ถึงเวลานี้เพื่อนๆ หลายคนคงได้มีโอกาสสัมผัสเครื่องเล่น PlayStation 5 และ Xbox Series X|S กันบ้างแล้วใช่ไหมครับ ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นแพลตฟอร์มเน็กซ์เจ็นที่วางจำหน่ายพร้อมกัน หรือจะเรียกว่าติดๆ กันเลยน่าจะใกล้เคียงกว่า ทำให้เกมเมอร์พบกับทางเลือกชวนหนักอก เพราะทั้งสองฝั่งก็ล้วนดีกันคนละด้านไป บ้างก็เด่นเกม บ้างก็เด่นฟีเจอร์ บางคนเกิดรักพี่เสียดายน้องก็อาจจะถอยมาทั้งคู่เพื่อที่จะได้ ‘เจ็บแต่จบ‘
สำหรับวันนี้เอง Gamer Culture ก็ได้นำรายชื่อ 10 ข้อบกพร่องที่เราพบกันบน PlayStation 5 แต่ดั๊นแพ้เครื่องเล่น Xbox Series X|S กันแบบยับเยิน หรือถ้าไม่ยับเยินก็ต้องบอกว่าตามก้นของ Xbox กันอยู่ แต่ขอบอกก่อนว่าเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว บทความนี้อาจเป็นเพียงแค่ตัวเลือกประกอบการตัดสินใจเท่านั้น และเป็นเพียงแค่การพินิจถึงฟีเจอร์ที่ด้อยกว่า ถ้าหากใครที่ตกลงปลงใจกับเครื่องเล่นใดเครื่องเล่นหนึ่งไปแล้วก็ไม่ต้องคิดมากนะครับ ถ้าหากพร้อมแล้วก็ลองมาเริ่มกันที่ข้อแรกเลย
1. PlayStation Plus Extra ไม่ค่อยมีเกมดีๆ สักเท่าไหร่
เริ่มต้นกันที่ไลน์อัปเกมบนบริการบุฟเฟ่ต์ก่อนเลยที่ PlayStation Plus Extra ที่มีการรีแบรนด์จาก PS Now ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนแต่เอาเข้าจริงรายชื่อเกมก็ค่อนข้างเก่าและไม่แจกอย่างใจป้ำนักเมื่อเทียบกับ Xbox Game Pass ที่จับเกมฟอร์มยักษ์ระดับ AAA มาให้เล่นกันแบบ Day-1 ผสมผสานเกมอินดี้คุณภาพเยี่ยมหมุนเวียนมาให้บริการกันเรื่อยๆ แถมยังสามารถซื้อเกมที่มีการเปิดให้เล่นได้ในราคาพิเศษด้วยขณะที่ฝั่ง PlayStation ต้องรอดีลกันอย่างเดียวเลย
2. หน้าจอเมนูปรับเปลี่ยนให้ใช้งานยากกว่าเดิม
ฝั่ง PlayStation 5 ได้ปรับเปลี่ยนเมนูรูปแบบเดิมให้เป็นหมวดหมู่เกม, สื่อบันเทิง และปุ่มตั้งค่า ซึ่งฟังดูแล้วก็ดูใช้งานง่ายและเฉพาะเจาะจงดี หากแต่ว่าปุ่มตั้งค่ามันดันอยู่คนละแถวแล้วก็เล็กเสียเหลือเกิน พอนำเมนูนี้แยกไปทางนู้นทีทางนี้ที ผู้ใช้งานที่ย้ายมาจาก PS4 ก็อาจจะเกาหัวเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมนูปุ่ม PS ที่เรามักจะกดปุ่มค้างเอาไว้กลับหน้าหลัก แต่ตอนนี้กลายเป็นการกดเบาๆ ครั้งเดียว เพื่อเรียกเมนูย่อยขึ้นมา ให้เรากดหาปุ่มหน้าหลักอีกต่อ! ขณะเดียวกันฝั่ง Xbox Series X|S ก็ไม่ต้องทำอะไรมากเพราะยก UI เดิมมาใช้ได้เลยแบบไม่ต้องเรียนรู้นาน
3. การซื้อเกมข้ามโซนบนสโตร์เป็นได้อย่างยากลำบาก
แม้ว่าปัจจุบัน Sony และ Microsoft (รวมไปถึง Nintendo) จะผ่อนปรนให้ทุกคนสามารถอิมพอร์ตเกมจากเมืองนอกเมืองนามาเล่นกันได้อย่างอิสระแล้ว แต่ฝั่ง Sony ยังมีข้อจำกัดเล็กๆ คอยปิดกั้นอยู่ นั่นก็คือเราจะไม่สามารถหักบัตรเครดิตจากนอกประเทศได้ ส่วนฝั่ง Microsoft จะสามารถซื้อได้แบบไม่ต้องพึ่ง VPN ให้เสี่ยงกันเลย ขอเพียงแค่ไม่ไปโกงข้อมูลบัตรเครดิตของคนอื่นมาก็สามารถซื้อเกมบนสโตร์อื่นได้มากมายไม่ต้องกลัวโดนแบน
ความน่าสนใจก็คือ ท่ามกลางสังคมคนไทยหัวใจอาร์เจนที่ค่อนข้างโจ๋งครึ่ม ตัวแทน Microsoft ได้ยืนยันว่าอนุญาตการเปลี่ยนที่ตั้งสโตร์มาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว โดยยกตัวอย่างว่าบางทีเราอาจจะมีโอกาสยกเครื่องเล่น Xbox ไปที่ต่างประเทศหรือพื้นที่ที่มีการให้บริการได้นั่นเอง ไม่งั้นจะใส่เมนูสำหรับการเปลี่ยนโซนมาทำไมล่ะเอ้อ!
