รีวิวเกม

[รีวิว] Call of Duty: Modern Warfare III

เกม FPS ทหารสุดไฮเทคชื่อดังระดับโลก กับเนื้อเรื่องภาคที่ 3

ผู้เขียน : MakinoJou

หากคุณเคยเล่นเกม FPS สาย Single Player เสพเนื้อเรื่องในช่วงยุค 2000 มาก่อน อย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินเกม FPS ชื่อก้องโลกอย่าง Call of Duty มาบ้างไม่มากก็น้อย และเกมนี้ก็จะมีภาคหลักอีกภาคที่ใช้ชื่อว่า Modern Warfare โดยที่จะเป็นกองกำลังทหารกลุ่มหนึ่ง ทำภารกิจลับกันกับทีมไม่เกิน 4-5 คน พร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่สำคัญยังมีเนื้อเรื่องแยกเป็นของตัวเองและน่าติดตาม ปัจจุบันมีเกม Multiplayer ที่ใช้ชื่อภาคว่า Warzone ซึ่งมีผู้เล่นจำนวนมากเล่นเกมนี้อยู่ และที่เรากำลังจะพูดถึงในบทความนี้ คือรีวิวของ Call of Duty: Modern Warfare III กับโหมดแคมเปญหรือเนื้อเรื่องภาคต่อจากเกมนี้ครับ

เนื้อเรื่องภายในเกมนี้


เนื้อเรื่องของ CoD: MW3 นี้เป็นเนื้อเรื่องที่ต่อเนื่องมาจาก MW1 และ MW2 ที่เคยวางจำหน่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ สำหรับใครที่ไม่เคยเล่นภาค 1-2 มาก่อน อาจจะมีความงงเล็กน้อยกับความเชื่อมโยงของสงครามและความสัมพันธ์ของตัวละครในอดีต แต่โดยรวมแล้วก็มีการเซ็ตเนื้อเรื่องให้จบครบในภาค 3 ของมันเอง โดยเนื้อเรื่องจะเริ่มต้นขึ้นจากการที่ Makarov อาชญากรรัสเซียได้แหกคุกออกมาจากความช่วยเหลือของลูกน้อง ทำให้ชนวนสงครามระหว่างอเมริกาและรัสเซียปะทุขึ้นอีกครั้ง ซึ่งตัวร้ายในภาคนี้จะใช้วิธีก่อการร้ายยิบย่อยตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกและโยนความผิดไปให้กับผู้อื่น โดยมีกองกำลังกบฎในประเทศ Urzikstan เป็นแพะรับบาปในสายตาชาวโลกเพราะถูกโยนความผิดไปให้ รวมไปถึงมีการหักหลังกันเองภายในองค์กรแต่ละฝ่าย ทำให้ตัวละครหลักที่เราเล่นนั้นต้องออกไปทำภารกิจอยู่หลายที่เลยครับ

ตัวละครหลักที่ปรากฎในภาคนี้


Price – ตัวละครหลักระดับตำนานที่อยู่คู่บารมี CoD: MW มาตั้งแต่ภาค 1 เป็นหัวหน้าทีมในการทำภารกิจแต่ละครั้ง

Soap – ทหารแนวหน้าบ้าระห่ำ อารมณ์ร้อน โกรธแค้น Makarov เป็นพิเศษที่ชอบปั่นประสาทคนอื่นและฆ่าผู้บริสุทธิ์

Ghost – มือสไนเปอร์มือหนึ่งของหน่วย มาพร้อมกับหน้ากากรูปหัวกระโหลก แถมยังเชี่ยวชาญเรื่องล้วงความลับศัตรูอีกด้วย

Gaz – ทหารมือดีจากอังกฤษที่เข้ามาร่วมหน่วยของ Price ตั้งแต่ MW1 ตัวไล่ล่าผู้ก่อการร้ายและทำงานเป็นทีมได้อย่างดีเยี่ยม

