ตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีภาพยนตร์ที่ทำมาจากเกมออกมาสู่สายตามากมายและก็ได้กระแสตอบรับดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมนั้นส่วนมากกระแสตอบรับกันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และในบทความนี้ผมจะพาทุกท่านมาย้อนเวลาพบกับ 15 หนังยอดแย่ จากเกมยอดเยี่ยมกันครับ
อนึ่ง บทความนี้เป็นส่วนที่ผู้เขียนรวบรวมมา รวมถึงบางส่วนเป็นความคิดของผู้เขียนเอง หากไม่ถูกใจผู้อ่านท่านใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยขอรับ
1. Resident Evil: After Life – จากเกม Action Horror กลายเป็น Action เลือดสาดซะงั้น
หลังจากออกทะเลมานานและดูท่าทางจะยังไม่มีวี่แววที่หนังจากเกมยอดฮิต Resident Evil (หรือ Bio Hazard) จะกลับสู่ฝั่งความเป็นหนังสยองขวัญจริงๆ เสียที โดยบอกได้เลยว่า Resident Evil: After Life นั้นได้ตอกย้ำความล้มเหลวของหนังจากซีรี่ย์เกมยอดเยี่ยมอย่าง Resident Evil ไปอย่างท่วมท้น ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่นที่น่ารำคาน ความสยองขวัญที่หายไป เนื้อเรื่องที่ค่อนข้างอ่อน ทำให้ได้คะแนนไปค่อนข้างต่ำเลยทีเดียว
5.9/10 IMDb 23% Rotten Tomatoes 37% Metacritic
2. Max Payne – ความเป็น Max Payne ที่หายไป
Max Payne เกมที่ขึ้นชื่อมากในช่วงหนึ่งกับระบบ Bullet Time ที่นำเสนอความเป็น The Matrix ลงไปในเกมที่ทำให้การเคลื่อนไหวของสิ่งรอบข้างนั้นช้าลงไป แต่ตัวละครเราขยับได้ตามปกติ ทำให้เหมือนเราขยับได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามในฉบับหนังได้ถอดระบบนี้ออกไป นอกจากนี้การเดินเรื่องของหนังเรื่องนี้นั้น ค่อนข้างย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นการสืบสวนสอบสวนที่ง่ายจนคาดเดาได้ ฉากจบที่โดนตัดไปเสียดื้อๆ ทำเอาแฟนเกมที่หวังจะได้เห็นหนังดีๆ ต้องเซ็งไปตามๆ กัน
5.4/10 IMDb 16% Rotten Tomatoes 31% Metacritic
3. Silent Hill: Revelation – ภาคต่อของหนังที่น่ากระอักกระอ่วนใจ
น่าเสียดายจริงๆ กับหนังเรื่อง Silent Hill: Revelation ที่ต้องบอกว่าในภาคแรกทำไว้ได้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ภาคแรกนั้นเนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเกมเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อมาในภาค 2 นั้นผู้กำกับพยายามที่จะเชื่อมโยงในส่วนของหนังและเกมเข้าด้วยกันทำให้หนังนั้นพังไม่เป็นท่า ตั้งแต่ความพยายามในการเชื่อมเรื่องโดยให้ตัวละครออกมาพูดยาวยืดตั้งแต่ตอนต้นของหนัง ความสยองที่หายไปกลายเป็นหนังที่เหมือนเอาสัตว์ประหลาดมาตีกัน รวมถึงฉากจบที่ตัดเสียดื้อๆ ทำให้แฟนหนังั้นส่ายหน้าไปตามๆ กัน
5/10 IMDb 5% Rotten Tomatoes 15% Metacritic
4. Hitman : Agent 47 – ลาก่อยนายโล้น
อาจจะด้วยจังหวะที่ไม่ดีหรืออย่างไรก็ไม่ทราบทำให้หนังเรื่องนี้ได้คะแนนค่อนข้างแย่ เนื่องจากมีหลายความเห็นบอกว่าหนังนี้ได้ก๊อปฉากหลายๆ ฉากมาจากหนังหลายๆ เรื่อง ที่เพิ่งฉายไปทำให้หนังเรื่องนี้พังแบบเสียไม่ได้ แม้ว่ามีส่วนที่ดีเช่นฉากบู๊ ฉาก Slow Motion แต่อย่างไรก็ตามแกนหลักของเรื่องอย่างเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างอ่อน รวมถึงอารมณ์ของหนังที่ตึงเครียดตลอดเวลาทำให้หนังเรื่องนี้ไม่เป็นที่นิยมไปอย่างน่าเสียดาย
