Way of the Hunter เกมแนวล่าสัตว์มุมมอง FPS พร้อมโลกโอเพ่นเวิลด์ขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นสวมบทนายพรานเดินทางในแผนที่ขนาดใหญ่สไตล์โอเพ่นเวิลด์ขนาดถึง 140 ตารางกิโลเมตร โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเอกที่เป็นผู้ขายเนื้อสัตว์คุณภาพดี และหน้าที่ของเราคือการตามหาแหล่งธรรมชาติเหล่านี้ ซึ่งผู้เล่นจะต้องอาศัยทักษะต่าง ๆ เช่นการสะกดรอยตามแบบไม่ให้คลาดสายตาพร้อมกับหลบหลีกพวกมันก่อนที่จะทำให้ตื่นตูม ที่สำคัญยังรองรับระบบ Co-op เพื่อทีมเวิร์ค
และในโอกาสนี้ผู้เขียนได้ทดลองล่าสัตว์ใน Way of the Hunter มาแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ผู้อ่านได้ติดตามกันครับ
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 ระหว่างวันที่ 4 – 6 สิงหาคม 2565 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้
กราฟิกสวยงาม ทำให้เราได้เพลิดเพลินราวกับออกล่าสัตว์ในโลกกว้างจริง ๆ
Way of the Hunter เป็นเกมล่าสัตว์ที่มีจุดเด่นก็คือ การออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการสไตล์ Open-World นั่นเอง โดยกราฟิกภายในเกมเรียกว่าทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ภายในจุดต่าง ๆ ทุ่งหญ้า ภูเขา แม่น้ำ เรียกได้ว่าผู้พัฒนาเกมทำภาพสิ่งแวดล้อมออกมาได้ดีมาก ๆ
แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นในส่วนของโมเดลเหล่าสรรพสัตว์ต่าง ๆ ที่ถูกทำออกมาได้ดีมาก ๆ โดยสัตว์เหล่านี้ถูกใส่รายละเอียดเข้ามาในขั้นที่เรียกว่าดีมาก ๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งรายละเอียดของพวกมันไม่ว่าจะเป็นขน , กล้ามเนื้อ , สัดส่วนทำออกมาได้ดีจนน่าประทับใจ นอกจากนี้โมเดลของปืนต่าง ๆ ภายในเกมนี้ก็ทำออกมาได้ถูกต้องอีกด้วย เนื่องจากเกมนี้เป็นเกมล่าสัตว์ที่ได้รับลิขสิทธิ์ปืนจริง ๆ ให้เราได้นำมาใช้งานกันภายในเกม ทำให้มั่นใจได้เลยว่าองค์ประกอบของปืน รวมไปถึงโมเดลปืนทำออกมาได้สมจริงถูกใจแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในการเล่นเกมนี้ผู้เขียนมีข้อที่แอบหงุดหงิดใจอยู่ 3 เรื่องด้วยกันในแง่ของกราฟิก โดยประเด็นแรกก็คือการโหลดองค์ประกอบของฉากไม่ทัน โดยเฉพาะฉากที่มีองค์ประกอบมาก ๆ เช่นป่า แม่น้ำ ภูเขา ผู้เขียนจะพบว่าองค์ประกอบของป่านั้นจะโหลดไม่ทันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้อยู่ดี ๆ เกิดปรากฏการณ์วาร์ปมางอกต่อหน้าต่อตาอยู่หลายครั้ง นอกจากนี้อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เฟรมเรตของเกมที่มักจะตกให้เห็นอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะในฉากที่มีองค์ประกอบหลาย ๆ แบบ และสิ่งสุดท้ายที่ผู้เขียนหงุดหงิดที่สุดก็คือ อนิเมชั่นของสัตว์ในระยะไกลที่หลาย ๆ ครั้งโหลดไม่ทัน ทำให้เหมือนสัตว์เหล่านี้มีอาการ Lag เฟรมเรตตกอย่างหนัก ทำให้เราเห็นพวกมันเคลื่อนที่แบบ Stop Motion มา ๆ หาย ๆ อยู่ในหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ยอมรับเลยว่าผู้เขียนแอบหัวร้อนอยู่ระดับหนึ่งเลยครับ
เกมเพลย์ที่ละเอียดยิบ สะใจสายชอบส่องสัตว์ แต่ต้องใช้เวลาเรียนรู้นานมาก
มาในประเด็นของเกมเพลย์ของเกมนี้บ้างครับ จากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมมาได้ระยะยาว ๆ บอกได้คำเดียวว่า “ละเอียดยิบ” ซึ่งความละเอียดนี้ก็มาพร้อมกับคำว่า “โคตรยาก” เข้ามาด้วย
