Scarlet Nexus ผลงานเกมใหม่ล่าสุดจาก BANDAI NAMCO Entertainment ที่มาพร้อมกับแนวคิด ‘Brain Punk’ ถ่ายทอดผ่านเกมเพลย์แอ็กชั่นผจญภัยอันรวดเร็วและกราฟิกอนิเมะสุดสวยงาม โดยเกมนี้ได้ผสมผสานการต่อสู้ด้วยอาวุธ และพลังจิตได้อย่างลงตัว
การเล่าเรื่องกึ่งมังงะ
การดำเนินเรื่องราวภายในเกมนี้นอกเหนือจากการออกสำรวจโลกแบบ Open World RPG แล้ว ในฉากคัทซีนเกมนี้ก็ถือว่าสร้างความแตกต่างได้จากเกมอื่น ๆ อยู่พอสมควร เพราะรูปแบบการนำเสนอฉากเนื้อเรื่องแบบคัทซีนภายในเกม Scarlet Nexus นั้น ถูกออกแบบมาคล้ายกับการอ่านหนังสือการ์ตูน (มังงะ) ที่ตัวละครของเราจะปรากฏตามช่องต่าง ๆ พร้อมกับคำบรรยาย และเสียงพากย์เต็มรูปแบบ ทำให้การติดตามเนื้อเรื่องของเกมนี้ให้อารมณ์ที่แปลกใหม่ออกไปอย่างมาก
โลกที่มีชีวิตชีวา
หนึ่งในความประทับใจที่สุดของผู้เขียนที่มีให้กับเกมนี้จริง ๆ ก็คือ โลกภายในเกมนี้ที่ถูกออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจโดยเฉพาะเมืองที่ผู้เล่นจะต้องคอยออกสำรวจในสถานที่ต่าง ๆ เพราะทุก ๆ องค์ประกอบที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมานี้ไม่ได้มีไว้ประดับฉากแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้งานได้จริงด้วย เช่นสะพานลอยที่ผู้เล่นสามารถเดินขึ้นไปบนสะพานเพื่อเก็บไอเทมที่ซ่อนอยู่ก็ได้
นอกเหนือจากฉากที่ถูกทำออกมาอย่างดีแล้ว เหล่า NPC ที่มีอยู่ภายในเมืองนี้ก็มีจำนวนมากมาย เดินกันให้ขวักไขว่ทำให้เมืองนี้ดูมีชีวิตชีวา ไม่เงียบเหงา อีกทั้งยังเพิ่มความสมจริงด้วยการที่เมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายขึ้น NPC เหล่านี้ก็จะหลีกหายไปจนหมดแผนที่ ราวกับกำลังไปซ่อนตัวอยู่นั่นเอง
การต่อสู้สุดมันส์
สำหรับความประทับใจที่สุดของผู้เขียนคงหนีไม่พ้นระบบต่อสู้ภายในเกม Scarlet Nexus ที่ถูกทำออกมาได้อย่างลงตัวระหว่างการโจมตีด้วยท่วงท่าอาวุธ และการใช้พลังจิตในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้การสร้างคอมโบของผู้เล่นภายในเกมนี้ดูแตกต่างและน่าสนใจอย่างมาก โดยผู้เล่นจะได้ใช้อาวุธในการโจมตีศัตรูในระยะประชิด ในขณะที่ผสมผสานเข้ากับพลังจิตเช่นการเคลื่อนย้ายสิ่งของเพื่อโจมตีศัตรู โดยจะเป็นการสร้างคอมโบที่หลากหลาย สะใจผู้เล่นสายแอ็กชั่นอย่างแน่นอน
ในทางกลับกันเมื่อผู้เล่นจะต้องเผชิญหน้ากับบอสต่าง ๆ ภายในเกมสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องทำไม่ใช่การเข้าต่อสู้กับพวกมันแบบซึ่ง ๆหน้าเสมอไป เพราะแต่ละตัวก็จะมีจุดอ่อนแตกต่างกัน หลาย ๆ ครั้งผู้เล่นจะต้องใช้สภาพแวดล้อมในฉากนั้น ๆ โจมตีพวกมันเพื่อสร้างดาเมจอย่างรุนแรงด้วย ทำให้เกมนี้ไม่ได้มีดีแค่การวิ่งเข้าต่อสู้กับศัตรูด้วยอาวุธและพลังจิต ยังรวมไปถึงการวางแผน และการหลบหลีก เพื่อเอาชนะศัตรูขนาดยักษ์อีกด้วย
ระบบเพื่อนร่วมทีม
ต้องยอมรับว่าหลาย ๆ เกมที่ผ่านมานั้นได้มีการใช้ระบบเพื่อนร่วมทีมเข้ามาให้ผู้เล่นได้ใช้งานกันจำนวนมาก แต่ไม่ได้แปลว่าเกมเหล่านั้นจะทำระบบเพื่อนร่วมทีมออกมาได้เหมาะสมและน่าใช้งานจนบางครั้งอาจจะกลายเป็นการสร้างความน่ารำคาญให้กับผู้เล่นไปเสียด้วย
