PCPlayStationรีวิวเกม

[รีวิว] Resident Evil 4 โค่นแผนร้ายลัทธิปรสิตสายพันธุ์สยอง

จากผลงานที่วางรากฐานเกมสยองขวัญ สู่การกลับมาในรูปแบบเน็กซ์เจ็น

ผู้พัฒนา : CAPCOM Co., Ltd.
ประเภท : Action, Adventure
แพลตฟอร์ม : PC-Steam , PlayStation

หมายเหตุ: รีวิวนี้มีการอ้างอิงจากเวอร์ชั่น Xbox Series X โดยใช้โหมดแสดงผลแบบ Performance ด้วยหน้าจอระดับ 1080p ประสบการณ์การเล่นของผู้ใช้แต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันตามการตั้งค่า

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบๆ 20 ปีก่อน Resident Evil 4 ได้ฉีกกฎเดิมๆ ของแฟรนไชส์เกมไปโดยสิ้นเชิงด้วยการนำเสนอเกมเพลย์แบบใหม่ที่ผสมผสานความน่ากลัวและประสบการณ์แอ็กชันได้อย่างลงตัวชนิดที่ล้างไพ่ว่าเกมซอมบี้ไม่ต้องเป็นฉากกลางคืนอีกต่อไป โดยมีผู้เบิกทางเป็น Leon หนุ่มหน้ามนพระเอกจากเกมภาคสองที่ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมทักษะการเอาตัวรอดที่ดุเดือดมากขึ้น และแน่นอนว่าระบบการเล่นแบบนี้ก็ถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานให้เกมภาคต่อๆ มา เช่นเดียวกับอิทธิพลของเกมที่ส่งผลต่อการถือกำเนิดของเกมอื่นๆ

และแล้ว ก็ถึงเวลาอันสมควรที่ Resident Evil 4 จะกลับมาอีกครั้งโดยได้รับทีมงานเดิมจากผู้ที่อยู่เบื้องหลังภาคสองในเวอร์ชั่นรีเมคเหมือนกันมาดูงานด้วย ที่ลืมไม่ได้ก็คือนี่ยังถือเป็นครั้งแรกที่ผลงานซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกเกมสยองขวัญยุคใหม่จะมีการปรับปรุงใหม่อีกครั้งในยุค 2023 แน่นอนว่าหลายสิ่งหลายอย่างก็ต้องมีความเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยและนวัตกรรมที่ก้าวหน้าขึ้นของโลกปัจจุบัน

เนื้อหาเคารพต้นฉบับ การเปลี่ยนแปลงขอแบบน้อยแต่มาก

สิ่งแรกที่แตกต่างจากการรีเมคครั้งเก่าๆ ก็คือในคราวนี้ CAPCOM เลือกที่จะใช้วิธีการปัดฝุ่นเกมด้วยแนวคิด ‘น้อยแต่มาก’ ดังนั้นโครงเรื่องนั้นจะยังคงดำเนินตามเนื้อหาหลักที่เราคุ้นเคยกันแบบ 80% เลย มีความเปลี่ยนแปลงเพียงวิธีการเดินเรื่อง เช่นอย่างที่เราได้เห็นกันกับตอนเริ่มเกมที่ Leon พบกับแกนาโด (ชาวบ้านปรสิต) ตัวแรกที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวที่ต่างไปจากเดิม หรือการเดินทางในช่วงปราสาทที่แม้ตอนแรกจะเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ก็มีวิธีการเล่าเรื่องชัดเจนขึ้น อาทิการเข็นปืนใหญ่ขึ้นสู่ฐานที่ตั้งเพื่อเตรียมยิง ซึ่งตรงนี้เราจะพบว่าปืนใหญ่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องประกอบคัตซีน เพราะเราสามารถเล็งได้เองว่าจะยิงศัตรู หรือจะยิงประตูที่ปิดอยู่ให้แตกออก

