Guilty Gear -Strive- Nintendo Switch Edition เป็นเกมจากทาง Arc System Works ที่ได้รับการพัฒนาด้วย Unreal Engine 4 ซึ่งเป็นเกมที่พอร์ตมาจากเกม Guilty Gear -Strive- ที่วางจำหน่ายไปบนคอนโซลและพีซีไปก่อนหน้านี้
ซึ่งในภาคนี้จะนำเสนอระบบใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Wall Break’ ที่ให้ผู้เล่นทำดาเมจและคอมโบใส่ศัตรูจนฉากพังไปสู่ฉากใหม่ ๆ เกมได้รับคำชมด้านการผสมผสานกราฟิกแบบ 2D โมเดลเซลเฉด 3D โพลิกอนคุณภาพสูงและเพลงประกอบเน้นความมันส์และในวันนี้ทางทีมงานได้มีโอกาสเข้าไปมันส์กับเกมต่อสู้บนเครื่องไฮบริดเครื่องนี้กันแล้ว และเราก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
อนึ่งบทความรีวิวนี้จะมุ่งเน้นรีวิวตัวเกมเวอร์ชั่น Nintendo Switch ที่แตกต่างไปจากตัวเกมที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้เป็นหลัก ซึ่งหากใครอยากอ่านรีวิวเกมเวอร์ชั่นหลักที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน Nintendo Switch โดยหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้าหลังจากที่รีวิวนี้ได้เผยแพร่ไปแล้ว ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้
รีวิว Guilty Gear -Strive- Nintendo Switch Edition
- ความคมชัดที่แทบจะเหมือนเดิม ส่วนความมันส์มาแบบจัดเต็ม
- คอนเทนต์มัดแพ็คแบบจัดเต็ม
- สรุปรีวิว
- ภาพสกรีนช็อตเพิ่มเติม
ความคมชัดที่แทบจะเหมือนเดิม ส่วนความมันส์มาแบบจัดเต็ม
แน่นอนว่าประสิทธิภาพรวมไปถึงคุณภาพกราฟิกของเกมน่าจะเป็นประเด็นแรกที่เกมเมอร์หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน เพราะต้องยอมรับก่อนว่าเครื่อง Nintendo Switch มีดีที่การพกพา แต่ความแรงของเครื่องนั้นจะด้อยกว่าคอนโซลหลักอย่าง PlayStation หรือ Xbox อย่างชัดเจน ทำให้หลายคนกังวลว่าการเล่นเกมนี้บนเครื่องเล่นเกมไฮบริดดังกล่าวอาจจะไม่สนุกเท่ากับการเล่นเกมบนเครื่องคอนโซลหลักหรือพีซีก็ได้ อย่างไรก็ตามจากที่ผู้เขียนได้เข้าไปทดลองเล่นด้วยตัวเองก็พบว่าคุณภาพกราฟิกนั้นเรียกได้ว่าคมชัดแทบจะเหมือนเดิม ในขณะที่ประสิทธิภาพก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเรียกได้ว่ามันส์แบบจัดเต็มเช่นกัน
ในแง่ของกราฟิกนั้นต้องยอมรับก่อนว่าเราจะคาดหวังให้คมชัดบาดตาเหมือนกับเครื่องคอนโซลหลักคงเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามกราฟฟิกภายในเกมนี้ก็ไม่ได้ถูกดาวน์เกรดจนแตกระแหงไม่น่ามองแต่อย่างใด โดยรวมแล้วการเล่นบนจอใหญ่นั้นกราฟิกก็ถือว่าคมชัดในระดับที่น่าพึงพอใจ แม้ว่าเราจะได้เห็นรอยขอบหยักที่ชัดเจนไปบ้างในบางฉาก แต่ก็ถือว่าเข้าใจได้และไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันสิ่งที่ผู้เขียนค่อนข้างประทับใจก็คือ กราฟิกในการเล่นบนจอแบบพกพานั้นดูคมชัดละมุนตาดูดีกว่าที่คิดไว้พอสมควรเลยทีเดียว (อาจจะใช้วิธีการทำขอบเบลอเพื่อลดความหยักของขอบภาพต่าง ๆ) ทำให้ผู้เขียนค่อนข้างกล้าการันตีว่าเกมนี้ยังคงสวยงามเหมือนเดิม แม้ว่าจะลดทอนความคมชัดลงไปเล็กน้อยก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ประเด็นต่อมาก็คือประสิทธิภาพในการเล่นเกมนี้ที่ผู้เขียนกล้ายกโป้ง 