10 สิ่งที่เกมสมัยก่อนไม่มีแต่สมัยนี้ขาดไม่ได้แล้ว
ใช่สิ่งเหล่านี้หรือไม่ คัตซีน สกิน เสียงพากย์ หรือระบบวาร์ปในเกม
เชื่อว่าหลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่น่าจะเป็นคนที่เล่นเกมมาค่อนข้างเยอะ บางคนอาจจะเป็นเกมเมอร์ยุคเก่ามาตั้งแต่ช่วง Famicom บางคนอาจจะเป็นเกมเมอร์ยุคใหม่ในช่วงที่เกมมือถือค่อนข้างมาแรง แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์ยุคไหน คุณน่าจะคุ้นเคยกับเกมที่คุณเล่นเป็นอย่างดี และคุณก็น่าจะรู้ดีว่าในเกมที่คุณเล่นนั้นมีระบบต่าง ๆ มากมายที่ตัวคุณนั้นชื่นชอบ และอาจจะขาดไม่ได้แล้วในปัจจุบัน แม้ว่าในสมัยก่อนอาจจะไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้อยู่เลยก็ได้ เราไปชมกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้างที่เกมสมัยก่อนไม่มีแต่ขาดไม่ได้แล้วในปัจจุบัน
1. Cutscenes (ฉากเนื้อเรื่องในเกม)
Cutscenes คือสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับวิดีโอเกมมาอย่างยาวนานก็จริง แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในยุคแรกเริ่มของเกมที่เป็นต้นตำรับจริง ๆ เกมนั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยเน้นเรื่องเกมเพลย์เป็นหลัก ขอแค่มีกติกาการเล่นที่ชัดเจน มีธีมเรื่องคร่าว ๆ ให้เรารู้ว่าทำอะไรเพื่ออะไรเท่านั้นก็พอ ในถึงสมัยที่กดเข้าเกมปุ๊บ มีโลโก้เกมขึ้นมาพร้อมปุ่ม Start จากนั้นก็เล่นเลยโดยไม่มีคำอธิบายอะไรด้วยซ้ำ เกมเมอร์ยุคนั้นก็เล่นเกมเหล่านี้ได้แบบไม่ได้คิดอะไรและชอบมากซะด้วย ในขณะเดียวกันเกมยุคใหม่ในปัจจุบันนั้นเนื้อเรื่องกับ Cutscenes กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว เพราะ Cutscenes คือหนึ่งในวิธีการที่ทำให้ผู้เล่นเข้าใจเนื้อเรื่องมากที่สุดอย่างหนึ่งมากกว่าเกมเพลย์เสียอีก มันเหมือนการที่เรานั่งรับชมหนังเรื่องหนึ่ง มีภาพสวยงามอลังการ มีดนตรีประกอบ มีซาวด์เอฟเฟค มันกลายเป็นสิ่งที่อยู่คู่วิดีโอเกมในปัจจุบันไปซะแล้วล่ะครับ
2. เสียงพากย์ของตัวละคร
ในชีวิตหนึ่งเราเคยเล่นเกมแบบไม่มีเสียงพากย์ เน้น Text พูดคุยเราก็อ่านรู้เรื่อง หรือเกมบางเกมที่เราต้องเล่นเงียบ ๆ โดยการอ่านซับไตเติ้ลก็พอจะถูกไถให้รู้เรื่องได้บ้าง แต่เชื่อเถอะครับว่าเสียงพากย์ของตัวละครคือหนึ่งในบริบทที่สำคัญอย่างหนึ่งของเกม เพราะนอกจากจะทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นแล้ว น้ำเสียงของนักพากย์ยังทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครนั้น ๆ และเข้าถึงอุปนิสัยของตัวละครได้อีกด้วย เหมือนกับการที่เราพิมพ์แชทกับเพื่อนกับการโทรคุยกับเพื่อน ความรู้สึกและอารมณ์มันต่างกัน ในด้านของเกมก็เช่นกันครับ ทุกครั้งที่เราเล่นเกมที่ขาดเสียงพากย์ตัวละครไป เราก็อาจจะรู้สึกว่าเกมนี้ไม่คุ้มราคาที่ซื้อมาเลย และเสียอรรถรสในการเล่นไปเยอะมากครับ