ในมุมมองจากที่ได้เล่นมารู้สึกว่าการรีเมคด้วยวิธีแบบนี้มันเวิร์คสำหรับผู้เล่นทุกประเภทเลย อย่างแรกผู้เล่นใหม่ก็จะได้เล่นเกมในเวอร์ชั่นที่ทันสมัยและไม่ค่อยมีข้อจำกัดอะไรน่าหงุดหงิดอีก เช่นเดียวกับเนื้อหาที่เอาเข้าจริงภาคต้นฉบับก็ไม่ถือว่าเล่าแล้วรู้สึกโบราณหรือไม่เมคเซนส์ แถมยังช่วยลงรายละเอียดในบางจุดให้ด้วยเหมือนกัน ขณะที่ผู้เล่นเดิมที่ไม่ค่อยปลื้มกับการเปลี่ยนเนื้อหาของภาคสองและสามเท่าไร ก็จะได้เจอกับประสบการณ์เดิมแบบเต็มๆ แต่เหมือนว่าใส่สเตียรอยด์เข้าไปอีกระดับจนกลายเป็นว่าทำอะไรก็เซอร์ไพรส์ไปเสียหมดเพราะไอ้จุดที่เราคิดว่าจะมีสิ่งที่คาดหวังล่วงหน้ากลับหักมุมไปเป็นอีกแบบจนอ้าปากค้าง จุดบางจุดที่เคยเป็นแค่กิมมิคเล็กๆ ก็อาจนำมาทำให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น เช่นการบังคับเรือหลังจากสู้เจ้ายักษ์ El Lago เสร็จ จะมีโอกาสให้เราได้สำรวจพื้นที่โดยรอบที่มีความลับซ่อนมากมาย ศัตรูใหม่ก็ยังมีเลย ทั้งหมดนี้ถูกใส่เข้ามาโดยที่แกนเรื่องสำคัญไม่ถูกบัดบังหรือเปลี่ยนไปโดยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามแม้จะมีการเพิ่มองค์ประกอบเรื่องเนื้อหามาบ้าง แต่บางทีก็รู้สึกว่าในหลายๆ จุดได้รับการ Simplify หรือถูกทำให้มันเรียบง่าย เป็นเส้นตรงกันจนเกินไป และนั่นหมายความว่าต้องมีส่วนที่ถูกตัดทอนไปในส่วนเนื้อหาอย่างแน่นอน ทว่าก็โชคดีที่จังหวะการเล่าเรื่องยังคงใช้รูปแบบ Chapter หรือการแบ่งเนื้อหาเป็นบทๆ อยู่ บางส่วนเลยเกมบังคับให้ไปได้ หากแต่จะทำให้เราขัดใจอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

มีปริศนาบางอย่างเพิ่มเข้ามาใหม่ บางอย่างก็ดัดแปลงเป็นอีกแบบ

ฉากในเหมืองก็เปลี่ยนให้เป็นการนั่งรถรางไปเลย

เนื้อเรื่องไม่เปลี่ยน แต่เส้นทางขอเปลี่ยน

เกมเพลย์ที่ทันสมัยอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะทันสมัยได้มากขึ้น

อย่างที่ได้กล่าวไปหลายครั้งแล้วว่าเกมเพลย์รูปแบบ Over-the-shoulder ของเดิมก็เป็นการปฏิวัติรูปแบบเกมเพลย์ให้มีความทันสมัยอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่ามันยังสามารถทันสมัยได้มากขึ้น เพราะเวลา 19 ปีที่ผ่านมาโลกเราหมุนไปไวจนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถนำมาดัดแปลงให้ประสบการณ์เกมได้ราบรื่นมากขึ้น อย่างแรกก็คือการบังคับตัวละครที่ตอนนี้มีอิสระและลื่นไหลกว่าเดิม จากที่เคยเป็นแบบ Tank Control ที่ถึงผู้เล่นจะเดินได้ในสภาพแวดล้อมสามมิติ แต่ก็ยังต้องหยุดเพื่อเล็งปืน และเลี้ยวบางทีก็ยังเจอปัญหาไถกำแพงอยู่ คราวนี้ Leon สามารถเคลื่อนที่ไป เล็งปืนไปได้ และยังมีการย่อตัวเพื่อระบบลอบเร้นที่จะกล่าวในหัวข้อถัดไปด้วย พร้อมกันนี้ระบบที่เพิ่มมาอีกอย่างก็คือเมนูลัดที่ช่วยให้การเปลี่ยนอาวุธมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถตั้งค่าได้ถึง 8 อาวุธพร้อมกัน ใครไม่อยากซุ่มยิงเป็นลุงงู ก็สวมวิญญาณแรมโบ้ได้สบายๆ เท่านั้นไม่พอศัตรูเองก็มี AI ที่สมจริงมาก เพราะสามารถทำงานเป็นทีม วิ่งลุยดะมาตบเกรียน Leon ได้ตลอดเวลา กระนั้นก็จะมี Friendly Fire ที่มันอาจตีกันเองโดยไม่ตั้งใจ

ความทันสมัยไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เพราะระบบอย่างการคราฟต์ไอเทมก็มีส่วนสำคัญมากมายทีเดียว ตลอดทางเราอาจจะเจอไอเทมที่เป็นวัสดุต่างๆ เพื่อใช้ทำเป็นกระสุนปืนหลากหลายชนิด หรือระเบิดได้เอง ส่วนระบบสมบัติที่เคยเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเพราะต้องใช้เพื่อหาเงินไว้ช็อปปิ้งกับพ่อค้าก็มีการปรับปรุงใหม่ให้มีรายละเอียดมากขึ้น เช่นการผสมสีเพชรเม็ดสำหรับประกอบเข้ากับเครื่องสวยงาม หากเราใช้สีเดียวกันหลายเม็ดจะยิ่งเพิ่มโบนัสให้มีมูลค่ามากขึ้น

พูดถึงพ่อค้าแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือคาแรกเตอร์ที่มีชีวิตชีวามากขึ้น มีการพูดคุยหรือไดอะล็อกน่าสนใจกันตลอดเวลา และบริการของเจ้าตัวก็ขยับขยายให้หลากหลาย ไม่ได้มีเพียงแค่ร้านค้าและอัปเกรดอาวุธเท่านั้น แต่ยังมีซับเควสต์ให้ทำตามทาง โดยผู้เล่นอาจจะเจอแผ่นป้ายในหลายๆ จุดที่เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ ภารกิจก็จะมีตั้งแต่ยิงเหรียญสีน้ำเงิน, ตามหาสิ่งของ หรือสู้กับศัตรูลับ เมื่อเคลียร์เสร็จก็จะได้แต้มสำหรับการแลกของที่ไม่สามารถซื้อได้ตามปกติ เช่นลำกล้องแบบซูมได้สามต่อหรือปืนพิเศษเป็นต้น ส่วนสนามยิงปืนก็มีให้เล่นกันตั้งแต่ช่วงหมู่บ้านเลย และจะมีรูปแบบให้เลือกหลายสไตล์อาวุธ เมื่อเคลียร์เสร็จจะได้รางวัลเป็นเหรียญไปหยอดกาชาปองพวงกุญแจ Charm ที่นำมาห้อยกระเป๋าเพื่อเพิ่ม Perk ต่างๆ อย่างเช่น ลดดาเมจจากศัตรูบางชนิด, ลดราคาอาวุธ หรือเพิ่มโอกาสเก็บสิ่งของได้ อ้อ! และกระเป๋าของเราเองยังมีการเปลี่ยนสีสันเพื่อรับ Perk อีกหนึ่งต่อด้วยเหมือนกัน

อีกหนึ่งบริการของพ่อค้าก็คือการซ่อมแซมสิ่งของ โดยจะสามารถจ่ายเงินเพื่อซ่อม มีด – เสื้อเกราะ ให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ได้ ใช่แล้วครับ… ในเกมภาคนี้ทั้งสองอย่างล้วนมีเกจความทนทาน แต่ในส่วนของมีดนั้นน่าสนใจมากเพราะว่าผู้เล่นสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น จนกลายเป็นระบบ Parry หรือปัดป้องการโจมตี หากเราเจอกับกระสุนลูกดอกหรือชาวบ้านที่เข้ามาจะเฉาะหัวก็สามารถใช้มีดสกัดได้ และศัตรูบางตัวที่ล้มอาจจะชักกระแด่วเพราะใกล้กลายพันธุ์รอบสองเป็นแกนาโดที่อึดกว่าเดิม ผู้เล่นก็ต้องไปเชือดคออีกจึ๊กนึง แน่นอนว่าพอเล่นไปมีดก็จะสึกหรอไปเรื่อยๆ ทำให้ต้องหมั่นซ่อมบ่อยๆ ซึ่งพ่อค้าเองก็สามารถอัปมีดให้มีความทนทาน ใช้งานได้นานขึ้นด้วยเหมือนกัน หรือถ้าใครไม่อยากใช้มีดบ่อยๆ ก็อาจเก็บมีดเล่มเล็กตามฉากมาใช้แทนได้เพราะเอฟเฟกต์เหมือนกันหมดเพียงแค่อาจจะพังเร็วกว่า และมีดเล็กที่เก็บได้จะไม่สามารถซ่อมแซมเพราะว่าใช้พังปุ๊บจะหายไปจากช่องเก็บของทันที อีกทั้งเกมมีระบบหีบเพื่อเก็บอาวุธเข้าคลังในกรณีที่ต้องการเคลียร์กระเป๋าด้วยครับ

