
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน ในยุคที่เกมอินดี้ถูกสร้างขึ้นจากความฝัน ความพยายาม และความเหงาที่ซ่อนอยู่ในใจใครบางคน ผมอยากจะขอแนะนำเกม Life of a Lonely Indie Game Developer จากผู้พัฒนา kan.kikuchi
ผลงานนี้สะท้อนชีวิตของนักพัฒนาเกมตัวเล็ก ๆ ที่ต้องต่อสู้กับทั้งโลกภายนอกและปีศาจในใจตัวเอง เกมนี้อาจไม่ใช่เกมแอคชั่นสุดมันส์ แต่กลับเต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่กระแทกหัวใจคนเล่นได้อย่างเงียบงัน ไม่ใช่เพราะความหวือหวา แต่เพราะมันจริงเกินกว่าจะมองข้าม หากคุณเคยฝัน อยากทำเกม หรือแม้แต่เคยตั้งคำถามว่า “ชีวิตเรามีความหมายแค่ไหน?” เกมนี้อาจมีคำตอบให้คุณมากกว่าที่คิดครับ ไปชมรายละเอียดกัน
เนื้อหาในบทความนี้เป็นเพียงเวอร์ชั่น DEMO อาจมีการเปลี่ยนแปลงหากตัวเต็มวางจำหน่าย
[รีวิว] Life of a Lonely Indie Game Developer
- ภาพรวมเกม
- เลือกก่อนว่าอยากสร้างเกมแบบไหน
- บริหารเวลาในแต่ละวัน เพื่อสำเร็จเป้าหมาย
- เพิ่มค่าทักษะและสเตตัสเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น
- เงินคือปัจจัยสำคัญของการอยู่รอด
- เจอกับอีเวนท์ที่คุณไม่ทันตั้งตัว
ภาพรวมเกม

Life of a Lonely Indie Game Developer คือเกมอินดี้แนวจำลองชีวิต (Life Simulation) ที่ผสมผสานระบบบริหารเวลา การพัฒนาสกิล และการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายแต่แฝงความหม่นหมองไว้ตลอดการเล่น ตัวเกมใช้กราฟิกพิกเซลแบบ 2D ที่เรียบง่ายแต่สื่ออารมณ์ได้ดี ผสมกับเพลงประกอบแนว Lo-Fi เงียบเหงา ที่ชวนให้เรารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในห้องเช่าเล็ก ๆ ระบบในเกมเปิดให้เราเลือกเส้นทางชีวิตของนักพัฒนาเกม ตั้งแต่ทำงานรับจ้าง ทำเกมของตัวเอง ฝึกฝนพัฒนาทักษะ ไปจนถึงดูแลสุขภาพและจัดการอารมณ์ ความพิเศษคือระบบอายุที่เดินหน้าไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันถอย ทำให้ทุกการตัดสินใจมีน้ำหนักและความหมาย ส่งผลให้ผู้เล่นเกิดอารมณ์ร่วมได้อย่างลึกซึ้งและสะเทือนใจโดยไม่ต้องพึ่งบทสนทนาใด ๆ เลยครับ
เลือกก่อนว่าอยากสร้างเกมแบบไหน
ในช่วงต้นของเกมนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้เล่นจะได้กำหนดเลยก็คือการกำหนดแนวเกมที่อยากจะสร้างครับ โดยทางเลือกนั้นก็จะไม่ได้มีเยอะมาก แต่ก็มากพอที่จะทำให้เราได้คิดและเลือกครับ โดยตัวเลือกของเกมนั้นก็จะมี ดังนี้

Genre มี 4 ส่วนให้เลือกคือ แนวเกม, สไตล์ภาพ, เพลง, และเนื้อเรื่อง แต่ละส่วนจะมีให้เลือก 3 แบบครับ
แนวเกม จะมี RPG, Simulation, Action
สไตล์ภาพ จะมี Pixel Art, Realistic, Anime
เพลง จะมี Chiptune, Rock, Orchestra
เนื้อเรื่อง จะมี Fantasy, Horror, Romance

