) ก็จะพูดด้วยสรรพนามธรรมดาดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะเจอคำพูดหลุดธีม แต่จะมีบางจุดที่พอให้อภัยได้เช่นเรื่องของการสะกดคำที่อาจมีผิดพลาดกันเป็นธรรมดา แหม ก็เกม RPG อะเนอะ
【บทสรุป】
ขอย้ำอีกครั้งว่า Horizon Forbidden West คือตัวชูโรงในฐานะเกมเน็กซ์เจ็นที่โดดเด่นมากๆ บน PlayStation 5 ด้วยคุณสมบัติกราฟิก ฟีเจอร์จอยสั่น เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม และเกมเพลย์ลื่นไหล ใครใคร่อยากจะโชว์พาวพลังของหน้าจอแบบ 4K แท้ก็เลือกปรับได้เหมือนกัน แต่จะมีสะดุดล้มกับขาตัวเองก็เรื่องการอ้างอิงเหตุการณ์ในภาคเก่าที่เราอาจจะลืมๆ ไปนั่นแหละ
ท้ายที่สุดนี้พวกเราขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment Singapore อีกครั้งสำหรับโอกาสดีๆ ในการรีวิวเกมในวันนี้ ซึ่งใครที่สนใจก็ไม่ต้องรอนานเพราะวันที่ 18 กุมภาพันธ์ แฟนๆ ของ Aloy ก็จะได้เดินทางไปสู่ ‘แดนต้องห้าม’ เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ที่เต็มรูปแบบแล้วทั้งบน PlayStation 4 และ PlayStation 5