และเช่นเดียวกับเกมรีเมคของแฟรนไชส์ Resident Evil ในยุคหลังๆ ตัวเกมได้มีการเพิ่มโหมดสโตร์ให้ผู้เล่นได้ใช้แต้มจากการทำภารกิจในเกม (ไม่ใช่ซับเควสต์นะ) คล้ายๆ กับ Achievement เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นโมเดลตัวละคร, อาร์ตเวิร์กหาชมยาก หรือไอเทมเครื่องประดับเช่น หมวก แว่นตา หรือสกินพิเศษด้วย โดยก่อนที่จะปลดล็อกได้ ของบางชิ้นอาจจะต้องเคลียร์เงื่อนไขก่อนเด้อ

ลอบ-เร้น-เป็น-สำคัญ

องค์ประกอบการเล่นแบบลอบเร้นนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลยครับ เพราะถึงแม้เกมจะออกแบบให้เราเล่นได้แบบวิ่งไปซัดกับศัตรูได้ตรงๆ เหมือนเดิม แต่ถ้าเกิดเราเรียนรู้ที่จะใช้ความเงียบเชียบให้เป็นประโยชน์ก็จะทำให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ บวกกับไม่ต้องกังวลว่าจะโดนรุมทึ้ง โดยผู้เล่นสามารถกดปุ่มย่อตัวและเคลื่อนที่ด้วยความเงียบ หรือจะไปเชือดจากด้านหลังก็ได้ และถ้าใครอยากจะใช้ประโยชน์ในการหลบหนีศัตรูไปทางอื่นอันนี้ก็ไม่ใช่แผนที่แย่เลยครับ 

และในเมื่อหนึ่งในศัตรูที่สำคัญเป็นแกรราดอร์นักรบตาบอดผู้มาพร้อมกงเล็บแบบนี้ การย่องเงียบจึงเป็นอีกหนึ่งยุทธวิธีที่สามารถใช้ต่อกรกับมันได้ โดยผู้เล่นอาจจะเลือกย่องแล้วใช้อาวุธใหม่อย่างปืนยิงลูกดอกค่อยสู้กับมันไปเรื่อยๆ เพราะปืนชนิดนี้จะเป็นอาวุธที่ไม่มีเสียงนั่นเอง (เพิ่มเข้ามาซะเหมาะเชียว) อ้อ! ทั้งนี้ทั้งนั้นเกมมีการเพิ่มความท้าทายเข้ามาด้วย เช่นโซ่ตรวนที่ห้อยจากเพดานที่ Leon จะต้องหลบให้ดีเพราะไม่เช่นนั้นอาจจะส่งเสียงจนมันวิ่งมาหาได้นั่นเองครับ

Ashley พี่ขาดเธอไม่ได้!

Resident Evil 4 มีระบบสำคัญที่เป็นเหมือนหัวใจหลักเลยนั่นก็คือพาร์ตเนอร์ ซึ่งเนื้อเรื่องก็อย่างที่เรารู้กันว่า Leon ต้องมาทำภารกิจตามหาลูกสาวของประธานาธิบดีในสเปน และยิ่งเธอเป็นลูกคุณหนูแบบนี้ในภาคต้นฉบับจึงบอบบางค่อนไปทางสร้างความน่ารำคาญให้ผู้เล่นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน อย่างไรก็ตามในเกมภาคนี้มีการเปลี่ยนแปลง Ashley ให้มีลักษณะของการเป็นภาระที่น้อยลงมากเลยครับ อย่างแรกเลย Ashley จะไม่มีเกจพลังชีวิตอีกต่อไป และผู้เล่นจะจงใจใช้ปืนกระสุนธรรมดาเล็งใส่เธอตรงๆ ไม่ได้แล้ว (แต่ยังยิงพลาดได้) ดังนั้นจึงสบายใจได้หนึ่งเปราะ มีเพียงแค่การล้มลงกับพื้นที่คล้ายกับการติดสถานะสตั๊นให้เราวิ่งไปพยุงเท่านั้น ต่อมาคือคำสั่งที่สามารถใช้งานได้ คราวนี้ไม่ใช่สั่งให้วิ่งและหยุด โดยเปลี่ยนมาให้ Leon ออกคำสั่งฟอร์เมชันการเคลื่อนที่แทน แบบแรกคือ Tight ที่ Ashley จะอยู่ติดกับ Leon ตลอดเหมือนปกติ อีกแบบคือ Loose เป็นการปล่อยให้ Ashley วิ่งออกห่างจากผู้เล่น ระหว่างนี้เธอก็จะมีโอกาสโดนโจมตีน้อยกว่า ทั้งนี้อย่าปล่อยให้เธอวิ่งไกลเกินไปไม่งั้นอาจโดนจับตัวกลับไป

