เชื่อว่าเพื่อน ๆ สายเกมหลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์การเล่นเกมที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย บางคนอาจจะเริ่มตั้งแต่ยุค PS1 แต่บางคนก็อาจจะเริ่มมาตั้งแต่ยุค Famicom เลยก็เป็นได้ และเกมยุคเก่าเองถ้าเปรียบเทียบกับเกมในปัจจุบัน เรื่องภาพกราฟิกคงไม่อาจสู้เกมใหม่ได้ แต่มันก็มีเสน่ห์ดึงดูดและลงตัวในแบบของมัน โดยเฉพาะความเรียบง่ายของการสร้างเกมนั้นมีความตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน ไม่มีอะไรลึกซึ้ง เป็นเพียงเกมที่มีแมคคานิคง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ และใช้ทักษะเล่นให้ผ่านด่านก็พอ แต่ความเรียบง่ายนั้นใช่ว่าจะผ่านง่ายเสมอไป เพราะมันมีอะไรหลาย ๆ อย่างคอยเป็นอุปสรรคให้กับผู้เล่นเสมอ เราไปชมกันครับว่ามีอะไรบ้าง
1. ด่านเดินเป็นเส้นตรงแต่ก็ใช่ว่าจะผ่านได้
หากเทียบกับเกมยุคปัจจุบันที่มีความซับซ้อนเรื่องแผนที่หรือเส้นทางการผจญภัยของตัวเอก บางเกมเป็น Open World ที่กว้างใหญ่ บางเกมมีทางแยกมากมายจนเรียกได้ว่าเขาวงกต แต่สำหรับเกมยุคก่อนจะไม่ใช่แบบนั้น ตัวเกมมักจะเดินเป็นเส้นตรงที่เดินขึ้นไปข้างบน หรือเดินจากซ้ายไปขวาตรง ๆ เท่านั้น ไม่มีทางเลี้ยง ไม่มีทางแยก ถ้าไปสุดทางได้ยังไงก็ถึงที่หมายและถือว่าผ่านด่าน แต่ก็ใช่ว่ารู้ทางไปแล้วมันจะผ่านได้ เพราะเกมยุคเก่ามักเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายที่ทำให้คุณไม่สามารถเดินได้สะดวก ทั้งศัตรู ภูมิประเทศ กับดัก ดีบัฟ และอื่น ๆ อีกมากมายที่พูดได้เต็มปากว่า “มันไม่ง่าย” ดังนั้นการรู้ว่าต้องไปทางไหนแค่อย่างเดียวไม่ได้แปลว่าคุณจะเล่นเกมนั้นผ่านครับ
2. ปุ่มบังคับไม่กี่ปุ่ม แต่อุปสรรคเพียบ
เกมสมัยก่อนจะมีการบังคับตัวละครและปุ่มกดที่ไม่เยอะและไม่ซับซ้อน คุณลองนึกเทียบกับเกม Action สมัยใหม่ นอกจากจะต้องกดเคลื่อนไหวด้วยอนาล็อค โจมตีใกล้ โจมตีไกล เล็ง ใช้ไอเทม กระโดด กลิ้งหลบ บล็อก หมอบ เปลี่ยนสกิล และอื่น ๆ อีกมากมายที่เกม ๆ นั้นจะหามายัดใส่ในเกมเพลย์ แต่สำหรับเกมสมัยก่อนนั้นการบังคับจะไม่ซับซ้อนมากแบบนั้น อย่างเก่งก็มีปุ่มโจมตี ปุ่มกระโดด และบังคับทิศทาง เพื่อให้ผู้เล่นที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนสามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องฝึกฝนอะไรมาก่อน แต่ต่อให้การบังคับจะง่ายยังไง อุปสรรคในเกมก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายเหมือนการเล่น ต่อให้คุณจะรู้ว่ากระโดดยังไง หลบยังไง แต่ฝูงศัตรูและกระสุนจำนวนมากจะจู่โจมใส่คุณแบบจัดเต็มจนเรียกได้ว่าลำบากเลยล่ะครับ
3. ไม่ต้องมี HP โดนโจมตีครั้งเดียวก็ร่วง
