ย้อนเปิดบทหนังต้นฉบับ Black Panther 2 ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
ธีมหลักให้เน้นความสัมพันธ์ของครอบครัว แทนที่จะเป็นการเมืองของวากานด้า

ในเวอร์ชันแรกสุดของบทหนัง Black Panther 2 ผู้กำกับ Ryan Coogler วางเรื่องให้โฟกัสความสัมพันธ์ระหว่าง T’Challa และลูกชายวัย 8 ขวบ พร้อมคอนเซปต์ “Ritual of 8” ก่อนที่โศกนาฏกรรมการจากไปของ Chadwick Boseman จะทำให้ต้องรื้อบทใหม่ทั้งเรื่อง

ถ้าเพื่อนๆ ดู Black Panther: Wakanda Forever แล้วรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแห่งการสูญเสียและการก้าวต่อไป นี่คืออีกหนึ่งมุมมองที่ชวนคิดตามมากๆ เพราะก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ผู้กำกับ Ryan Coogler เคยมี “บทต้นฉบับ” ความยาวกว่า 180 หน้า สำหรับ Black Panther 2 ที่ตั้งใจเล่าเรื่องในโทนที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และหัวใจของเรื่องนั้นคือ สายสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก
ในบทเวอร์ชันแรกนี้ T’Challa ยังมีชีวิตอยู่ และมีลูกชายวัยประมาณแปดขวบซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง โดย Coogler วางธีมหลักให้เน้นความสัมพันธ์ของครอบครัว แทนที่จะเป็นการเมืองของวากานด้าหรือการรับมือกับความสูญเสียแบบที่เราเห็นในหนังเวอร์ชันฉายจริง
“Ritual of 8” เวลาพ่อ-ลูก 8 วันที่ไม่มีอะไรมากั้น
โครงเรื่องสำคัญที่ Coogler คิดไว้คือพิธีกรรมที่เรียกว่า “Ritual of 8”
ลูกชายของ T’Challa ต้องใช้เวลาอยู่กับพ่อเป็นเวลา 8 วันกลางธรรมชาติ โดยมีกติกาชัดเจนว่า
- ลูกถามอะไร พ่อต้องตอบ
- พ่อจะต้องคอยสอนให้ลูกเอาตัวรอด
- ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับความจริงและความรู้สึกของกันและกัน
และในช่วงเวลานี้เอง Namor บุกเข้ามาแทรกกลางสถานการณ์ ทำให้เรื่องราวไม่ได้เป็นแค่ภารกิจซูเปอร์ฮีโร่ แต่กลายเป็น “หนังผจญภัยเชิงจิตวิทยาระหว่างพ่อ-ลูก” ที่ตัวละครต้องติดอยู่ด้วยกัน คุยกัน เปิดใจต่อกัน หนีไม่ได้
มันคือทิศทางที่แตกต่างจาก Wakanda Forever อย่างชัดเจน และน่าจะทำให้โทนของหนังออกมาในอารมณ์อบอุ่น-ขมขื่น มากกว่าดราม่าการสูญเสียที่เราได้ชมกันจริงๆ
บทที่ Boseman ไม่ทันได้อ่านจนจบ
Coogler เล่าว่าเขาตั้งใจจะให้ Chadwick Boseman อ่านบทต้นฉบับนี้ แต่ในช่วงเวลานั้น Boseman ป่วยหนักจน ไม่มีแรงอ่านบท ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลังจากนั้น ทีมงานจึงต้อง รื้อบทใหม่ทั้งเรื่อง และปรับทิศทางไปสู่หนังที่สะท้อนการอาลัย การส่งต่อ และการยืนหยัดของคนที่ยังอยู่ ซึ่งก็คือเวอร์ชันที่เราเห็นในโรงภาพยนตร์
เกร็ดเบื้องหลัง: Kraven เคยเกือบได้โผล่ในหนัง

Coogler ยังเผยด้วยว่า เขาเคยอยากให้ Kraven the Hunter ปรากฏตัวในหนัง แต่แม้ฝั่ง Sony จะพูดทำนองว่า “เอาไปใช้ได้” ทว่าก็ไม่ได้เปิดไฟเขียวให้นำตัวละครมาใช้จริงในท้ายที่สุด
ภายหลัง Kraven ได้มีหนังเดี่ยวของตัวเองในปี 2024 ซึ่งผลตอบรับในบ็อกซ์ออฟฟิศก็อย่างที่เพื่อนๆ รู้กัน
เป็นอีกหนึ่ง “สมมติภาพทางประวัติศาสตร์ของหนัง” ที่ชวนคิดว่าถ้าบทเวอร์ชันนี้ได้ถูกสร้างขึ้นจริง บรรยากาศของ Black Panther 2 คงจะกลายเป็นหนังพ่อ-ลูกที่เข้มข้น และตีความฮีโร่ในมุมที่ต่างออกไปไม่น้อยเลยทีเดียว
สามารถติดตามข่าวสารภาพยนตร์อื่น ๆ ได้ที่ GamerCulture