ในแง่เนื้อเรื่องนั้นขอชื่นชมว่า CAPCOM เขียนบท Ashley มาให้ดีกว่าเดิมมากอย่างเห็นได้ชัดเลยครับเพราะว่าจากที่เธอมีความแซสซี่ หรือ ‘แด๊ะแด๋’ ในภาคต้นฉบับ คราวนี้ Ashley มีความเป็นผู้ใหญ่และสุขุมมากขึ้น และยิ่งเดินทางมากเท่าไรก็ยิ่งพบว่าตัวละครมีพัฒนาการมากกว่าเดิม เช่นความกล้าหาญที่เธอพยายามหาทางช่วย Leon, ความห่ามแบบออกแนวทอมบอยในบางครั้ง และเธอพึ่งพาตัวเองได้ดีเลย อย่างไรเสียยังมีมุมเล็กๆ ที่เธอแอบแซว Leon หรือหยอดแบบเดิมอยู่ให้พอเห็นความน่ารักได้บ้างเหมือนกันนะครับ

ก่อนสู้ศัตรูที่แข็งแกร่งอาจจะเจอตู้สำหรับสั่งให้เธอหลบ

มีหลายจุดต้องให้ Ashley ช่วยนะ บางทีเราอาจจะไปเจอสมบัติหายากก็ได้

ฟอร์เมชันแบบ Tight ให้ Ashley วิ่งตามติดเหมาะกับการสวมหลวงปู่โกย

กราฟิก และดนตรี

ด้วยพลังของ RE Engine ทำให้ประสบการณ์ด้านกราฟิกนั้นถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงาม และระบบฟิสิกส์ของเกมก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ด้วยครับ ซึ่งวัตถุตามฉากต่างๆ จะสามารถพังลงได้และความเสียหายนั้นจะคงอยู่ตลอด เช่นเสาระเบียงที่ถูกพี่เลื่อยฟาดจนร่วงลงมาในหมู่บ้าน, หอคอยที่อาจจะถล่มได้ หรือเส้นทางหลายๆ ไปจนถึงของเล็กของน้อยเช่นตู้เตียงต่างๆ เกือบทุกอย่างมีการตอบสนองต่อการกระทำของเรา ในส่วนของความโหดและระบบ Ragdoll อาจจะไม่เท่ากับภาคสองเพราะว่าเกมมีการแสดงผลโมเดลศัตรูที่ตายจำนวนหนึ่งด้วย ตรงนี้หากมีมากเกินศพก็จะล่องหนหายไปเอง แต่ก็ดีกว่าภาคสามแน่นอน

เฟรมเรตของเกมจากที่ใช้งานโหมด Performance พบว่าไม่มีอาการกระตุกหรือเฟรมตกแต่อย่างใด เป็นประสบการณ์การเล่นที่ราบรื่นเลยและยิ่งดีไปกว่านั้นที่สามารถเปิด Ray-tracing ได้ ในกรณีที่ใช้เอฟเฟกต์กราฟิกขั้นสูงแบบนี้ อาจจะมีร่วงมาบ้างแต่ไม่ถึงกับรู้สึกรำคาญ โดยมีการหวังผลที่ระดับ 60FPS (ขอแทรกนิดนึงว่าเรื่องโหลดเท็กซ์เจอร์ไม่ทัน ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ต้องทำความคุ้นชินกันแล้วกับเกมเอนจิ้นนี้) สำหรับดนตรีประกอบได้ถูกเปลี่ยนใหม่ยกชุด เพลงที่ใช้ก็ทดแทนของเดิมได้ในระดับโอเค ซึ่งออร์เคสตราที่ฟังดูราวกับไม่ใช่เสียงสังเคราะห์นั้นให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่มากดังนั้นสบายใจโปรดักชันได้เพราะจัดเต็มจริงๆ โดยเฉพาะเพลงการต่อสู้ของ Salazar ส่วนเพลงประกอบช่วงสู้ในหมู่บ้านก็ระทึกมาก

