God of War Ragnarok สุดยอดเกมที่วางจำหน่ายบน PS5 ไปเมื่อปี 2022 ได้กลับมาอีกครั้งบนพีซี
ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าไม่ได้มาแบบธรรมดา แต่มาพร้อมกับการอัปเกรดที่เอาใจแฟนเกมเช่นกัน และในวันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสออกผจญภัยไปกับ Kratos และ Atreus มาแล้ว และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PC และถ้าหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้ครับ
เล่นได้ลื่นไหลแถมกราฟิกก็ยังสวยงาม
เริ่มต้นรีวิวจากความลื่นไหลในการเล่นเกมนี้กันก่อนดีกว่าครับ ซึ่งเกมนี้ผู้เขียนมองว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่ถูกพอร์ตออกมาได้ดีมาก ๆ เพราะความลื่นไหลในการเล่นเรียกได้ว่าลื่นหัวแตกเลยทีเดียว โดยตลอดการเล่นเกมของผู้เขียนยังไม่พบเจอกับปัญหาเฟรมตกจนน่าหงุดหงิดใจ (แม้ว่าจะมีเฟรมเรตตกไปเล็กน้อยบ้างเมื่อเข้าสู่ฉากอลังการบางฉากก็ตาม) โดยไม่ว่าจะเป็นฉากคัทซีนหรือเกมเพลย์จริงก็สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างลื่นไหล
ในขณะเดียวกันความลื่นไหลเกมนี้ก็ไม่ได้ตัดทอนคุณภาพของกราฟฟิกลงไปให้ดูแย่แต่อย่างใด โดยเท่าที่ผู้เขียนสังเกตการตั้งค่าคุณภาพกราฟฟิกภาพรวมภายในเกมแล้ว ผู้เขียนมองว่าความแตกต่างของคุณภาพของภาพระหว่างปานกลางไปจนถึงสูงสุดนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันจนเห็นได้ชัดขนาดนั้น โดยความแตกต่างที่เกิดขึ้นมีเพียงเล็กน้อยจนแทบว่าถ้าไม่สังเกตจริง ๆ ก็ไม่ได้เห็นชัดจนน่าหงุดหงิดใจ ทำให้ผู้เขียนมองว่าเกมนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับคอมพิวเตอร์ระดับกลางพอสมควร
เล่นด้วยเมาส์กับคีย์บอร์ดได้สนุกสนาน
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ต้องพูดถึงก็คือการควบคุมการเล่นเกมนี้ด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดซึ่งถือว่าเป็นอาวุธหลักของเกมเมอร์หลาย ๆ คนที่เล่นเกมบน PC ซึ่งจากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมนี้ด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดก็พบว่าความสนุกไม่แตกต่างจากการใช้คอนโทรลเลอร์บน PS5 เลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้การวางปุ่มพื้นฐานที่ตัวเกมมีมาให้ก็เป็นรูปแบบที่เกมเมอร์หลายคนคุ้นชินกันเป็นอย่างดี ซึ่งจุดนี้เองทำให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมนี้ได้โดยที่ไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ในการใช้ปุ่มมากนัก แม้ว่าจะมีข้อติงนิดหน่อยก็คือปุ่มพื้นฐานของการเลือกอาวุธนั้นออกจะแปลกมือไปหน่อย (ปุ่มตัวอักษร) ทำให้ผู้เขียนต้องตั้งเป็นปุ่มตัวเลขเหมือนกับเกม FPS หรือ TPS แทน แต่เมื่อเปลี่ยนแล้วทุกอย่างก็เล่นได้อย่างราบรื่น และด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ส่งผลให้การออกผจญภัยไปกับ Kratos ด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีน่าจะทำให้ผู้เล่นประทับใจได้อย่างแน่นอน
มีการปรับปรุงเกมตามฟีดแบ็กของผู้เล่น