3. Fast Travel (ระบบวาร์ปข้ามแผนที่)
Fast Travel คือระบบอำนวยความสะดวกให้กับเกม RPG หรือ Open World ที่มีการเดินทางค่อนข้างไกลและค่อนข้างเสียเวลาในการเล่น ซึ่งเกมสมัยก่อนไม่ได้มีระบบนี้มาช่วยอำนวยความสะดวกเท่าไหร่นัก ในกรณีที่เราอยากจะวิ่งไปทำเควสต์อีกซีกโลก หรืออยากซื้อไอเทมประจำเมืองก็ต้องเดินทางด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้า ขับรถ ขึ้นยาน จะอะไรก็แล้วแต่มันเป็นเรื่องที่ลำบากหรือไม่ก็เสียเวลาพอสมควร ยิ่งเกมสมัยใหม่ที่สเกลโหญ่ขึ้น โลกกว้างขึ้น ระยะทางก็ไกลขึ้นไปด้วย ถ้าเกมแบบนี้ไม่มี Fast Travel ก็มีโอกาสสูงมากที่ผู้เล่นจะเบื่อไปก่อนจะเล่นจบ ดังนั้น Fast Travel จึงเป็นระบบที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว
4. Checkpoint (จุดเซฟอัตโนมัติ)
Checkpoint ก็เป็นอีกระบบหนึ่งที่ช่วยเหลือผู้เล่นได้ดีพอสมควร หากเทียบกับเกมสมัยก่อนที่จุดเซฟเกมจะมีเป็นจุด ๆ หรือบางเกมอาจจะ Hardcore ขนาดว่าไม่มีการเซฟเลยก็ได้ ซึ่งบางครั้งผู้เล่นอย่างเราที่กำลังอินกับเกมเพลย์อาจจะไม่มีทันคิดว่าต้องวกกลับไปยังจุดเซฟก่อน เพราะเราไม่รู้หรอกว่าทางข้างหน้ามีอะไรรอเราอยู่ บางครั้งคุณอาจจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไปแล้วจ๊ะเอ๋กับบอสก็เป็นไปได้ แล้วถ้าตายขึ้นมาต้องกลับไปเริ่มใหม่ตั้งไกลก็คงจะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นัก Checkpoint จึงเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเราไว้ได้ดีเลยล่ะ เพราะต่อให้เราตายจากการสู้บอส อย่างน้อยมันก็เริ่มใหม่ที่หน้าห้องบอสแล้วสู้ใหม่ ยกเว้นเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสาย Hardcore โดยเฉพาะก็อาจจะไม่มี Checkpoint ได้เหมือนกัน อันนี้ก็แล้วแต่แนวเกมครับ แต่ถ้าเป็นเกมเบสิค ๆ ให้คนทั่วไปเล่น Checkpoint ก็เป็นสิ่งจำเป็นในยุคนี้จริง ๆ
5. Cosmetic และ Skin ตัวละคร
ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าความสวยงามของตัวละครในเกมเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะดึงผู้เล่นให้เล่นต่อได้ โดยเฉพาะตัวละครของผู้เล่นเองที่เปิดเกมมาก็ต้องมีระบบปรับแต่งตัวละครเลยว่าจะเอาผมทรงไหน ผมสีอะไร รูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกมสมัยก่อนไม่เคยมีมาก่อน ต่อให้เป็นตัวละครที่มีชื่อหรือรูปร่างหน้าตาเดิมอยู่ก่อนแล้ว อย่างน้อยก็ต้องสามารถเปลี่ยนอาวุธหรือเสื้อผ้าได้บ้างก็ยังดี นอกจากนี้ในเรื่องของ Skin ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในเกมออนไลน์ เพราะยิ่งมีผู้เล่นมากเท่าไหร่ มนุษย์เราก็ยิ่งอยากจะหาความเป็นปัจเจกบุคคล ให้เป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใคร Skin เลยเป็นสิ่งเรามักจะมองหากันเสมอในการเล่นเกมออนไลน์ และกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ซะแล้วในวงการเกมปัจจุบัน