บางสิ่งที่ขาดหายไป

เมื่อมีสิ่งที่เพิ่มเข้ามา ก็ย่อมมีสิ่งที่ถูกตัดออกไป น่าเสียดายที่เกมมีการตัดบอสออกไปจำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับเส้นทางการเดินที่เหมือนจะรวบรัดข้ามไปแบบเร็วๆ จนรู้สึกเกมรีบเล่าเรื่องมากไปนิด คือเดินเรื่องเร็วก็ดีแต่บางอย่างก็แอบคิดถึง เช่นห้องตะลุยไฟ, ฉากกระเช้า เช่นเดียวกับโหมด The Mercenaries ที่ไม่ได้มีให้เล่นในช่วงวันแรก และมินิเกมของ Ada Wong ทั้งสองตอนก็ถูกตัดออกไปเหมือนกัน ซึ่งในอนาคตต้องรอดูว่าจะมีการเปิดตัวหรือไม่ แต่ที่น่าสนใจก็คือคัตซีนเก่าของ Separate Ways ได้ถูกนำมาใช้ในแคมเปญหลักด้วยนะ

บทสรุป

Resident Evil 4 เวอร์ชั่นรีเมคอาจจะไม่ใช่ภาคที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับเกมต้นฉบับ แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงในแง่บวกนั้นทำให้ประสบการณ์การเล่นของผู้เล่นเดิมมีความตื่นเต้นแปลกใหม่กันแทบจะตลอด แม้ว่าเกมจะยังใช้โครงสร้างเนื้อหา ไปจนถึงแผนผังสถานที่แบบเดิมในหลายๆ จุดก็ตาม ซึ่งในส่วนผู้เล่นใหม่เองหากได้ลองภาคนี้ก็อาจจะไม่มีความจำเป็นที่ต้องกลับไปเล่นภาคเก่าก็ได้ ด้วยความที่เกมนั้นยกเนื้อหามาเกือบทั้งหมดและยังมีของเพิ่มมาใหม่ด้วย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความหงุดหงิดเล็กน้อยกับสิ่งที่ถูกตัดไป กระนั้นเมื่อจัดสรรปันส่วนแล้วเกมเพลย์ก็ยังมีความยาวในระดับที่เทียบเท่ากัน

มั่นใจว่าหลายคนที่ได้ลอง Resident Evil 4 ในเวอร์ชั่นเดโมไปก่อนหน้านี้ก็อาจจะมีความคาดหวังอยู่บ้างแล้ว และด้วยการปรับโฉมใหม่ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ในช่วงแรกแต่เปลี่ยนใหม่ทั้งเกมโดยที่คงต้นฉบับไว้แบบนี้ ก็ยิ่งทำให้พวกเราอดคาดหวังกับผลงานเกมรีเมคใหม่ๆ ว่าท้ายที่สุดแล้ว บางทีเราอาจจะอยากได้การรีเมคในรูปแบบ ‘น้อยแต่มาก’ แบบนี้ มากกว่าการจับแพะชนแกะนั่นเอง

สำหรับใครที่สนใจ ขอบอกว่า Resident Evil 4 วางจำหน่ายแล้วบน PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series X|S และ PC เนื้อหาของเกมมีความเกี่ยวข้องกับภารกิจของ Leon S. Kennedy ที่ได้รับมอบหมายให้ไปตามหา Ashley ลูกสาวของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ถูกลักพาตัวไปในปี 2004 จนกระทั่งพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับอาวุธชีวภาพปรสิตที่เรียกว่า Las Plagas

ที่มา
Thisisgame

Now Loading

ชอบเพลง Metal | บันเทิงกับการถ่ายรูป | ของโปรดคือเนื้อย่าง | เล่นเกมบ้างบางเวลา
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save