5.7/10 IMDb 8% Rotten Tomatoes 28% Metacritic
5. DOA: Dead or Alive: มีดีที่…หญิง
เกมต่อสู้นุ่งน้อยห่มน้อยเช่น DOA ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่หลายคนรอดูตอนเป็นภาพยนตร์ว่าจะน่าดูแค่ไหนกัน เพราะด้วยตัวเกมนั้นบอกได้เลยว่าตัวละครออกแบบมาได้ขยี้ใจชายมากๆ จนกระทั่งออกมาเป็นหนังเท่านั้นแหล่ะครับบอกได้ว่ามีดีจริงๆ มีดีที่นักแสดงหญิง ส่วนที่เหลือเหรอครับ…พังไปตามๆ กัน ตั้งแต่เนื้อเรื่อง ฉาก มุมกล้อง ทำให้แฟนเกม(ชาย)ที่รอดูต้องตาค้าง…เอ้ย!!! เสียใจไปตามๆ กัน
4.8/10 IMDb 34% Rotten Tomatoes 38% Metacritic
6. Double Dragon – มังกรคู่…สู้อยู่ในเกมก็พอ
เป็นหนังที่มีความพยายามอย่างมากในการคงความเป็นเกมไว้ ทำให้เนื้อเรื่องทั้งหมดนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ นั่นคือทั้งเรื่องไม่มีอะไรเลยนอกจากการต่อสู้ของหนุ่มชุดแดงและน้ำเงินแต่เพียงเท่านั้นเอง
3.6/10 IMDb 8% Rotten Tomatoes 3/5 Pissed Off Geek
7. Mortal Kombat: Annihilation – สงสัยมาเยอะไป คะแนนเลยน้อย
เป็นเกมที่ประสบความสำเร็จมาโดยตลอดในการนำเสนอเรื่องความดิบ ความเถื่อน เลือดสาด สะใจผู้เล่น โดยในหนังภาคแรกก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอยู่พอสมควร แต่พอมาถึงภาค 2 เท่านั้นแหล่ะครับ สะเทือนใจผู้ชมตั้งแต่ต้นเรื่องโดยการฆ่าจอห์นนี่ เคจ ซึ่งเป็น 1 ในตัวละครหลักทิ้ง ภายในไม่ถึง 5 นาที รวมถึงการยัดเยียดอะไรอีกมากมายจนล้น รวมถึงนักแสดงที่ย่ำแย่ ทำให้หนังเรื่องนี้เจ๊งไม่เป็นท่า
3.7/10 IMDb 3% Rotten Tomatoes 11% Metacritic
8. Far Cry – ซวยตรงที่ได้ผู้กำกับคนนี้
Far Cry คงต้อง Cry ดังๆ เมื่อ Uwe Boll ประกาศสร้างหนังจากเกมนี้ โดย Uwe Boll นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่หยิบเกมส์ดีๆมาปู้ยี่ปู้ย่ำในรูปแบบภาพยนตร์ซะไม่เหลือดี และเรื่องนี้ก็เช่นเดิม โดยเริ่มจากการเดินเรื่องเป็นไปอย่างหลวมๆ ตัวละครเกือบทุกตัวขาดที่มาที่ไป มุขตลกที่ไม่ตลก ทำให้แฟนเกมนี้ร้องไห้โฮตามๆ กัน
3.1/10 IMDb 5/10 JoBlo.com 5/10 IGN.com
9. In The Name of The King: A Dungeon Siege Tale – ชื่อเจสัน สเตทแธม ไม่ช่วยอะไร
อุตส่าห์ได้นักแสดงชั้นนำมาทั้งทีแต่หนังเรื่องนี้ก็ยังคงความย่ำแย่ไว้ได้ครบถ้วน โดยผู้กำกับ Uwe Boll ก็ยังคงสร้างชื่อความห่วยแตกไว้ได้อย่างดี ด้วยต้นทุนการสร้างที่ต่ำ เนื้อเรื่องที่หลวมโพรก ทำให้หนังเรื่องนี้ล้มเหลวไปแบบไม่ต้องสงสัย
3.8/10 IMDb 4% Rotten Tomatoes 15% Metacritic
10. House of the Dead – ซอมบี้ขั้นเทพ
จากเกม Arcade ชื่อดังของ SEGA กลายเป็นหนังชื่อดัง (ด้านลบ) มากมายเพราะหนังเรื่องนี้สร้างองค์ประกอบของหนังได้แย่มาก ตั้งแต่ที่มาของตัวละคร ความสมเหตุสมผลของหนัง ซอมบี้ที่เรียกได้ว่าแหกทุกกฎของซอมบี้ (มีที่ไหนซอมบี้ว่ายน้ำได้) หนังเรื่องนี้เลยโดนยี้ไปตามระเบียบ