พอเราเลือก Genre ทั้ง 4 ส่วนได้แล้ว ต่อไปคือการใส่ใจลงไป หรือความเป็น Originality ลงไปในแต่ละส่วน ยิ่งเราใส่เปอร์เซ็นต์ลงไปเยอะ หมายความว่าส่วนที่เราใส่ส่วนนั้นจะมีความ Unique ไม่เหมือนใครมากเท่านั้น แต่ถ้ายิ่งมีเปอร์เซ็นต์ต่ำก็หมายความว่าเกมที่เราสร้างก็จะกลายเป็นเกมดาด ๆ ที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไป และอาจส่งผลกับยอดขายในอนาคตด้วย โดยข้อดีของการเพิ่ม Originality ให้สูงคือขายได้แพง มีคนสนใจเยอะ เป็นกระแสโซเชียลได้ง่าย แต่ข้อเสียคือการใช้ทุนสูงและระยะเวลาผลิตนานขึ้นครับ

หลังจากนั้นให้เรามากำหนดขั้นตอนสุดท้ายว่า เราจะใช้ Engine อะไรในการสร้าง, Graphics ในเกมจะเป็นแบบไหน 2D หรือ 3D, ระยะเวลาที่ผู้เล่นต้องใช้เล่นเกมนี้ประมาณกี่ชั่วโมง, ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาต่อเดือนที่เราสามารถจ่ายได้ และสุดท้ายสำคัญที่สุดคือการตั้งชื่อเกม ๆ นี้ของคุณครับ โดยทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณกำหนดมาตั้งแต่ช่วงแรก จะขึ้นเป็นข้อมูลสรุปว่าเกมที่คุณต้องการจะสร้างนี้ใช้เวลาพัฒนาประมาณกี่ชั่วโมง และรวมเป็นเงินกี่เยน เพื่อให้คุณพอจะสโคปค่าใช้จ่ายและเวลาได้ด้วย
บริหารเวลาในแต่ละวัน เพื่อสำเร็จเป้าหมาย

วิธีเล่นเกมนี้ไม่ใช่การเดิน การคุย หรือการเลือกตอบคำถามกับ NPC แต่มันคือการเลือกว่าคุณจะจัดการชีวิตของคุณอย่างไร โดยใช้เวลาเป็นที่ตั้ง โดยแต่ละเทิร์นเราจะเลือกได้ว่าในระยะเวลา 1 เดือน เราควรจะเอาเวลาไปทำอะไรบ้าง แน่นอนว่าเป้าหมายคือสร้างเกมของตัวเองให้เสร็จ แต่ชีวิตประจำวันนั้นยากเกินกว่าที่คุณจะทำเกมอย่างเดียวได้ คุณต้องแบ่งเวลานอน ออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ จัดการความสะอาดภายในห้อง ออกกำลังกายรักษาสุขภาพกาย และเสพความสุขรักษาสุขภาพจิต ถ้าคุณเร่งงานเกินไปก็อาจจะทำให้คุณสุขภาพเสีย แต่ถ้าคุณหย่อนยานเกินไปก็จะทำให้คุณงานไม่เสร็จและปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมายเช่นกัน อันนี้อยู่ที่คุณจัดการเลยว่าต้องการใช้ชีวิตแบบไหน

หลังจากเรากดเล่นไป 1 เทิร์นหรือ 1 เดือน ตัวเกมจะมีสรุปข้อมูลมาให้ว่าในเดือนที่ผ่านมากับการจัดการที่เราตั้งค่าไว้ มันเพิ่มหรือลดอะไรบ้าง คุณต้องดูว่าสุขภาพจิตของคุณเป็นอย่างไร พร้อมทำงานต่อไหม พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า ไม่ได้ป่วยใช่ไหม ห้องรกหรือยัง ขวัญกำลังใจโอเคหรือเปล่า เงินเก็บเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน ควรจะเพิ่มหรือลดค่าใช้จ่ายอะไรไหม ตรงจุดนี้มันจะเหมือนชีวิตจริงมาก ๆ ครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียหรอกนะ เพราะว่าเดือนที่ผ่านไปนั้นคุณสามารถเพิ่มทักษะต่าง ๆ และเพิ่มจำนวนผู้ติดตามได้ด้วย
เพิ่มค่าทักษะและสเตตัสเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น
ในเกมนี้หากเราอยู่ในหน้า Home เราจะเห็นแถบทางซ้ายมือของจอที่เป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ นั่นคือค่าทักษะรวมถึงสเตตัสที่อยู่ด้านบนด้วย ซึ่งทุกค่าส่งผลกับเกมอย่างมาก เราไม่จำเป็นต้องเลือกพัฒนาทุกด้าน แต่ถ้ามีด้านหลักที่เราต้องการจะไปก็ดีกว่าพัฒนาฝีมือแบบมั่ว ๆ เรามาทำความรู้จักกันครับว่ามีค่าอะไรบ้าง