Farah – หัวหน้ากลุ่มกบฎจาก Urzikstan ที่เคยถูก Price ช่วยเอาไว้สมัยก่อน วันนี้เป็นพันธมิตรกัน เธอโกรธแค้น Makarov ที่ใส่ร้ายกลุ่มของเธอ

Alex – มือขวาของ Farah ที่เข้าร่วมสงครามที่ Urzikstan มาตั้งแต่ MW1 แม้จะเสียขาไปข้างหนึ่งแต่เขาก็ยังเป็นมือดีอยู่

Laswell – หัวหน้าหน่วย CIA ที่คุมโปรเจ็คและภารกิจลับต่าง ๆ มากมาย เป็นคนที่หาข้อมูลมาให้ทีมของ Price อยู่หลายครั้ง

Nicolai – เพื่อนเก่าของ Price ที่ทำหน้าที่เป็นนักบิน มีเฮลิคอปเตอร์ของตัวเอง ช่วยเหลือทีมในภารกิจลับอยู่เสมอ

Graves – ผู้นำกลุ่ม Shadow Company ขึ้นตรงกับนายพล Shepherd และมีประเด็นกับ Soap และ Ghost มาตั้งแต่ MW2

Shepherd – นายพลอเมริกาที่ส่งอาวุธให้กับผู้ก่อการร้ายอย่างผิดกฎหมายใน MW2 แต่ก็ยังลอยนวลมาได้จนถึง MW3

เกมเพลย์ FPS สุดมันส์


อย่างที่กล่าวไปว่าเกมนี้เป็นเกมยิงที่ใช้มุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งตัวเกมค่อนข้างเร็วและสมจริง ทั้งแรงถีบของปืน ท่ารีโหลดกระสุน อุปกรณ์ที่ใช้ การใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์ รวมไปถึงปฏิกิริยาของ AI ต่าง ๆ ทั้งฝ่ายเราและศัตรู ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะใช้วิธีอะไรกำจัดศัตรู ไม่ว่าจะยิง ปาระเบิด ใช้อุปกรณ์สุดไฮเทคช่วย หรือจะปามีดใส่ศัตรูก็ได้ แต่ศัตรูก็จะมีเกราะคอยกันกระสุนได้ค่อนข้างสมจริง จริงอยู่ที่หากเรายิงเข้าหัวแบบโล่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปืนอะไรก็เข้าหัวนัดเดียวตาย แต่ถ้าศัตรูใส่เกราะใส่หมวกมาล่ะก็ ปืนไหนเบาก็จะยิงไม่ค่อยเข้า หรือต้องยิงให้หมวกหลุดก่อนถึงจะยิงศัตรูตัวนั้นตาย

การ Mount ที่สนับสนุนการเล่นได้ดี


ถ้าใครที่ไม่ใช่ผู้เล่นสาย FPS อาจจะมีโมเมนต์ยิงไม่แม่น หรือทำตัวไม่ถูกในจังหวะที่ศัตรูกรูกันเข้ามาเยอะ ๆ เกมนี้มีระบบ Cover โดยจะเรียกว่า Mount จะเป็นการหลบอยู่หลังที่กำบังอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นกล่อง กำแพง เสา หรือบังเกอร์ แล้วโผล่หน้าไปยิงศัตรูเป้าหมาย ซึ่งการ Mount ของเกมนี้จะทำให้ศัตรูยิงเราไม่ค่อยโดน (แต่ก็ยังโดนอยู่นะ) ซึ่งมันจะช่วยให้เรามีเวลาคิด เล่นช้าลง และปลอดภัยมากขึ้นสำหรับคนที่เล่นไม่คล่องหรือไม่อยากวิ่งมั่วซั่ว นอกจากนี้การ Mount นั้นยังทำให้การเล็งของผู้เล่นนิ่งขึ้น การเหวี่ยงหรือการส่ายของปืนนั้นน้อยลง ช่วยให้คุณยิงได้แม่นขึ้นอีกด้วย