2 นิ้วให้กับทีมพัมนาเกมที่พอร์ตเกมนี้มาลง Nintendo Switch ได้ลื่นไหลสวยงามเป็นอย่างมาก โดยตลอดการเล่นเกมของผู้เขียนไม่พบกับปัญหาเฟรมเรตดรอปจนหงุดหงิด รวมไปถึงไม่พบกับปัญหาเกมกระตุกแต่อย่างใดทำให้การเล่นเกมนี้มอบประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจและมันส์อย่างที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตามในแง่ของความร้อนของเครื่องนั้นอาจจะร้อนไปสักหน่อยเนื่องจากว่าเอฟเฟกต์ของเกมค่อนข้างจัดเต็มพอสมควร ฉะนั้นหากเล่นไประยะหนึ่งก็ควรพักเครื่องบ้างคงจะดีกว่าครับ
คอนเทนต์มัดแพ็คแบบจัดเต็ม
สำหรับคอนเทนต์ที่ถูกใส่เข้ามาให้ผู้เล่นได้เล่นกันก็เรียกได้ว่ามาแบบอิ่มจุใจเลยก็คือ มีตั้งแต่ตัวละครที่มาแบบจัดเต็มทั้ง 3 ซีซั่น ทำให้เกมเวอร์ชั่นนี้มีตัวละครให้ผู้เล่นได้เลือกเล่นรวมกันทั้งสิ้น 28 ตัวเลยทีเดียว ฉะนั้นหากใครที่ยังไม่มีเกมเวอร์ชั่นที่มี DLC หรือใครก็ตามที่ยังไม่เคยได้ซื้อเกมนี้มาเล่นแล้วอยากจะลองเล่นดู บอกได้เลยว่าเกมเวอร์ชั่นนี้คุ้มค่าคุ้มราคาแบบสุด ๆ เพราะตัวละครแต่ละตัวที่มีให้เล่นก็มาพร้อมกับท่วงท่าการโจมตีที่แตกต่างกันออกไปรวมไปถึงเอฟเฟกต์ก็อลังการสะใจไม่แพ้กันเลย ซึ่งหากใครเป็นแฟนเกมต่อสู้ผู้เขียนขอบอกไว้ว่าไม่ควรพลาดเกมเวอร์ชั่นนี้เป็นอย่างยิ่งครับ
นอกจากนี้ตัวเกมยังมาพร้อมกับโหมดเนื้อเรื่องแบบจัดเต็มที่ผู้เล่นจะได้สัมผัสเรื่องราวสุดเข้มข้นกว่า 6 ชั่วโมงของ Guilty Gear -Strive- ที่ดำเนินต่อจากการเดินทางของ Sol Badguy และที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือเกมนี้มาพร้อมกับเนื้อเรื่อง Another Story ที่ผู้เล่นจะได้ดื่มด่ำไปกับฉากคัทซีนเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหลังเนื้อเรื่องหลักแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งหากใครเป็นเกมเมอร์สายติดตามเนื้อเรื่องล่ะก็บอกได้เลยว่าโดนใจแน่นอน
สรุปรีวิว
Guilty Gear -Strive- Nintendo Switch Edition ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมมัดแพ็คที่คุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับคนที่ยังไม่มี DLC หรืออยากจะนำเกมนี้ไปเล่นที่ไหนก็ได้ ด้วยกราฟิกของเกมที่ไม่ได้ถูกลดทอนเยอะจนเกินไป รวมไปถึงประสิทธิภาพของเกมที่ยังมันส์เหมือนกับเล่นบนคอนโซลหลักและพีซีก็ทำให้เกมนี้น่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรระวังคือความร้อนในการเล่นแบบพกพา รวมไปถึงผู้เขียนขอแนะนำให้ซื้อจอยแยกดี ๆ มาสักอัน เพราะจอยคอนที่มากับเครื่องเล่นใช้เล่นค่อนข้างยากและกลัวจะบอบบางเกินไปกับเกมที่ต้องควงจอยเพื่อใช้ท่าต่าง ๆ
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
จุดเด่น
- กราฟิกที่ยังคงสวยงาม เล่นได้อย่างลื่นไหล
- คอนเทนต์มาแบบจัดเต็มสะใจ
- ราคาถูกกว่าซื้อเกมหลัก แล้วไปซื้อ DLC เพิ่มเอง
ข้อสังเกต
- ควรใช้จอยแยกในการเล่น
- ความร้อนของเครื่องที่อาจจะทำให้เล่นต่อเนื่องนาน ๆ ในแบบพกพาไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]
สามารถติดตามข่าวสารอื่น ๆ เกี่ยวกับเกมได้ที่ gamerculture.co
