ตัวอย่างใหม่ Stranger Things 5 Vol.1 พาเรากลับสู่ Upside Down แบบไม่เหลือที่ให้หายใจ

Netflix จุดระเบิดความฮือฮาอีกครั้งด้วยการปล่อยตัวอย่างเต็มของ Stranger Things 5 Vol.1 ที่มาพร้อมโทนเข้มข้นสมเป็นบทสรุปของมหากาพย์ไซไฟฮอว์กินส์

ในตัวอย่างใหม่ที่พาเรากลับสู่ Upside Down ครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะทุกเฟรมอัดแน่นไปด้วยการต่อสู้ ข้อมูลลับ และบรรยากาศเตรียมรบแบบที่แฟนๆ ไม่ได้เห็นมาก่อน

ตัวอย่างเริ่มต้นด้วยประโยคของ ไมค์ วีลเลอร์ ที่ทำเอาขนลุกทันที “We have a plan. It’s a bit insane.” ซึ่งเป็นสัญญาณว่าครั้งนี้ไม่มีแผนปลอดภัย ทุกอย่างคือเดิมพันชีวิต และทุกคนต้องเข้าสู่สนามรบที่ไม่เคยแตะมาก่อน

ฮอว์กินส์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ตัวอย่างเผยภาพเมืองฮอว์กินส์ที่ถูกทำลายจนแทบจำไม่ได้ รอยแยก (Rifts) เปิดกว้างทั่วเมือง กองทัพเข้าควบคุมพื้นที่ และเงาของพลังบางอย่างที่ดูอันตรายหนักกว่าเดิมปกคลุมทุกซีน เห็นได้ชัดว่าซีซันนี้เน้นโทนสเกลใหญ่ บีบอารมณ์ และพาเข้าสู่สถานการณ์ “ยิ่งกว่าจุดแตกหัก”

แก๊งเด็กฮอว์กินส์กลับมาครบทีม ทั้ง Eleven, Mike, Will, Dustin, Lucas รวมถึงตัวละครสำคัญอื่นๆ ส่วน Duffer Brothers ยังคงนั่งแท่นควบคุมทิศทางเรื่องเหมือนเดิม ทำให้บรรยากาศความเป็น Stranger Things ดั้งเดิมยังครบ แต่ถูกอัปเกรดให้เข้มขึ้นและเดิมพันสูงกว่าเดิมหลายเท่า

Vol.1 เปิดฉากด้วย 4 ตอนเน้นๆ

ตามข้อมูลที่เผยออกมา Volume 1 จะประกอบด้วยสี่ตอน ได้แก่

• The Crawl ความยาว 68 นาที
• The Vanishing of ____ ความลับที่ยังไม่ได้เปิดเผย (54 นาที)
• The Turnbow Trap ตอนกับดักที่น่าจะมีจุดหักมุมใหญ่ (66 นาที)
• Sorcerer ความยาวร่วมชั่วโมงกว่า 83 นาที

ทั้งหมดนี้คือการปูทางสู่ Finale ความยาวสองชั่วโมง ที่จะฉายพร้อมกันในสหรัฐฯ และแคนาดาในคืนส่งท้ายปี ซึ่งชัดเจนว่าซีซันนี้ตั้งใจจะปิดฉากอย่างอลังการสมศักดิ์ศรีหนึ่งในซีรีส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Netflix

พร้อมหรือยังสำหรับบทสรุปจากอีกฝั่งของความมืด

Stranger Things 5 Vol.1 คือการเริ่มต้นของจุดจบ ทุกอย่างตั้งแต่ความสัมพันธ์ ตัวละคร ไปจนถึงความลับของ Upside Down จะถูกดึงขึ้นมาเผชิญหน้าอย่างไม่มีทางหลบ ตัวอย่างใหม่ตอกย้ำว่า ซีซันนี้คือสนามรบสุดท้ายที่ทุกคนต้องเลือกว่าจะ “กลับบ้าน” หรือถูกกลืนหายไปในความมืด

ถ้าใครติดตามมาตั้งแต่ซีซันแรก นี่คือช่วงเวลาที่ต้องห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด เพราะ Stranger Things กำลังจะปิดตำนานด้วยความเข้มข้นสูงที่สุดเท่าที่ซีรีส์เคยมีมา

ติดตามข่าวสารภาพยนตร์อื่น ๆ ได้ที่ GamerCulture