4. ขั้นตอนการอัปเกรดเกมที่ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากนัก
Xbox นำเสนอระบบใหม่ที่เรียกว่า Smart Delivery ฟังดูแล้วก็ดูธรรมดาๆ แต่ขอบอกเลยว่ามันสะดวกเสียยิ่งกว่าสะดวก เพราะว่าระบบจะสามารถตรวจสอบแพลตฟอร์มที่เหมาะสมให้กับเกมที่เราต้องการติดตั้งได้ทันทีไม่ว่าจะเป็น Xbox Series X, Xbox Series S หรือ Xbox One ซึ่งฝั่ง Series S จะมีขนาดติดตั้งน้อยกว่าเพราะไม่ต้องใช้ทรัพยากรกราฟิกมาก ส่วนทาง PS5 ก็สามารถทำได้เหมือนกัน แต่ฝันร้ายจะมาเยือนก็ตอนที่เราใส่แผ่น PS4 เข้าไป แต่ระบบทำการติดตั้งเวอร์ชั่นเก่าเข้าไปแทนน่ะสิ (กดออกแทบไม่ทัน)
5. โอนเซฟบน Cloud จาก PlayStation 4 เป็นอะไรที่ปวดหัว
ในการถ่ายโอนเซฟ Cloud จาก PlayStation Plus จะไม่สามารถทำได้ผ่านหน้าเมนูหลักเหมือน PS4 แต่ว่าผู้เล่นจะต้องเข้าไปเลือกอิมพอร์ตเอาในเมนูตั้งค่าอีกรอบหนึ่ง (ฮ่วย!) ส่วนฝั่ง Xbox ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่เข้าเกมก็สามารถดึงไฟล์จาก Cloud ได้แบบเรียบเนียนไร้รอยต่อไม่มีสะดุด ที่สำคัญทุกอย่างฟรี บางเกมถ่ายโอนเซฟไปมาระหว่าง PC กับ Xbox ได้ ถึงว่าล่ะเขาเลยเรียกว่าเป็นผู้นำด้านระบบเครือข่ายจริงๆ
6. ของเขามี Microsoft Reward สมนาคุณสุดคุ้ม
ผู้เล่นฝั่ง Xbox ทุกคนจะสามารถเข้าร่วมโครงการ Microsoft Reward เพื่อทำภารกิจรายวันแลกพอยต์มาใช้เป็นเงินหรือเติม Game Pass Ultimate กันได้แบบฟรีๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งถ้าเกิดใช้งานในประเทศที่มีการเปิดรองรับเต็มที่ยังมีสิทธิ์ในการได้รับสินค้าต่างๆ ถึงบ้านด้วย ตรงส่วนนี้ PlayStation Stars ที่เพิ่งมีการแง้มๆ ไปก็จะทำคล้ายๆ กันแต่เราก็ไม่รู้ว่าของรางวัลหรือสมนาคุณที่จะมอบให้นั้นจะดีชนิดที่ว่า ‘เล่นฟรีไม่คิดตังค์’ ได้หรือเปล่า ตรงนี้ต้องยกนิ้วให้แนวคิดของบอสใหญ่ฝั่งค่ายเขียวเลยที่มีการมอง Player-centered มาโดยตลอด
7. ลืมความลำบากการเล่นเกมย้อนหลังไปได้เลย
การเล่นเกมย้อนหลังของ PlayStation 5 มีการรองรับแบบเต็มที่แค่เพียง PS4 เท่านั้น ส่วนเกมบน PS1 – PS2 ก็มีให้เลือกเพียงหยิบมือ และเกม PS3 ก็ต้องอาศัยการสตรีมผ่าน PS Plus ระดับ Premium กันไปซึ่งบ้านเราก็ยังไม่มีการรองรับแต่อย่างใด ถัดมาที่ฝั่ง Xbox พี่แกยืนยันว่าตั้งแต่วันแรกจะมีเกมให้เราพร้อมเล่นทะลุ 1,000 เกมแน่นอนตั้งแต่รุ่นแรก, Xbox 360, Xbox One เช่นเดียวกับเกมใหม่ ทุกเกมมีการปรับกราฟิกด้วยเทคโนโลยีภายในเพื่ออัปสเกลให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น แถมบางเกมก็เพิ่มเอฟเฟกต์แสงสีให้สด ดูเหมือนกับการรีมาสเตอร์ ว่าแล้วขอไปหาแผ่น Red Dead Redemption มาเล่นแพบ