6. ระบบรีเซ็ตสเตตัสและสกิลของเกมออนไลน์
หากคุณเป็นคนเล่นเกมออนไลน์มาเยอะ คุณจะรู้เลยว่าเกมออนไลน์สมัยนี้ค่อนข้างมีระบบจัดการสกิลและสเตตัสมาให้อย่างดี ซึ่งส่วนมากจะมีระบบรีเซ็ตสเตตัสและสกิลพอยต์ติดมาด้วยเลย เพื่อป้องกันกรณีอัพผิดสายจนต้องสร้างตัวละครใหม่เหมือนเกมออนไลน์ยุคเก่า เพราะมันคงไม่คุ้มเวลาที่เสียไปและไม่มีใครอยากสร้างตัวละครใหม่มาเล่นเควสต์เดิม ๆ ดูฉากเดิม ๆ หรอกจริงไหมครับ เกมยุคใหม่เลยทำให้ระบบนี้มีปุ่มรีเซ็ตในตัว หรือมีระบบรีเซ็ตกับ NPC เพื่อรองรับ หรือเกมไหนที่สร้างออกมาดีก็อาจจะกำหนดให้ตัวละครแต่ละอาชีพมีสกิลหลายสาย และเลือกอัพหรือเปลี่ยนสายได้ตลอดเวลา เพื่อตัดปัญหาการที่ผู้เล่นต้องสร้างตัวละครใหม่เพื่ออัพผิดสายนั่นเองครับ
7. ระบบ Matchmaking ค้นหาห้อง
Matchmaking คือระบบค้นหาห้อง ค้นหาผู้เล่น หรือจับคู่ให้กับผู้เล่นเกมออนไลน์สาย Multiplayer ให้มาเจอกันในเกม ซึ่งก็ค่อนข้างอำนวยความสะดวกค่อนข้างมาก เพราะเราไม่จำเป็นต้องหาเอง แถมบางเกมยังมีการจัดการที่ดี เอาคนเก่งเท่า ๆ กันมาเจอกัน จะได้ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำกับผู้เล่น (ถึงจะมีคนเก่งสมัคร ID ใหม่มาเล่นก็เถอะ) แต่เมื่อเทียบกับสมัยก่อน ลองนึกถึงยุคระบบ LAN หรือเกมออนไลน์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ใหม่ ๆ ทุกเกมการเล่นเราต้องหาห้องเอง ไม่มีการแบ่งประเภทห้องว่าเป็นแบบไหน มีกติกายังไง ใส่กฎอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ถ้าคุณนึกไม่ออกอยากจะให้นึกถึงยุคที่เราหาห้องเล่น Counter Strike หรือ DotA ที่แทบจะต้องกด Refresh รัว ๆ เพื่อหาห้องที่ใช่สำหรับเรา ซึ่งถ้าต้องหาห้องเองแบบนั้นในปัจจุบันเชื่อว่าผู้เล่นหลายท่านคงเหนื่อยแย่
8. การแบ่ง Ranking Item ด้วย Score หรือสี
จริง ๆ ระบบนี้ก็เริ่มมีให้เห็นมาตั้งแต่ยุค 2000 ขึ้นไป แต่ก่อนหน้านั้นไม่ได้มีการบอกคุณภาพไอเทมอย่างชัดเจนขนาดนั้น ย้อนกลับไปสมัยก่อน ถ้าเราอยากรู้ว่า Item ชิ้นไหนดีไม่ดี มีแต่ต้องลองใช้ดูก่อนหรือไม่ก็ต้องอ่าน Text เพื่อเปรียบเทียบเอาเองเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าทางไหนย่อมต้องเสียเวลาในการทดลอง แต่ในปัจจุบันระบบแบ่ง Ranking Item ด้วย Score หรือสีนั้นค่อนข้างอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นอย่างมาก แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกชิ้นที่สีสูงกว่าหรือคะแนนสูงกว่าจะใช้จริงได้ดีกว่าเสมอไป แต่อย่างน้อยสำหรับผู้เล่นที่ไม่ได้เล่นแบบเจาะลึก ไม่ได้มีเวลาคิดเยอะขนาดนั้น การมีไกด์ด้วยสีของไอเทมหรือคะแนนกำกับ มันช่วยให้ผู้เล่นทั่วไปตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะเลยครับ และมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยเลยที่ได้รับความสะดวกสบายจากระบบนี้จนขาดมันไปไม่ได้