ระบบเกราะและการฮีลเลือด


พูดถึงการบุกไปแล้ว เรามาดูส่วนของการป้องกันกันบ้าง โดยเกมนี้เวลาที่ศัตรูยิงเข้าที่ตัวเราจะมีสิ่งที่ต้องคำนวณอยู่ 2 อย่าง คือเข้าเกราะก่อน พอเกราะหมดค่อยเข้าเลือด โดยเกราะนั้นสามารถเพิ่มได้โดยการเก็บแผ่นเหล็กแล้วกด G จะเป็นการเพิ่มเกราะที่สวมอยู่ให้มากขึ้น 1 หลอด ซึ่งถ้าคุณสามารถเก็บชุดเกราะชุดใหม่ได้ หลอดของเกราะก็จะเพิ่มเป็น 2-3 หลอด แล้วแต่ว่าตอนนั้นคุณใส่ชุดเกราะระดับไหน แล้วถ้าเกิดว่าเกราะหมด ดาเมจก็จะเริ่มเข้าเลือดจริงของตัวเรา แต่เกมนี้จะไม่มีหลอดเลือดแสดงให้เห็น จะต้องสังเกตดูรอบ ๆ จอว่ามีเลือดโผล่มาในหน้าจอไหม หรือเสียงที่เราได้ยินมันเบาลงไหม ถ้าเสียงรอบข้างเบาลงแสดงว่าใกล้จะตายแล้ว ให้เราไปหลบสักที่หนึ่งแล้วตัวเราจะ Regen เองจนกลับมาสู้ต่อได้โดยไม่ต้องใช้ยารักษาอะไรครับ

ด่านเนื้อเรื่องที่แบ่งออกเป็น 2 แบบ

1. แบบ Open World


เป็นด่านที่จำลองเกมเพลย์มาจาก Call of Duty: Warzone ที่เป็นเกมโดดร่ม Multiplay แต่ใน MW3 นี้เราจะเอาระบบ Open World มาใช้กับการทำภารกิจและการเล่นเนื้อเรื่อง โดยจะเป็นแผนที่กว้างประมาณหนึ่งและมี Objective ปรากฎขึ้นมาเป็นจุด ๆ ถ้าเราทำเสร็จเราก็ต้องเดินไปจุดอื่นต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าภารกิจจะเสร็จทั้งหมด โดยจุดเด่นของโหมดนี้ก็คือผู้เล่นสามารถเลือกเส้นทางได้อย่างอิสระ ไม่บังคับเป็นเส้นตรง หาอาวุธระหว่างทางได้ มีจุดเก็บอาวุธซุกซ่อนอยู่ทั่วแมพ ใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ เติมกระสุนได้ตลอด หรือจะหารถมาขับก็ได้ถ้าขี้เกียจเดิน ตรงโหมดนี้จะรู้สึกเหมือนเล่น Warzone แต่มีภารกิจให้ทำครับ เพียงแต่ว่าศัตรูจะโผล่ออกมาไม่มีวันหมด คุณจะต้องหลบซ่อนบ้าง หนีบ้าง ตามสถานการณ์แล้วเน้นไปที่การทำภารกิจ ถ้ายืนสู้อย่างเดียวจะลำบากหน่อย