แต่ภายในเกมนี้ได้ใส่ระบบเพื่อนร่วมทีมเข้ามาได้ค่อนข้างมีประโยชน์และน่าประทับใจอยู่พอสมควร โดยสิ่งที่ผู้เล่นจะได้พบเจอกับการใช้งานเพื่อนร่วมทีมก็คือ การใช้สกิลของเพื่อนร่วมทีมที่จะเพิ่มพลังให้กับตัวละคร ตัวอย่างเช่น การใช้พลังจิตไฟเพื่อให้การโจมตีของผู้เล่นนั้นกลายเป็นธาตุไฟทำให้ทำดาเมจได้รุนแรงมากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งตัวละครเพื่อนร่วมทีมที่เข้าไปโจมตีศัตรูด้วยตนเองแบบอัตโนมัติ ไม่ใช่อยู่นิ่ง ๆ คอยดูแลผู้เล่นจากด้านหลัง หรือยืนงงในดงศัตรู ทำให้ระบบเพื่อนร่วมทีมภายในเกมนี้ถือว่ามีประโยชน์มากพอสมควรเลยทีเดียว
การเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย (สกิน)
ประเด็นต่อมาที่ผู้เขียนประทับใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือ ระบบการเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย (หรือสกิน, คอสตูม) ที่ไม่ได้เปลี่ยนแค่ในฉากการเล่นเท่านั้น ยังส่งผลไปถึงฉากอื่น ๆ ภายในเกมอีกจำนวนมาก โดยตัวอย่างจากภาพด้านบน ผู้เขียนได้ทำการสวมใส่หมวกของ Other ให้กับตัวละครับ และเปลี่ยนชุดจากสีดำเป็นสีแดง ผลที่ตามมาก็คือตัวละครของผู้เขียนในฉากคัทซีนต่าง ๆ รวมไปถึงฉากโหลดเกมในหลาย ๆ จุด ใส่เครื่องแต่งกายตามที่ผู้เขียนได้เปลี่ยนเอาไว้
หลายคนอาจจะมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่สำหรับผู้เขียนแล้วสังเกตว่าหลาย ๆ เกมนั้นเวลาที่ผู้เขียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของตัวละคร คัทซีน หรือฉากโหลดต่าง ๆ ชุดของตัวละครของผู้เขียนนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามที่ผู้เขียนได้เปลี่ยนสกินเอาไว้ ซึ่งสร้างความขัดตาอยู่พอสมควร แต่ Scarlet Nexus ได้ทำให้ความสวยงามและความลื่นไหลในการเล่นเกมนี้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
การชาร์จพลังจิตที่ให้สัมผัสแปลกใหม่ใน Adaptive Tigger
หากพูดถึงเกมในยุค PS5 องค์ประกอบที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้นั่นก็คือ การใช้ประโยชน์จากจอย DualSense โดยเฉพาะระบบที่เรียกว่า Adaptive Tigger ซึ่งในเกม Scarlet Nexus แม้ว่าจะเป็นเกมครอสเจน แต่ตัวเกมก็ไม่พลาดที่จะเพิ่มคุณสมบัติเฉพาะสำหรับเครื่องเล่นเกมยุคใหม่มาให้เราได้ใช้งานกันด้วยหากผู้เล่นเกมนี้บน PS5
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ การกดปุ่มเพื่อใช้พลังจิต (R2) หรือ (L2) โดยผู้เล่นนั้นจะสัมผัสได้ถึงความหน่วงของปุ่มที่ใช้ในการกดชาร์จพลังจิต รวมไปถึงการสั่นของจอยที่ให้สัมผัสแตกต่างไปจากเดิม และเมื่อผู้เล่นสามารถชาร์จพลังจิตได้ตามที่กำหนดแล้ว ปุ่มดังกล่าวจะเกิดการคลายตัว และกดง่ายขึ้นนั่นเอง คล้ายกับการที่ผู้เล่นกำลังออกแรงบีบบางอย่างจนแตกออกนั่นเอง
แม้จะเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ทำให้ผู้ที่กำลังสนุกกับการใช้งานจอย DualSense ได้สนุกกับเกมนี้มากยิ่งขึ้น
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ BANDAI NAMCO Entertainment Asia ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวกันในครั้งนี้ด้วยครับ หากใครสนใจเกมนี้สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลย [คลิก]
บทสรุป
เกมเพลย์ต่อสู้ผสมผสานอาวุธ และพลังจิตที่ลงตัว โลกภายในเกมที่สวยงามและมีชีวิตชีวา แม้การนำเสนอเรื่องราวแบบมังงะอาจจะชวนง่วงไปบ้าง - 9
9
คะแนน
เป็นอีกเกมที่เหมาะสมกับผู้เล่นที่ชื่นชอบความแอ็กชั่นแบบไม่เคร่งเครียดจนเกินไป รวมไปถึงแฟนเกมที่ชอบเกมสไตล์อนิเมะก็ไม่ควรพลาดด้วยเช่นกัน อีกทั้งองค์ประกอบโดยรวมของเกมนี้ถือว่าทำออกมาดีจนน่าประทับใจเลยทีเดียว