เกมยุคใหม่จะมีระบบ HP เพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณจะตายเมื่อไหร่ และมักจะมาพร้อมกับไอเทมเพิ่มพลังหรือระบบรีเจนเลือดอื่น ๆ ถึงแม้ว่าบางเกมในยุคก่อนจะเริ่มมีระบบ HP เข้ามาให้ผู้เล่นได้สัมผัส แต่ส่วนมากเกมในยุคก่อนมักจะเป็นเกมที่ไม่มีระบบ HP มานับดาเมจ และแน่นอนว่าพอไม่มีระบบ HP ปัญหาของผู้เล่นก็คือ “โดนทีเดียวตาย” ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้กับผู้เล่นสูงมากเพราะว่าเราจะพลาดไม่ได้ เพราะถ้าพลาดหมายถึงตายและเกมโอเวอร์ ในขณะเดียวกันก็จะมีระบบจำนวนชีวิตเข้ามานับแทน แต่ยังไงมันก็ยากกว่าการใช้ระบบ HP อยู่ดี เพราะถ้าตายของที่สะสมมาในชีวิตนั้นก็จะหายหมด แม้จะไปต่อได้เพราะมีชีวิตเหลือแต่ก็จะเดินทางได้ลำบากอยู่ดีครับ
4. AI ไม่ฉลาด แต่ก็ไม่ผ่านสักที
ศัตรู มอนสเตอร์ หรืออุปสรรคต่าง ๆ ที่ใช้ AI ในการควบคุม โดยพวกมันจะเคลื่อนที่และโจมตีเราตามแมคคานิคที่ผู้พัฒนาตั้งค่าเอาไว้ ถ้าเกิดว่าเป็นเกมยุคใหม่ AI เหล่านี้จะมีความฉลาดระดับนึง โดยเฉพาะมอนสเตอร์ประเภทบอสที่อาจมีการเปลี่ยนแพทเทิร์นหรือมีการกระทำบางอย่างตามการเล่นของผู้เล่น ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นผ่านได้ลำบากมากขึ้น ซึ่งในสมัยก่อนจะไม่มีอะไรแบบนี้อยู่เท่าไหร่นัก ส่วนมากจะเป็นการตั้งค่าตายตัวและไม่ค่อยปรับตัวตามผู้เล่น เป็นการเคลื่อนไหวดาด ๆ และตรงไปตรงมา แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะอ่านการเคลื่อนไหวมันได้แล้วจะเล่นผ่าน เพราะ AI ถูกพัฒนาภายใต้เงื่อนไขว่าผู้เล่นต้องอ่านออกอยู่แล้วว่าจะมาไม้ไหน เพราะงั้นศัตรูจึงถูกออกแบบให้ยากถึงแม้ว่าเราจะอ่านออกครับ
5. การเล่น 2 คน บางครั้งก็ไม่ช่วยให้ง่ายขึ้น
เกม Co-op ในยุคก่อนก็ถือเป็นหนึ่งในแนวเกมที่เกมเมอร์สมัยนั้นชื่นชอบพอสมควร เพราะอย่างที่กล่าวไปในข้อที่ผ่าน ๆ มา ก็จะรู้ว่าเกมเพลย์ยุคเก่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และการมีเพื่อนมาช่วยเล่นด้วยอีกสักคนน่าจะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นแน่ ๆ (มั้ง 555) แต่ความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะต่อให้ผู้เล่นจะมากขึ้นและช่วยให้ต่อสู้กับศัตรูได้ง่ายขึ้นก็จริง แต่ก็จะมีปัญหาอย่างอื่นโผล่ขึ้นมาแทน เช่น การแย่งไอเทมในเกม การบังจอ การดึงฉาก การกลั่นแกล้งกันในเกม เป็นต้น จนบางครั้งก็แอบคิดว่าถ้าเล่นคนเดียวจะง่ายกว่าเล่น 2 คนหรือเปล่านะ (555)
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับ “5 ความเรียบง่ายของเกมยุคเก่าที่มันไม่เคยเล่นง่าย” ตรงกับประสบการณ์ที่เพื่อน ๆ เคยเจอมาหรือเปล่า ไม่ได้บอกว่าเกมยุคนี้ไม่ดีนะครับ ถ้าเทียบเรื่องความลึกซึ้ง ซับซ้อน และเกมเพลย์ที่มีมิตินั้น เกมยุคปัจจุบันย่อมทำได้มากกว่าแน่นอนครับ แต่เกมสมัยก่อนเองก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน นาน ๆ ครั้งแวะกลับไปเล่นบ้างก็ดีเหมือนกันนะ