ต้องยอมรับว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจเกม God of War Ragnarök บนพีซีมากขึ้นก็คือ ตัวเลือกการปรับแต่งที่มีการเพิ่มเติมเข้ามาให้ผู้เล่นได้ใช้งานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฟีเจอร์การปิดเสียงของ Atreus ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะในเกมเวอร์ชั่น PS5 นั้นเจ้าหนูน้อยของเราดูเหมือนจะพูดเก่งเกินไปสักหน่อย ทำให้ผู้เล่นหลาย ๆ คนรู้สึกรำคาญตัวละครนี้ไม่น้อย และนอกเหนือจาก Atreus แล้วเราก็สามารถปิดเสียงของ Freya ได้ด้วย
นอกจากนี้ตัวเกมยังถูกปรับให้รองรับจอแบบ Ultra-Wide, ปลดล็อคเฟรมเรตของเกมให้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และอื่น ๆ อีกมากมายที่จะทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมดังกล่าวดีขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้เรียกได้ว่าถูกใจแฟนเกมที่เรียกร้องมาโดยตลอดจริง ๆ
อย่างไรก็ตามมีหนึ่งองค์ประกอบที่ถูกนำเสนอขึ้นมาในเกมเวอร์ชั่นพีซีที่อาจจะไม่ถูกใจแฟนเกมเท่าไหร่นักนั่นก็คือ การที่เกมที่เล่นบน Steam จะต้องผูกกับ ID PSN ของผู้เล่น ซึ่งทำให้ผู้เล่นหลาย ๆ คนที่ไม่มี PlayStation อาจจะหงุดหงิดไปบ้าง แต่สำหรับผู้เล่นที่มี ID PSN อยู่แล้วก็คงไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายนัก
เล่น DLC Valhalla ได้ฟรีทันที
DLC Valhalla เป็นคอนเทนต์พิเศษที่ถูกมัดรวมมาในเกมเวอร์ชั่น PC ให้ได้เล่นกันแบบไม่เสียเงินเพิ่ม ซึ่งคอนเทนต์นี้ก็จะเป็นการออกผจญภัยของ Kratos แบบ Roguelike ที่สนุกสนาน ซึ่ง DLC นี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสนุกที่ทำให้เกมนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น แถมคอนเทนต์นี้ยังมีเรื่องราวที่น่าติดตาม เพราะเราจะได้เห็นการสำรวจตัวตนและสะท้อนความคิดอย่างลึกซึ้งเพื่อผลักดันให้ Kratos เอาชนะจิตใจและร่างกายของตน
สรุปรีวิว God of War Ragnarök
God of War Ragnarök ถือได้ว่าเป็นอีกเกมของ PlayStation ที่พอร์ตมาให้เล่นกันบนพีซีได้ดีมาก ๆ รวมไปถึงตัวเกมยังมัดแพ็คมาพร้อมกับ DLC Vahalla และฟีเจอร์ที่ผู้เล่นต้องการแบบครบครัน อีกทั้งการควบคุมเกมนี้ด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดก็ทำออกมาได้ดีไม่ติดขัดแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีปัญหาจุกจิกเรื่องการที่ผู้เล่นจะต้องผูก PSN เพื่อเล่นเกมนี้ แต่ก็ไม่ได้แย่จนเกินไปครับ
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
จุดเด่น
– กราฟิกสวยงาม เล่นได้ลื่นไหล
– มีฟีเจอร์ที่ผู้เล่นต้องการใส่มาครบครัน รวมไปถึงระบบปิดเสียงของ Atreus และ Freya
– ควบคุมด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดได้ไม่ยาก
– มาพร้อมคอนเทนต์ DLC Vahalla ให้เล่นกันฟรี
ข้อสังเกต
– มีบางฉากที่เฟรมเรตตกแบบงง ๆ แต่ไม่นานนักก็กลับมาปกติ
– ต้องผูก PSN ในการเล่นทำให้บางคนอาจจะรำคาญไปบ้าง
– บางคนยังเจอปัญหา VRAM ไม่พอ หรือบั๊คของเกมที่ทำให้เกมไม่ไปเลือกใช้งานการ์ดจอแยก แต่เลือกใช้การ์ดจอออนบอร์ด (ข้อมูลข้อนี้ ณ วันที่ 23 ก.ย. 2024 หากมาอ่านในวันหลังอาจจะมีการแก้ไขไปแล้ว)
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวกันในครั้งนี้ครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]