2/10 IMDb 4% Rotten Tomatoes 15% Metacritic
11. Postal – นายคนนี้อีกแล้วเหรอ!?
Uwe boll กลับมาอีกครั้งกับการนำเกมดีๆ มาย่ำยี เริ่มจากเกม Postal คือเกมโหด เลือดสาด ครบทุกความดิบ พอมาเป็นหนังทุกคนก็คาดหวังเช่นกันว่จะได้เจอกับความดิบ และ Uwe Boll ก็จัดให้ผู้ชมได้อ้วกกับความย่ำแย่ของหนังอย่างเต็มที่ ด้วยการนำเสนอมุขตลกต่างๆ จนล้นเกินความจำเป็น ทำให้ผู้ชมนั้นส่ายหน้าแบบสุดๆ
4.5/10 IMDb 8% Rotten Tomatoes 22% Metacritic
12. Bloodrayne – สาวครึ่งแวมไพร์ถึงเวลาลงโลง
จากเกมประเภทฟันแล้วแทงบน Xbox สาวครึ่งแวมไพร์ก็ได้มาลงจอยักษ์กับเขาบ้าง แต่หารู้ไม่ว่าการลงจอครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของเธอนั้นป่นปี้ด้วยฝีมือนาย Uwe Boll โดยเรื่องราวของเรื่องนั้นทำออกมาได้หลวมโพรก ไหนจะองค์ประกอบอื่นๆ รวมถึงนักแสดงแทนที่จะใช้นักแสดงจริงๆ นาย Uwe Boll กลับไปใช้ผู้หญิงขายบริการมาแสดงแทนด้วยข้ออ้างว่าประหยัดงบประมาณ…มันน่านัก!!!
2.9/10 IMDb 4% Rotten Tomatoes 18% Metacritic
13. Street Fighter – ฌองคลอง แวนแดมม์ ถึงขั้น DAMN!
ในตอนแรกที่ผมได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้ผมคาดหวังถึงเอฟเฟก์ท่าไม้ตายที่เราพยายามกดจนจอยพังมาอยู่ในหนังแต่ความเป็นจริงแล้ว…ไม่มีให้เห็นแม้แต่แอะเดียว แถมยังมีฉากที่ตลกจนหาที่ไหนมาเทียบไม่ได้เช่นฉากมิสเตอร์ไบซันคุมหุ่นยนตร์ด้วยจอยอาเขต (เอาจริงดิ!?) บลังก้าที่เป็นคนทาตัวเขียวๆ รวมถึงตัวละครที่มีมากมายแต่ไม่ได้สาระอะไรเลยนอกจากประเด็นที่ว่า “กู้โลก” เท่านั้นเอง
3.8/10 IMDb 15% Rotten Tomatoes
14. Street Fighter: Legend of Chun-Li – ตามภาคหลักไปนะแม่นาง
หากถามหาหนัง Street Fighter ที่แย่กว่าข้างบนแล้วขอเชิญมาที่เรื่องนี้ครับ หนักหนากว่าเรื่องข้างบนเสียอีกตั้งแต่เนื้อเรื่อง ตัวละคร บทพูด รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ โดยชุนหลีในภาคนี้จะเป็นตำรวจสืบสวนที่ ต้องเดินทางมาดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อศึกษาวิชาการต่อสู้พร้อมกบตามหาความจริงว่าใครฆ่าพ่อของเธอ ซึ่ง…สมเหตุสมผลเสียจริง (ประชด!!!)
3.7/10 IMDb 6% Rotten Tomatoes 1/5 Common Sense Media
15. Super Mario Brother – ปล่อยน้าๆ แกไปซ่อมท่อเถอะ
เมื่อพูดถึงมาริโอ้ เราก็ต้องนึกถึงช่างประปาชุดแดง ช่างประปาชุดเขียว เจ้าหญิงในชุดชมพู เต่า เห็ด ไดโนเสาร์ เต่ายักษ์ และหนังเรื่องนี้ได้นำพวกเขาทั้งหมดมาผจญภัยร่วมกัน ซึ่งทำออกมาได้…เห่ยมาก หากอยากจะทราบว่าเป็นอย่างไร ก็ขอเชิญชมตัวอย่างข้างล่างแทนแล้วกันนะครับ
4/10 IMDb 15% Rotten Tomatoes 2/5 Common Sense Media
หลายคนคงคาดหวังว่าเกมที่ตนเองชื่นชอบนั้นจะออกมาเป็นภาพยนตร์ดีๆ ให้เราได้ชมกัน แต่ผลที่ออกมาบางครั้งก็ถูกใจ บางครั้งก็ขัดใจ แม้ว่าครั้งนี้ผมจะนำเสนอภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมได้แย่ แต่ไม่ใช่ว่าในโลกนี้จะมีแต่สิ่งที่แย่นะครับ ยังมีภาพยนตร์อีกหลายๆ เรื่องที่สร้างจากเกมและทำรายได้ได้ดี รวมถึงประทับใจผู้ชมอีกหลากหลายเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าผู้กำกับและนักแสดงทุกคนก็ทำเต็มที่ และไม่มีใครอยากสร้างหนังที่ถูกคนอื่นยี้หรอก จริงไหมครับ?
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Screenrant, Metacritic
ผู้เขียน : TF_Youryu