ผู้เขียน : Youryu
Tales of Arise: Beyond the Dawn ได้บอกเล่าเรื่องราวของ Alphen และกลุ่ม The Six ที่กำลังตกที่นั่งลำบากกับสถานการณ์ที่เลือกไม่ได้ว่าตนคือจอมทำลายล้างหรือวีรบุรุษผู้ปลดแอก กระทั่งมาพบกับ Nazamil เด็กสาวที่อยู่ภายใต้คำสาปแห่งหน้ากาก โดยคอนเทนต์จะมีความยาวมากกว่า 20 ชั่วโมง พร้อมดันเจี้ยนและบอสใหม่ ๆ ให้เราได้ท้าทายความสามารถกัน
และในโอกาสนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปผจญภัยในคอนเทนต์ใหม่แล้ว และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะมานำเสนอรีวิวเกมที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 ระหว่างวันที่ 1 – 7 พฤศจิกายน 2566 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้
นอกจากนี้เนื้อหารีวิวนี้จะมีการสปอลย์เนื้อหาเกม Tales of Arise ภาคหลักด้วย หากใครยังไม่ได้เล่นเกมภาคหลักก็ขอให้ระวังด้วยนะครับ
กราฟิกยังคงความสวยงามอลังการเช่นเคย
Tales of Arise – Beyond the Dawn เป็น DLC เนื้อเรื่องของเกม Tales of Arise ทำให้การนำเสนอกราฟิกภายในเกมนี้ยังคงมาตรฐานความสวยงามไว้ได้เป็นอย่างดีทั้งความคมชัดของกราฟิกภายในเกม, พื้นผิวของสิ่งแวดล้อม, เอกเฟกต์ต่าง ๆ รวมไปถึงโมเดลของตัวละครต่าง ๆ ภายในเกมก็ยังคงความสวยงามที่ผู้เล่นที่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนจะต้องประทับใจเช่นเคยแม้ว่าพื้นฐานของเกมนี้จะวางจำหน่ายมา 2 ปีแล้วก็ตาม
คอนเทนต์ของ DLC ที่คุ้มค่าคุ้มราคา
Tales of Arise: Beyond the Dawn วางจำหน่ายในราคา 900 บาท โดยเราจะได้ติดตามเรื่องราวของ Alphen และกลุ่ม The Six ที่กำลังตกที่นั่งลำบากกับสถานการณ์ที่เลือกไม่ได้ว่าตนคือจอมทำลายล้างหรือวีรบุรุษผู้ปลดแอก กระทั่งมาพบกับ Nazamil เด็กสาวที่อยู่ภายใต้คำสาปแห่งหน้ากาก โดยเนื้อหาหลักจะมีความยาวประมาณ 20 ชั่วโมง แต่ถ้ารวมกับการสำรวจแผนที่อย่างละเอียด ไปจนถึงการลงดันเจี้ยนและเผชิญหน้ากับบอสใหม่ ๆ จะทำให้เกมนี้ใช้เวลาในการเล่นมากกว่านั้นอย่างแน่นอน
เนื้อหาต่อยอดจากภาคหลักได้อย่างน่าสนใจ
ต้องบอกว่าการดำเนินเนื้อเรื่องของ Tales of Arise: Beyond the Dawn น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะหากมองเพียงผิวเผิน ตอนจบของ Tales of Arise เนื้อหาหลักก็ถือว่าสวยงามแล้ว แต่ความจริงมีบางอย่างที่หากมองกันจริง ๆ ก็ทำให้หลายคนสงสัยอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในแง่มุมของการที่มนุษย์ 2 โลกที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจะมาอยู่ด้วยกันอย่างไรต่อไปในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาตลอด
Tales of Arise: Beyond the Dawn จะสานต่อตอนจบของเกมภาคหลักที่จะพูดถึงการที่โลกของ Dahna และ Rena ได้หลอมรวมกันเป็นโลกใบเดียวกัน นั่นแปลว่าประชาชนจาก 2 โลกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันจะต้องมาอยู่ร่วมกัน ซึ่งในแง่ความเป็นจริงมันไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเกมส่วนนี้ได้หยิบประเด็นนี้มาขยายต่อ ทำให้เป็นที่มาของชื่อ DLC ว่า “การเดินทางครั้งใหม่” โดยมี Nazamil ที่เป็นตัวละครใหม่เป็นแกนกลางของเรื่องราว
