
ในบทสัมภาษณ์สุดล้ำของ Hideo Kojima กับ VOGUE JAPAN – ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของเกม ที่เขาเชื่อว่าจะไม่ใช่แค่ “เกม” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นสื่อใหม่ที่ไร้เส้นแบ่งระหว่าง “เกม” กับ “ภาพยนตร์”

โคจิมะเล่าย้อนถึงวัยเด็กที่ไม่มีเกมให้เล่น ทำให้เขาเติบโตมากับภาพยนตร์และวรรณกรรม ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของสไตล์การเล่าเรื่องแบบ “ภาพยนตร์ในเกม” อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา โดยเฉพาะการกล้าสร้าง “ความไม่สบายใจ” หรือ “ความแปลกแยก” ที่ผู้เล่นอาจไม่เข้าใจในตอนแรก — แต่กลายเป็นตำนานในเวลาต่อมา เช่นเดียวกับ Blade Runner ที่เขายกเป็นตัวอย่าง
หนึ่งในไฮไลต์ของบทสัมภาษณ์คือการพูดถึงโปรเจกต์ “SATELLITES” นิทรรศการศิลปะร่วมกับผู้กำกับ Nicolas Winding Refn ซึ่งใช้โฮโลแกรมและเทคโนโลยีล้ำ ๆ ในการพูดถึง “ชีวิตและความตาย” แบบที่โคจิมะมองว่า “เหมือนดาวเทียมที่โคจรรอบกันระหว่างศิลปินและคนดู”

นิทรรศการความร่วมมือกับเพื่อนเก่าแก่ผู้กำกับ Nicolas Winding Refn (ซ้าย) เรื่อง “
SATELLITES” BY NICOLAS WINDING REFN WITH HIDEO KOJIMA
และแน่นอน… Death Stranding ยังไม่จบง่าย ๆ
โคจิมะยืนยันว่าเวอร์ชันภาพยนตร์ที่ร่วมผลิตกับสตูดิโอผู้ผลิตภาพยนตร์ A24 กำลังพัฒนาอยู่ โดยตั้งใจให้เป็น “หนังที่ไม่ใช่แค่หนังจากเกม” แต่เป็นหนังที่ยืนได้ด้วยตัวเอง และอาจไปไกลถึงเวทีอย่าง Cannes หรือ Venice
นอกจากนี้ยังมีแผนทำ อนิเมะ Death Stranding อีกด้วย — แฟนๆ เตรียมรับจักรวาลนี้แบบจัดเต็มในหลายรูปแบบ!

วิสัยทัศน์ 4 เฟสของโคจิมะ: เกมกับหนังจะกลายเป็นสิ่งเดียวกัน
- เฟส 1 – สร้าง IP อย่าง Death Stranding ให้กระจายไปหลายสื่อ
- เฟส 2 – สร้างโปรเจกต์ที่เส้นแบ่งระหว่างเกมกับหนังเลือนลาง
- เฟส 3 – ผลิตผลงานที่เป็น “ทั้งเกมและหนังในเวลาเดียวกัน”
- เฟส 4 – เริ่มต้นจากภาพยนตร์ แล้วต่อยอดไปเป็นเกมหรือผลงานอื่น ๆ

โคจิมะปิดท้ายด้วยมุมมองที่ลึกซึ้งว่าโลกในยุค VR, AI, และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเสพสื่อ และเขาเองก็พร้อมจะเป็นผู้นำพาโลกเกมเข้าสู่ยุคต่อไป — ยุคที่ “เกม” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเล่นอีกต่อไป
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์ได้ที่ GamerCulture