8. Quick Resume เรื่องเล็กๆ ที่ไม่เล็กสำหรับเกมเมอร์ใจร้อน
หนึ่งในฟีเจอร์ที่หลายคนมองข้าม แต่ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมเป็นไปโดยไม่มีสะดุดมากที่สุด เห็นทีต้องยกความดีความชอบในจุดนี้ให้กับ Quick Resume ของ Xbox Series X|S ที่สามารถเก็บข้อมูลการเล่นเพื่อให้เราคอนทินิวจากจุดที่เล่นค้างเอาไว้ได้ทันทีแม้ว่าเราจะปิดเครื่องถอดปลั๊กไปแล้วก็ตาม แถมไม่ได้ทำได้แค่เพียงเกมเดียว แต่สามารถเก็บไว้ได้หลายๆ เกมสลับไปมาจนเล่นไม่ทันเลยทีเดียว ส่วนฝ่าย Sony ก็อาจจะอึดอัดบ้าง แต่คงไม่ช้าจนเกินรอ… เนอะ
9. การรองรับอุปกรณ์เสริมที่ไม่เปิดกว้างมากเท่าค่ายเขียว
PlayStation 5 และ Xbox Series X|S ต่างมีความสามารถในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมหลากหลายชนิด แต่ในแง่การใช้งานจริงแล้วต้องยกความดีความชอบให้กับ Xbox ที่ยังคงรองรับเครื่องมือต่างๆ จาก A ถึง Z ได้อย่างไม่งอแงไม่ว่าจะเป็นกล้องเว็บแคม USB ธรรมดา, จอยโยก ไปจนถึงอุปกรณ์สุดเจ๋งอย่าง Adaptive Controller สำหรับผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
10. คอนโซลที่ทำให้ทุกคนเอื้อมถึงประสบการณ์เน็กซ์เจ็นได้ง่ายกว่าที่เคย ที่สำคัญไม่ปรับขึ้นราคา
การมาถึงของ Xbox Series ได้พลิกประวัติศาสตร์เดิมๆ ที่ว่า ‘เกมใหม่ต้องเป็นของคนเงินหนา’ เท่านั้น เพราะว่า Xbox Series S มีการนำเสนอประสบการณ์เน็กซ์เจ็นไซส์มินิให้เราได้เล่นกันในราคาเทียบเท่ากับเครื่องเล่นรุ่นปกติ แม้ว่าจะตัดช่องอ่านแผ่นและมีขนาด SSD น้อยกว่า แต่ก็เพียงพอให้กับลูกเด็กเล็กแดงได้เล่นเกมเพลินๆ หรือจะเอาไว้เป็นเครื่องเล่นสำรองก็ยังได้
ส่วนฝั่งตะวันตกและประเทศที่มีการทำตลาดเองก็ได้โครงการ Xbox All Access ที่ให้ทุกคนผ่อนเครื่องเล่นในราคาเพียงไม่กี่บาทต่อเดือนเป็นเวลาสองปี ซึ่งแน่นอนว่ายอดรวมก็จะสูงกว่าการซื้อเกมทั่วไปแต่เราจะได้รับสิทธิ์ Xbox Game Pass Ultimate รวมมาให้เล่นออนไลน์และรับบุฟเฟ่ต์เกมคุณภาพกันตลอดสัญญา นับเป็นประตูก้าวแรกสู่คอนโซลที่เป็นมิตรกับลูกค้าอย่างแท้จริง แล้วล่าสุด Microsoft ยังโชว์ป๋าด้วยการยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด… นะจ๊ะ
ทั้งหมดนี้ก็คือ 10 จุดบกพร่องจากฝั่ง PlayStation 5 ที่ดูยังไง๊ ดูยังไงฝั่งเขียวก็เหนือกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอย้ำอีกว่าองค์ประกอบเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประกอบการตัดสินใจซื้อเครื่องเล่นเท่านั้น แต่หัวใจหลักของเกมเน็กซ์เจ็นก็คือรายชื่อเกมและผลงานเอ็กคลูซีฟที่จะมีในอนาคต นับตั้งแต่วันนี้ไปเราก็คงต้องรอชมกันยาวๆ