2. แบบ Storyline


เป็นด่านเนื้อเรื่องที่จะไม่สามารถเปิดแผนที่ Open World ได้ แต่จะมีเนื้อเรื่องและตัวละคร NPC อื่น ๆ คอยชี้นำภารกิจให้กับเรา แค่เราเดินตามทางที่เป็นเส้นตรงไปเรื่อย ๆ และทำตามที่ NPC บอกก็จะถือว่าผ่าน แต่โหมดนี้ศัตรูจะมีวันหมดตามทางที่เราผ่านไป ศัตรูจะมีโผล่ออกมาตามเนื้อเรื่อง หรืออาจจะมีคัตซีนคอยแทรกระหว่างภารกิจเป็นครั้งคราว เหมือนเล่นเกม Single Player ส่วนใหญ่โหมดนี้มักจะมีระบบเกมเพลย์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น บางครั้งอาจได้เล่นเป็นคนขี่เครื่องบินในการยิงสนับสนุนทางอากาศ หรือบางครั้งอาจจะต้องเป็นสปายปลอมตัวเข้าไปในฐานทัพของศัตรูแต่ห้ามต่อสู้ เป็นต้น ซึ่งโหมดนี้จะมีความหลากหลายด้านเกมเพลย์มากกว่าครับ แต่ข้อเสียคือจะไม่มีจุดเก็บอาวุธเยอะ ๆ เหมือนโหมด Open World มีเพียงจุดเติมกระสุนเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ถ้ากระสุนหมดระหว่างทางต้องเก็บปืนศัตรูขึ้นมายิงแทน ใช้ตามมีตามเกิด

มีด่านให้เลือกเล่นทั้งหมด 14 ด่าน


1. Operation 627 – ช่วย Makarov ตัวร้ายของภาคนี้แหกคุก

2. Precious Cargo (Open World) – Urzikstan ถูกบุกโจมตี

3. Reactor (Open World) – บุกทำลายศูนย์อาวุธเคมี

4. Payload – ยับยั้งการยิงมิสไซล์

5. Deep Cover – ลักลอบเข้าฐานศัตรู

6. Passenger – การก่อการร้ายบนเครื่องบิน

7. Crash Site (Open World) – กู้ข้อมูลเครื่องบินตก

8. Flashpoint – ย้อนอดีต 4 ปีก่อน

9. Oligarch (Open World) – บุกบ้านนายทุนของ Makarov

10. Highrise (Open World) – บุกจับมือขวาของ Makarov

11. Frozen Tundra – บุกจับ Makarov ที่ไซบีเรีย

12. Gora Dam (Open World) – ยับยั้งแผนระเบิดเขื่อน

13. Danger Close – ถล่มฐานทัพศัตรู

14. Trojan Horse – กู้ระเบิดรถไฟใต้ดิน

ข้อดี

– เป็นเกม FPS ที่เล่นสนุก เข้าใจง่าย ไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรมากมาย ไม่ใช่ Hardcore Gamer ก็เล่นจบได้
– อุปกรณ์และอาวุธภายในเกมมีความไฮเทคล้ำสมัย
– เนื้อเรื่องเข้มข้น สนุก มันส์ เหมือนดูหนัง Action เรื่องหนึ่ง
– มีภาค MW4 ให้ตามต่อแน่ ๆ เพราะเนื้อเรื่องยังไม่จบ

จุดสังเกต

– เกมเพลย์ส่วนใหญ่ใช้ระบบของ Call of Duty: Warzone ภาคออนไลน์เป็นหลัก
– เนื้อเรื่องแคมเปญค่อนข้างสั้น ใช้เวลาในการเล่นไม่นาน

หวังว่ารีวิวของเกม Call of Duty: Modern Warfare III ที่เพื่อน ๆ ได้อ่านนี้จะทำให้เพื่อน ๆ สนใจได้มากขึ้นนะครับ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เล่น Call of Duty มาตั้งแต่ยุค 2000 อาจจะไม่ได้ติดตามมาตลอดทุกภาค แต่ก็เป็นเกม FPS ที่ค่อนข้างผูกพันธ์กับมันครับ เอาจริง ๆ แค่ได้เห็น Captain Price ใจก็เต้นแรงแล้ว และภาคนี้แกก็ยังคงเท่เหมือนเดิมครบ 🙂

เว็บไซต์ : www.callofduty.com/th/modernwarfare3

Now Loading

ชอบเพลง Metal | บันเทิงกับการถ่ายรูป | ของโปรดคือเนื้อย่าง | เล่นเกมบ้างบางเวลา
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save