- Motivation – มีทั้งหมด 7 ระดับ จากหน้าบูดไปถึงหน้ายิ้ม เกี่ยวกับ Success Rate ของการทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตตามความแปรปรวน
- Energy – พลังงานในการทำงานแต่ละวัน ลดทุกครั้งที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มได้จากการให้เวลานอนเยอะขึ้น
- Health – ค่าสุขภาพ ถ้า Energy กับ Motivation อยู่ในเกณฑ์ต่ำ Health จะลดและป่วยได้ เพิ่มได้จากกการนอนและออกกำลังกาย
- Morale – ค่ากำลังใจ เพิ่มโอกาสการเจอ Event ต่าง ๆ ที่ Random มาในแต่ละเดือน เพิ่มลดตามภาพรวมการเล่นของเรา
- People – แฟนคลับของเรา ได้จากการเล่น SNS พูดคุยกับชาวเน็ต แรงอวยที่ช่วยให้เราขายเกมได้มากขึ้นในวันวางจำหน่าย
- Money – เงินที่ใช้เป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิตและพัฒนาเกม สามารถนำไปช็อปปิ้ง Item เสริมได้ และเก็บไว้เป็นทุนตอนบั้นปลายชีวิต
- Willpower – เกี่ยวกับ Success Rate ของการทำสิ่งต่าง ๆ เหมือนกับ Motivation แต่มั่นคงกว่า ไม่แปรปรวน ได้แล้วได้เลย
- Dev – สกิลด้านการพัฒนาเกม ยิ่งเยอะก็ยิ่งสร้างเกมให้เสร็จได้เร็วขึ้น เพิ่มจากการพัฒนาเกมอย่างต่อเนื่อง
- Planning – สกิลด้านการวางแผน ส่งผลกับการพัฒนา “ด้านเกมเพลย์” ของเกมที่เราสร้าง เพิ่มจากการเล่นเกม
- Art – สกิลด้านศิลปะ ส่งผลกับการพัฒนา “ด้านกราฟิก” ของเกมที่เราสร้าง เพิ่มจากการเรียนศิลปะ
- Composing – สกิลด้านการแต่งเพลง ส่งผลกับการพัฒนา “ด้านดนตรี” ของเกมที่เราสร้าง เพิ่มจากการเรียนดนตรี
- Writing – สกิลด้านงานเขียน ส่งผลกับการพัฒนา “ด้านเนื้อเรื่อง” ของเกมที่เราสร้าง เพิ่มจากการเรียนด้านงานเขียนและดูหนัง
- Programming – สกิลด้านเขียนโค้ด ส่งผลกับการพัฒนา “ด้านความเสถียร” ของเกมที่เราสร้าง เพิ่มจากการเรียนเขียนโค้ด
- Business – สกิลด้านธุรกิจ ส่งผลกับ “ยอดขาย” และ “ยอดผู้ติดตาม” ของเกมที่เราสร้าง เพิ่มจากการเล่นเกมและดูหนัง
- Completion Rate – เกมที่สร้างอยู่ ณ ตอนนี้เสร็จไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้าเต็มหลอดแสดงว่าเสร็จและพร้อมขาย
- Passion – ความอยากทำที่มีต่อเกมนี้ ถ้า Passion สูงเกมก็จะเสร็จเร็วขึ้น แต่ถ้าน้อยเกมก็จะเสร็จช้าลงหรือออกมาไม่ดี
เงินคือปัจจัยสำคัญของการอยู่รอด

