หากพูดถึงหูฟังสำหรับการเล่นเกมแบรนด์ HyperX นับเป็นหนึ่งในผู้นำ และในครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ HyperX Cloud Core Wireless หนึ่งในหูฟังไร้สายสำหรับเกมเมอร์อีกหนึ่งรุ่นที่ มาพร้อมกับความสะดวกในการใช้งานระบบเสียงแบบ DTS:X ส่วนจะมีอะไรที่น่าสนใจกันอีกบ้างเราไปหาคำตอบกันเลย
Design
HyperX Cloud Core Wireless มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่แสนคุ้นเคยกับหูฟังในตระกูลเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากว่าเป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้งานที่สามารถรองรับการใช้งานได้สะบาย
นอกจากการออกแบบที่ยังคงไว้แล้วยังมาพร้อมกับจุดขายที่ทาง HyperX นำเสนอมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการนำที่รองรับกับส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหูหรือศีรษะด้วยการใช้งาน Memory Foam ส่งผลให้การใช้งานเป็นระยะเวลานานไม่รู้สึกปวดหรือถูกกด
เสริมแกร่งด้วยโครงทั่วหูฟังที่ใช้งานเป็นแบบอะลูมิเนียมทำให้มั่นใจได้ว่าตัวหูฟังจะทนทานและมีความเบาในตัว
สำหรับใครที่อยากใช้งานหูฟังโดยที่ไม่มีไมโครโฟนมารบกวน เราสามารถที่จะถอดออกเวลาที่ไม่ต้องการใช้งานได้ ซึ่งตัวไมโครโฟนที่ใช้งานภายในหูฟังรุ่นนี้จะเป็นแบบบูม
ในส่วนของปุ่มกดและพอร์ตสำหรับชาร์จจะอยู่ที่ด้านซ้ายทั้งหมด ประกอบไปด้วยปุ่มเปิด/ปิด ปุ่มเปิด/ปิดไมโครโฟน ตัวปรับระดับเสียงและสุดท้ายเป็นพอร์ต USB-C สำหรับการชาร์จ
ที่อาจจะดูแปลกตาไปเสียหน่อยคงหนีไม่พ้นปุ่มสำหรับเปิด/ปิดไมโครโฟน ซึ่งไม่มีไฟคอยบอกสถานะว่าเปิดใช้งานหรือปิดการใช้งานอยู่ จะมีเพียงเสียงแจ้งเตือน Beep สั้นและยาวที่บอกเวลากดปุ่มเท่านั้น
ตัวหูฟังบริเวณ earcup จะไม่สามารถพับเป็นแนวราบได้
Experience
เรื่องที่เราต้องมาพูดถึงกันคงหนีไม่พ้นการเล่นเกม ด้วยความที่ตัวหูฟัง HyperX Cloud Core Wireless มาพร้อมกับการรองรับระบบเสียงแบบ DTS:X ทำให้เวลาที่เราเข้าไปอยู่ภายในเกมรายละเอียดของเสียงที่จะได้ค่อนข้างเก็บได้ครบ อย่างเช่นการเล่นเกมจำพวก FPS การระบุแหล่งที่มาของเสียงถูกต้อง
แน่นอนว่าการที่เก็บรายละเอียดของเสียงออกมาได้ครบและทิศทางการมาของเสียงถูกต้องจะช่วยทำให้การเล่นเกมของเรา ถูกยกระดับความได้เปรียบกว่าผู้เล่นอื่นขึ้นมาเล็กน้อย เสียงอื่น ๆ อย่างเช่นเอฟเฟกต์ภายในเกมเสียงลม เสียงยิงมาครบและถูกทิศทางตามที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้การเล่นเกมแนวอื่นอย่าง Open World หรือเกมเนื้อเรื่องก็มอบประสบการณ์ที่ดีเมื่อใช้งาน ด้วยระบบเสียงที่เมื่อใส่แล้วปิดโลกภายนอกได้ ค่อนข้างที่จะทำให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศการเล่นได้มากยิ่งขึ้น
ในส่วนของไมโครโฟนถือว่าทำออกมาได้ดีเหนือกว่ารุ่นอื่น เนื่องจากตัวไมโครโฟนที่เป็นแบบบูมสามารถที่จะให้เสียงที่คมชัด อีกทั้งยังตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อีกด้วย เปิดพัดลมในระยะการใช้งานจริงพบว่าเสียงที่เข้ามาภายในไมโครโฟนไม่อยู่ในระดับที่สร้างความรำคาญให้ปลายสายที่คุยด้วยนัก
แบตเตอรี่ของหูฟังรุ่นนี้หากเราดูที่สเปคซึ่งบอกว่ามากถึง 20 ชั่วโมง จากการที่ได้ใช้งานคงต้องยอมรับว่า ทำได้ในระดับที่ใกล้เคียง ซึ่งมาตรฐานตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับที่ใช้งานได้สมกับความที่เป็นหูฟังไร้สาย ระยะเวลาชาร์จราว 3 ชั่วโมง
การรับสัญญาณเมื่อออกห่างจากตัวรับสัญญาณที่เสียบไว้กับเครื่องที่ใช้งานค่อนข้างทำได้ดี จากการทดสอบเสียบใช้งานไว้ที่ชั้น 2 ของบ้านเดินลงมาหน้าบ้านยังได้รับสัญญาณที่ไม่ได้ขาดหายไป
สิ่งที่น่าเสียดายของหูฟังรุ่นนี้คงเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อที่รองรับเฉพาะกับอุปกรณ์ที่ต้องมีพอร์ตสำหรับเสียบใช้กับตัวรับสัญญาณ USB เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนได้
Conclusion
บทสรุปของ HyperX Cloud Core Wireless ถือว่าเป็นหูฟังไร้สายสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ รายละเอียดของเสียงที่ได้ทำออกมาได้ถูกต้องแม่นยำ พร้อมระบบ DTS:X ซึ่งไม่แพ้ใคร ด้วยราคา 3,290 บาท นับเป็นหนึ่งในหูฟังสำหรับการใช้งานในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
ข้อดี
– เชื่อมต่อแบบไร้สายเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
– โครงหูฟังแบบอะลูมิเนียมทนทาน
– ไมโครโฟนสามารถถอดเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน
– คุณภาพเสียงเวลาเล่นเกมที่ทำออกมาได้ถูกต้องแม่นยำ
– แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
– สัญญาณไม่ขาดหายแม้อยู่ในพื้นที่ซึ่งห่างจากตัวรับสัญญาณพอสมควร
ข้อสังเกต
– ไม่มีไฟ RGB
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง HyperX แห่งประเทศไทยที่ได้ทำการส่ง HyperX Cloud Core Wireless มาให้เราได้ทำการทดสอบใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : [คลิก]