Rainbow Six: Extraction ภาคเสริมของเกมชูตติ้งแนวกลยุทธ์ที่ต่อยอดมาจากอีเวนต์พิเศษสุดระทึก
ในสังเวียนของเกมแนว PvP Shooting ที่ได้รับความนิยมสูงและมีความดุเดือดในทุกๆ แมทช์ก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก Rainbow Six: Siege ที่ต้องยอมรับว่าการตัดสินใจเสี่ยงที่จะโฟกัสในเกมเพลย์มัลติเพลเยอร์เต็มตัวของทาง Ubisoft นั้นประสบความสำเร็จจริงๆ เพราะว่าตั้งแต่การวางจำหน่ายครั้งแรกเกมก็ยังคงมีการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากแฟนๆ และผู้พัฒนาต่อเนื่อง
Rainbow Six: Extraction เป็นการหวนคืนสู่เกมเพลย์รูปแบบ PvE Co-op ครั้งแรกในรอบหลายปีในฐานะประสบการณ์เกมเต็มตัวสืบเนื่องจากเสียงตอบรับที่แฟนๆ มอบให้ในอีเวนต์ Outbreak เมื่อปี 2018 ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานทางค่ายก็ประกาศต่อยอดมาเป็นโปรเจ็คนี้ และซุ่มพัฒนาผ่านร้อนผ่านหนาวมาเสียหลายครั้ง จนวันนี้เกมก็ได้ฤกษ์เปิดให้ทุกคนได้เข้าเล่นกันอย่างเป็นทางการแล้ว โดยวันนี้เองพวกเรา ThisIsGameBase ก็ได้รับโอกาสจาก Ubisoft ในการรีวิวเกมเพื่อนำความประทับใจมาฝากเพื่อนๆ กันด้วย แต่จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นว่าแล้วอย่ารอช้าขอเชิญติดตามข้างล่างนี้เลยครับผม
【การต่อสู้ของหน่วยรบสายรุ้ง】
เรื่องราวของเกมนี้เกิดขึ้นในโลกอนาคตอันใกล้เมื่อวันคืนอันสงบสุขของมนุษย์ถูกทำลายลงด้วยการปรากฏตัวของเอเลี่ยนที่เรียกว่า ‘อาร์เคียนส์’ เนื้อหาของเกมถูกบอกเล่าผ่านคัทซีนช่วงแรกเป็นระยะเวลาสั้นๆ จากการใช้ชีวิตธรรมดาไปจนถึงตอนที่หน่วยรบ Rainbow Six ได้จัดตั้งกองกำลังพิเศษเพื่อจัดการและวิจัยสิ่งมีชีวิตเหนือความเข้าใจของพวกเราให้ได้ จากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงฝึกสอนเล่น
โหมดฝึกสอนของเกมนี้อาจจะไม่ได้มีความละเอียดมากเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยก็ไม่ยากเกินไปที่คนที่ไม่ถนัดเกม Rainbow Six: Siege มาก่อนจะเข้าใจ โดยจะครอบคลุมในเรื่องขั้นตอนการทำภารกิจต่างๆ เช่นการใช้โดรนเป็นอุปกรณ์ลาดตระเวน การสแกนหรือ Ping ศัตรูให้เพื่อนร่วมทีมรู้ตำแหน่ง และการเข้าประชิดตัวของรังศัตรู ซึ่งจะเป็นสิ่งที่อยู่กระจัดกระจายตามฉากต่างๆ
มาถึงโครงสร้างเกมกันบ้างเมื่อเราจบช่วง Tutorial ปุ๊บ เกมจะแบ่งออกเป็นเมนูที่ชัดเจนเลยนั่นคือมีฉากให้เลือก 4 ฉาก แบ่งฉากย่อยเป็น 3 ฉาก โดยจะสามารถเลือกเล่นได้ทั้ง Quick Play เพื่อสุ่มหาห้องในกรณีที่เราขาดคน หรือจะเลือกฉากที่ต้องการเองและลุยเดี่ยว – ดูโอ้ก็ได้เหมือนกัน พร้อมระดับความยากทั้งหมด 4 ขั้น แต่ละขั้นก็จะเพิ่มจำนวน อาร์เคียนส์ ในชนิดต่างๆ ซึ่งอาจจะกลายพันธุ์หรือไม่กลายพันธุ์ก็ได้ และสุ่มล้วนๆ แน่นอนว่ายิ่งท้าทายยิ่งได้ XP ทวีคูณ