9. ปุ่ม Auto ของเกมมือถือ
เกมมือถือนั้นถือว่าเป็นเกมยุคใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพวกเราได้จริง ๆ จัง ๆ ก็น่าจะหลังยุค 2010 เป็นต้นมา หากคุณได้เริ่มเล่นเกมในยุคแรก ๆ คุณจะเห็นว่าเกมส่วนใหญ่บนมือถือนั้นมักจะเป็นเกมเล่นมือ ไม่ว่าจะเป็นเกม Action เกม Puzzle เกม RPG หรืออื่น ๆ ทุกแนวในช่วงแรกมักจะต้องเล่นมือเพราะเกมมือถือก็ถอดแบบมาจากเกม Console หรือ PC ที่มีอยู่ก่อนแล้วทั้งนั้น แต่บริบทของมือถือนั้นพิเศษกว่าเครื่องเกมเหล่านั้น เพราะผู้เล่นต้องการเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ระบบ Auto เลยจำเป็นขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาจริง ๆ แถมยังช่วยในเรื่องของการฟาร์มให้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
10. Tier List และ META
ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมที่เล่นคนเดียวหรือเล่นเกมที่เล่นกับคนอื่น แน่นอนว่าเกมเมอร์ทุกคนอยาก “ชนะ” ไม่มีใครอยากแพ้ และจะสรรหาวิธีการทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสชนะของเรา วิธีการที่ง่ายที่สุดในการทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นและไม่ต้องคิดอะไรมากคือการทำตามสิ่งที่เรียกว่า Tier List หรือ META ต่อให้คุณจะเล่นเกมไม่เก่ง แต่ถ้าคุณจะทีม ใส่ของ หรือบิ๊วตัวละครตามสิ่งที่ Tier List หรือ META บอกเอาไว้ ชีวิตของคุณก็จะสบายขึ้นเยอะ เก็บเลเวลง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสชนะมากขึ้น สู้กับคนอื่นได้สูสีขึ้น แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบคิดเองทำเองอันนี้ก็ไม่ว่ากัน แต่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องอาศัย Tier List หรือ META ในการเล่นเกมในปัจจุบัน และดูเหมือนมันจะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้แล้วล่ะครับ
และนี่ก็คือ “10 สิ่งที่เกมสมัยก่อนไม่มีแต่สมัยนี้ขาดไม่ได้แล้ว” เป็นยังไงกันบ้างครับ ตรงกับประสบการณ์ที่เพื่อน ๆ เคยเจอมาบ้างหรือเปล่า จะพูดไปก็น่าแปลกนะครับ สมัยก่อนเราเล่นเกมเก่าที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ได้สบาย ๆ ทุกเกมในสมัยนั้นก็ดูจะสนุกใช้ได้ แต่ถ้าให้เกมใหม่กลายเป็นเกมเก่าก็คงจะไม่ชินซะแล้ว ยุคสมัยก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและเทคโนโลยี แต่ถามว่ายังรู้สึกคิดถึงเกมเก่า ๆ เหล่านั้นไหมก็ชวนคิดถึงอยู่เหมือนกันนะครับ 🙂