สิ่งที่ผู้เขียนประทับใจมาก ๆ ก็คือด้วยความที่เกมภาคหลักวางจำหน่ายมาแล้วประมาณ 2 ปี ทำให้การกลับมาของ DLC เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ อีกทั้งฉากที่ตัวละครทั้ง 6 กลับมาเจอกันอีกครั้ง ถ้าใครเล่นเกมภาคหลักมาก่อนรับรองว่าน้ำตาซึมเพราะความคิดถึงแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การที่เนื้อหาของ DLC เป็นการสานต่อจากตอนจบของเกมหลัก ทำให้ผู้เล่นที่ยังเล่นเนื้อหาหลักยังไม่จบจะมีอาการงงได้ว่าเรื่องราวเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้านี้ และถึงแม้ว่าจะมีการย้อนอดีตให้เราได้ชมกัน แต่ก็ต้องบอกว่า “ไม่ละเอียด” มากเท่าไหร่ ฉะนั้นหากใครยังเล่นเกมหลักไม่จบ ผู้เขียนขอแนะนำเลยว่าไม่ควรเล่น DLC นี้ครับ เพราะมันจะไม่อินอย่างแน่นอน
เข้าเล่นได้ทันที เกมเพลย์เหมือนเดิม มีบทสอนคร่าว ๆ
การเข้าเล่น DLC นี้ผู้เล่นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเข้าผ่านหน้าจอเมนูหลักของเกม Tales of Arise ได้เลย และถ้าหากผู้เล่นคนใดเคยเล่นเกมหลักมาก่อนก็จะมีรางวัลพิเศษให้ด้วย โดยจะมีทั้งหมด 5 รางวัลด้วยกัน ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เพราะถือว่าเป็นเหมือนรางวัลให้กับผู้เล่นที่เล่นเกมนี้มาก่อน รวมไปถึงเป็นเหมือนสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้ผู้เล่นได้ย้อนกลับไปเล่นเกมเนื้อหาหลักให้จบก่อน
ในส่วนของเกมเพลย์ใน DLC นี้ก็ยังคงเหมือนกับเกมหลักทุกประการ แต่ถ้าใครกลัวว่าจะลืมไปแล้วว่าบังคับยังไง ใน DLC นี้ก็มีการสอนการเล่นเบื้องต้นเป็นการรื้อฟื้นความจำให้กับผู้เล่นด้วย อย่างไรก็ตามบทช่วยสอนเหล่านี้ก็ไม่ได้ละเอียดเท่ากับเนื้อหาหลัก ฉะนั้นผู้เล่นที่อาจจะลืมเลือนเกมนี้ไปบ้างแล้วก็ต้องใช้เวลาในการรื้อฟื้นอยู่ระดับหนึ่งครับ ในขณะเดียวกันหากใครไม่ได้เล่นเกมหลักมาก่อน (หรือยังเล่นไม่จบ) ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะตัวเกมจะมาพร้อมกับตัวละครเลเวล 65, ไอเทม และสกิลแบบครบถ้วนมาให้ผู้เล่นได้ใช้งานกันทันที
สรุปรีวิว
Tales of Arise: Beyond the Dawn เป็น DLC ที่สาวก Tales of Arise ต้องมีไว้เพื่อเติมเต็มความสนุก และความเข้มข้นของเรื่องราวที่น่าสนใจของเกมนี้ครับ โดยภาพรวมแล้วเกมนี้ยังคงเป็นเกมที่เล่นได้สนุกเช่นเคย เสียดายเล็กน้อยที่หากใครไม่ได้เล่นเกมหลักมาก่อนจะมาเล่น DLC หรือยังเล่นเกมหลักไม่จบ แล้วจะมาเล่น DLC ก็อาจจะไม่อินเท่าไหร่ครับ
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 8 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
จุดเด่น
– เนื้อเรื่องสานต่อเนื้อหาหลักได้น่าสนใจ
– คอนเทนต์คุ้มค่าคุ้มราคา
– กราฟิกยังอลังการเช่นเคย
ข้อสังเกต
– เนื้อหาสานต่อจากตอนจบของภาคหลัก ถ้าไม่ได้เล่นมาก่อนไม่สนุกแน่ ๆ
– Photo Mode ที่ยังทำอะไรไม่ได้เช่นเคย
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment Asia ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…
สำหรับใครที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อเกมได้ที่ BNEAs’ e-store : [คลิก] และตัวแทนจำหน่ายในไทย