【เกมเพลย์】
หลลังจากที่เลือกฉากเสร็จแล้ว ผู้เล่นจะได้พบกับโอเปอเรเตอร์ต่างๆ ทั้งใหม่และหน้าเดิมจากภาค Siege ซึ่งสกิลของบางคนมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการใช้งานในเกมรูปแบบนี้มากขึ้น แต่อย่าง Sledge ก็จะยังมีค้อนไว้พังกำแพงเปิดช่องต่างๆ อยู่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของเราว่านำไปใช้แบบไหน โดยทีมของเราจะมีตัวละครทั้งหมด 3 คนเข้าไปสู่ฉากต่างๆ ที่จะมีโซนย่อยเป็นสามโซน
แต่ละโซนจะมีภารกิจที่ไม่เหมือนกันและสุ่มออกมาล้วนๆ เช่นภารกิจวางระเบิด, การวิ่งไปแอคทิเวตจุด A – C ภายในเวลาที่จำกัด หรือแม้กระทั่งล่อศัตรูให้มาที่กับดักเพื่อจับไปวิจัย สิ่งที่น่าสนใจก็คือเกมยังมีอารมณ์และบรรยากาศแบบ Rainbow Six อยู่นั่นคือการ “นั่งยองไป เดินไป” ดังนั้นใครที่คิดว่าพอเป็นแนว PvE แล้วจะบู๊แหลกแจกกระสุนก็ต้องคิดดูอีกครั้ง (นึกภาพของกันเพลย์ที่สมจริงดูว่ามันเอื้อหรือเปล่า) ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเทคนิคการเล่นแต่ละคน ตรงนี้พึงระลึกเอาไว้เสมอว่าตัวเรามี HP ที่บอบบางไม่น้อย โดนตี 4 – 5 ทีมีล้ม
ระหว่างทางเราอาจจะเจอคราบดำที่เป็นอุปสรรคหลักของการทำภารกิจเพราะมันทำให้เราเดินผ่านได้ช้าลงจนน่ารำคาญเลย ผู้เล่นจึงต้องใช้ปุ่มโจมตีระยะประชิดเพื่อทำลายมันและเปิดทาง โดยบางครั้งอาจจะเจอรังใหญ่คล้ายๆ ลูกไข่สีแดง ถ้าเราเอามีดเฉาะมันได้จะทำลายคราบนี้ด้วย กระนั้นแล้วหากเรายิงอาร์เคียนส์ตายปุ๊บ มันก็จะระเบิดเป็นคราบนี้อยู่ดี สังเกตได้ว่าเกมเอื้อความสะดวกให้ผู้เล่นสายนิ่งๆ แบบช้าๆ ได้พร้าเล่มงามมากกว่า
นอกจากนั้นแล้วเมื่อแต่ละฉากย่อยมีการแบ่งเป็นโซนออกมาเล็กๆ อีกสามโซน อาจจะมีบางครั้งที่เราหรือเพื่อนพลาดท่าเจ็บหนัก ก็จะถึงเวลาที่ทีมต้องหารือกันว่าจะไปต่อหรือถอยทัพ ซึ่งถ้าต้องการไปต่อก็จะเป็นห้องเช็คพอยต์เตรียมเข้าสู่จุดต่อไป แต่ถ้าเลือกถอยทัพทุกคนจะต้องวิ่งมีที่จุดเดียวกันทั้งหมด และรับ XP ไปตามที่หน้าจอยืนยันได้ขึ้นสรุปก่อนจบเกม ในกรณีที่เจ็บหนักครบ 2 ครั้งปุ๊บ เพื่อนจะไม่สามารถช่วยได้ ภารกิจปัจจุบันจะถูกยกเลิกและให้ทีมเราแบกเรากลับจุดถอยทัพ (มีสัญลักษณ์เป็นรูปเฮลิคอปเตอร์) ถ้าเพื่อนเราไม่สามารถแบกกลับได้ โอเปอเรเตอร์คนนั้นจะกลายเป็นสถานะ MIA หรือหายสาบสูญจนกว่าเกมจะสุ่มภารกิจมาให้เราเข้าไปช่วยพวกเขาออกมา
สัญลักษณ์สีแดงคือหายตัว ส่วนใครที่รอดมาด้วยสภาพร่อแร่จะเป็นสีส้ม ต้องรอฟื้น HP ก่อน
【หัวใจสำคัญของเกมคือการฟาร์ม ฟาร์ม ฟาร์ม】