ผู้เขียนขออนุญาตเริ่มจากระบบการยิงปืนที่สมจริงมาก ๆ ซึ่งผู้เขียนในฐานะที่จับปืนจริงกระบอกสุดท้ายในชีวิตก็คือ ปลย.11 จากตอนเรียน รด. และเล่นเกมสายยิงซุ่มที่มีความละเอียดมาบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าเกมนี้ทำออกมาได้ละเอียดมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับศูนย์เล็ง , การปรับการซูมลำกล้อง , แรงลม , การกลั้นหายใจ , ระยะกระสุนตก , ความห่างของปืนและเป้าหมาย , ประเภทของปืน , ระยะการมองเห็น/การได้กลิ่นของสัตว์ , ความสูงของพื้นที่ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งความละเอียดนี้ทำให้ผู้เล่นที่ไม่เคยชินกับการเล่นเกมล่าสัตว์นั้นปวดหัวไปตาม ๆ กัน โดยตัวอย่างที่ผู้เขียนเจอกับตัวเองก็คือในด่านแรกการยิงตัว Badger ผู้เขียนใช้เวลาเกือบ ๆ ชั่วโมงหนึ่งในการยิงให้โดน ทั้ง ๆ ที่เป้าหมายอยู่ในระยะแค่ประมาณ 50 เมตรเท่านั้น โดยผู้เขียนได้ดูทั้งการปรับศูนย์เล็ง และแรงลมแล้ว แต่พอยิงไปก็เลยไปบ้าง หรือกระสุนตกก่อนบ้าง ทำให้กว่าจะยิงโดนก็หัวอุ่น ๆ ไม่น้อย
และผู้เขียนเริ่มหัวอุ่นมากขึ้นเมื่อภารกิจต่อไปก็คือ การไล่ล่ากวางให้ได้ ซึ่งผู้เขียนเจอปัญหาเรื่องของระยะการมองเห็น / การได้กลิ่นของสัตว์ ที่หากผู้อ่านคนใดไม่เคยเล่นเกมล่าสัตว์มาก่อน วิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไป เหล่าสัตว์พวกนี้ก็จะมองเห็น / ได้กลิ่นเรา (ทั้ง ๆ ที่ระยะอยู่ไกลมาก ๆ) และวิ่งหนีไปได้ แถมเวลาพวกมันวิ่งหนีไปพวกมันจะไม่กลับมาในถิ่นนั้น ๆ เป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้สิ่งที่เราทำได้ก็คือ Fast Travel กลับบ้าน และทำการนอนพักสักพักใหญ่ ๆ แล้วค่อยกลับมา พวกมัน “อาจจะ” กลับมาก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นเริ่มเล่นไปเรื่อย ๆ และเริ่มเกิดความเคยชินกับระบบเกม (บ้าง) ก็ทำให้การเล่นเกมนี้สนุกมากขึ้น โดยผู้เขียนจะต้องใจเย็นลงอย่างมาก วิ่งให้น้อยลง ย่องให้มากขึ้น และคอยใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อวัดระยะตลอดเวลาว่า “เราเข้าไปอยู่ในระยะการมองเห็น / ได้กลิ่นของพวกมันหรือยังน้า” จากนั้นก็ต้องค่อย ๆ เล็ง วัดทางลม ปรับระยะให้ดี แล้วสวดมนต์พร้อมลั่นไก… ครับ… มันวิ่งหนีไปอีกแล้ว!!!
เอาจริง ๆ ก็คือระบบที่ละเอียดนี้ก็เป็นระบบที่ท้าทายครับ แต่หากผู้อ่านคนใดไม่เคยชินกับการเล่นเกมล่าสัตว์มาก่อนก็อาจจะทำให้หัวร้อนได้เช่นกัน ซึ่งทางออกเดียวที่ผู้เขียนพบเจอก็คือต้องเล่นจนเคยชิน ถึงจะเล่นเกมนี้ได้สนุกขึ้นครับ
Way of the Hunter เป็นเกมล่าสัตว์ที่สมจริง และเป็นการเปิดตัวเกมใหม่ของ THQ Nordic ได้อย่างน่าสนใจด้วยกราฟิกที่สวยงาม องค์ประกอบแบบ Open-World ที่ลงตัวกับเกมเพลย์ล่าสัตว์ และความสมจริงของระบบ อย่างไรก็ตามเกมนี้ยังมีแผลให้เราได้เห็นอยู่พอสมควรทั้งด้านกราฟิก และการเข้าถึงผู้เล่นครับ
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 6.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
เกมเพลย์ล่าสัตว์ที่สมจริง ระบบ Open-World ที่ลงตัวกับเกม กราฟิกสวยงามสุด ๆแต่กราฟิกที่มีปัญหาให้เราได้เห็นอยู่เยอะทั้งการโหลดภาพไม่ทัน เฟรมเรตตก ทั้ง ๆ ที่เล่นบน PS5 ความสมจริงที่มากจนเกินไป อาจจะทำให้ผู้เล่นหลาย ๆ คนเข้าไม่ถึงเกมนี้และไม่ได้ใช้องค์ประกอบของจอย DualSense เท่าไหร่นักเกมเพลย์ล่าสัตว์ที่สมจริง ระบบ Open-World ที่ลงตัวกับเกม กราฟิกสวยงามสุด ๆแต่กราฟิกที่มีปัญหาให้เราได้เห็นอยู่เยอะทั้งการโหลดภาพไม่ทัน เฟรมเรตตก ทั้ง ๆ ที่เล่นบน PS5 ความสมจริงที่มากจนเกินไป อาจจะทำให้ผู้เล่นหลาย ๆ คนเข้าไม่ถึงเกมนี้และไม่ได้ใช้องค์ประกอบของจอย DualSense เท่าไหร่นัก
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ THQ Nordic ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวกันในครั้งนี้ครับ
สั่งซื้อเกมได้ที่ : https://www.wayofthehunter.com/