แม้ว่าเกมจะเป็นเกมเน้นบริหารเวลากับความสำเร็จของการสร้างเกมก็ตาม แต่ปัจจัยแห่งชีวิตที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าต่อได้ก็คือเงิน คุณอาจมีเงินเก็บตอนเริ่มเกมอยู่เยอะพอสมควร แต่มันก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ สิ่งที่คุณต้องทำคือทำงาน หาเงิน เพื่อมารองรับค่าใช้จ่าย ซึ่งสิ่งที่คุณต้องจ่ายก็มีตั้งแต่ค่าพัฒนาเกมของคุณเอง ค่าอาหาร ค่างานอดิเรก ค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล เงินบำนาญของตัวเอง รวมไปถึงภาษีก็ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเราสามารถจัดการตรงนี้ได้เหมือนชีวิตจริง ถ้าเงินไม่พอเราอาจจะหาเงินเพิ่มหรือลดค่าใช้จ่ายที่เราตั้งไว้ได้ แต่บางอย่างมันก็ลดไม่ได้นะเพราะเป็น Fixed Costs ที่บังคับเช่นกัน

ในขณะเดียวกันเงินที่หามาได้เยอะ ๆ ก็สามารถนำไปซื้อ Item พิเศษในร้านค่าได้เพื่อช่วยเพิ่มสเตตัสต่าง ๆ เช่น ถ้าซื้อ High-end PC ก็จะทำให้พัฒนาเกมในทุกส่วนได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเพราะคอมแรง หรือซื้อเก้าอี้ทำงานดี ๆ มานั่งสักตัวจะช่วยลดการใช้พลังงานลงเพราะไม่ปวดหลัง หรือถ้าห้องมันสกปรกมากไม่อยากทำงานบ้านก็ซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาช่วย พูดง่าย ๆ คือถ้าอะไรที่เวลาเราไม่พอทำเองก็ใช้เงินแก้ปัญหาครับ เท่านั้นยังไม่พอเกมมันสมจริงขนาดว่าคุณสามารถ Subscription จ่ายเงินรายเดือนเพื่อสิ่งต่าง ๆ ออนไลน์ได้ด้วย เช่น จ่ายค่าโปรแกรมทำงานรายเดือน จ่ายค่าดูหนังรายเดือน เพื่อเพิ่มทักษะต่าง ๆ ตามที่เราต้องการครับ ถ้าเบื่อแล้วก็มาถอดซับได้ด้วย มันสมจริงสุด ๆ
เจอกับอีเวนท์ที่คุณไม่ทันตั้งตัว

คำว่าอีเวนท์ก็คือสิ่งที่คุณไม่ได้เป็นคนสร้าง มันจะโผล่มาในบางเดือน ในทุกเดือน หรือเดือนนึงอาจจะมี 2 อีเวนท์ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับค่า Morale แหละนะ แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าทุกอีเวนท์จะเป็นของดีซะทั้งหมด บางอีเวนท์อาจจะทำให้เราเงินเดือนขึ้น เจอคนดังมากด Follow ช่องเรา หรือว่าช่วยเพิ่มค่าสเตตัสต่าง ๆ ให้เราได้ หรือบางอย่างอาจจะเป็นเรื่องไม่ดีเช่น การขึ้นภาษีที่มันจะดูดเงินเรามากขึ้นทุกเดือน และบางครั้งก็เป็นอะไรกลาง ๆ ให้เราตัดสินใจเองว่าจะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าทำก็ต้องทอยเต๋าเสี่ยงโชคกันเอาเอง และการเสี่ยงโชคย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย อันนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจของผู้เล่นเองครับ
และนี่ก็คือรีวิว DEMO ของเกม Life of a Lonely Indie Game Developer อาจไม่ใช่เกมที่เล่นเพื่อความสนุกสนาน แต่เป็นเกมที่ “เล่นเพื่อรู้สึก” หากคุณกำลังมองหาอะไรที่มากกว่าแค่ความบันเทิง อยากเข้าใจหัวใจของคนที่ต้องสู้เพียงลำพังกับฝันเล็ก ๆ ในโลกใหญ่ ๆ เกมนี้คือคำตอบที่ซื่อตรงและจริงใจที่สุด โหลด DEMO มาลองด้วยตัวเองใน STEAM แล้วคุณอาจพบว่าความเหงาในใจคุณจะไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไปครับ
สามารถติดตามข่าวสารอื่น ๆ เกี่ยวกับเกมได้ที่ GamerCulture