มาถึงตอนนี้ทุกคนก็คงจะพอเข้าใจระบบการเล่นคร่าวๆ แล้วว่าเกมมันออกแบบมาให้เราฟาร์ม ฟาร์ม ฟาร์ม กันเท่านั้น โดยฟีเจอร์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก การอัปเกรดต่างๆ ล้วนอาศัยการเล่นซ้ำไปซ้ำมากันแบบล้วนๆ ทั้งเลเวลของตัวละคร และการปลดล็อคฉาก – ระดับความยาก หรือค่าเงินเพื่อนำไปปลดล็อคอาวุธใหม่ เมื่อเราแข็งแกร่งมากพอก็เลือกไปทำภารกิจในระดับความยากที่สูงขึ้น กล่าวคือมันเป็นเวอร์ชั่น Roguelite แบบกลายๆ ที่หยิบมาเล่นได้เรื่อยๆ โดยที่ฉากจะสุ่มให้ไม่น่าเบื่อเท่าไหร่
【กราฟิก และการแปลภาษาไทย】
ตัวเกมมีพื้นฐานมาจาก Rainbow Six: Siege ชัดเจนดังนั้นไม่ต้องคาดหวังว่าภาพจะสวยงามขึ้นและฉากโดยมากก็อยู่ในช่วงเย็น – กลางคืนจึงไม่ได้เห็นดีเทลอะไรมากเช่นเดียวกับเอฟเฟคของเกมมักจะเป็นเรื่องฝุ่น ควันจากศัตรูประเภทระเบิดมากกว่า ส่วนการแปลภาษาไทยอยู่ในระดับปานกลางเพราะเกมมีคัทซีนเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ก็จะเป็นพวกคำแปลในด้านคำสั่ง หรือคำแนะนำของภารกิจที่ฟังดูบางทีก็แอบรู้สึกกำกวมอยู่ไม่น้อย
【ก้าวข้าม – ไม่ผ่านพ้น】
แนะนำกันมานานก็เข้าสู่ช่วงวิจารณ์กันบ้างแล้ว เนื่องจากเกมได้เปลี่ยนจาก PvP มาสู่ PvE ดังนั้นเรื่องความยากจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้พัฒนาต้องให้ความสนใจ จุดนี้ถือว่าใช้ได้เลยเพราะแม้ว่าจะเป็นความยากระดับง่ายสุดก็หืดขึ้นคอได้หากไม่ประสานงานกันให้ดี (ดึงหัวใจการติดต่อสื่อสารกลับมาตรงนี้ 5 ดาวเลย) ทั้งนี้ทั้งนั้นความหลากหลายของภารกิจในโซนต่างๆ ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันเท่าไหร่เพราะเนื้อแท้ของมันก็คือการเคลื่อนที่ไปจุดหนึ่งยังอีกจุดหนึ่ง หรือไม่ก็ยิงกันสนั่น ป้องกันจุดระหว่างที่ศัตรูเดินหน้าเข้ามา
อีกหนึ่งสิ่งที่น่ารำคาญคือเรื่องคราบดำเพราะท้ายที่สุด ผู้เล่นจะต้องเดินๆ คลานๆ เอาปืนทุบพื้นเพื่อเปิดทางไม่ให้ตัวเองวิ่งฝ่ายางมะตอยหนืดๆ อันแสนวุ่นวาย อีกทั้งปริมาณคอนเทนต์ในเกมก็ดูจะเบาบางเหมือนให้เราเล่นซ้ำๆ เพื่อฟาร์มเลเวลตัวละคร เก็บเงินซื้ออาวุธ ปลดล็อคสกิล ที่บางสกิลก็ไม่มีประโยชน์แบบเป็นรูปธรรมสักเท่าไหร่ ที่สำคัญที่สุดการพักฟื้นของโอเปอเรเตอร์หลังบาดเจ็บใช้เวลานานมาก มองมุมหนึ่งจะคิดว่าหากเราชอบตัวไหนต้องเล่นแบบจริงจัง แต่ถ้าใครเป็นสายแคชวลที่อยากหัดเล่น Doc ไว้ลองฮีลเพื่อนจะกลายเป็นว่าอดฮีลไปเลยหลายตา
【บทสรุป】
ด้วยเหตุผลทั้งปวงนี้ไม่ได้ทำให้ Rainbow Six: Extraction เป็นเกมที่แย่ แต่เป็นศักยภาพที่น่าเสียดายที่ Ubisoft น่าจะใส่ลูกเล่นต่างๆ ได้มากมายกว่านี้ (หลังจากดีเลย์มาหลายรอบ) ณ เวลาปัจจุบันเกม แม้ว่าจะมีเพื่อนรู้ใจไว้เล่นด้วยกัน แต่ความสนุกของมันจะกลายเป็นความกร่อยในเวลาไม่กี่สัปดาห์หากความลับทุกอย่างถูกปลดล็อคได้หมด จุดนี้คงต้องรอลุ้นว่าจะมีแผนการรองรับผ่านอัปเดตอย่างไร กระนั้นแล้วด้วยการที่เกมมีการแถม Friend Pass ให้ผู้ใช้งาน และมีฐานแฟนคลับจาก Game Pass ก็มั่นใจได้เลยว่าเราคงมีความคึกคักกันไปสักระยะนึง