5 ภาพยนตร์จากเกมที่ ‘พัง’ จนลืมไปเลยว่าเคยมีอยู่
Wing Commander , Dynasty Warrior , Like a Dragon

โดยปกติแล้วการสร้างภาพยนตร์จากเกมมีเป้าหมายหลักก็คือ การดึงดูดฐานแฟนเกมให้มาเป็นหนึ่งในลูกค้าหลักของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่ผ่านมาเรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า “คำสาปของหนังจากเกม” เพราะว่าภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเกมนั้นส่วนใหญ่มักจะไปไม่รอด และมักจะโดนก่นด่าเละเทะอยู่เสมอ ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับ 5 ภาพยนตร์จากเกมที่ ‘พัง’ จนลืมไปเลยว่าเคยมีอยู่
Dynasty Warriors

ภาพยนตร์จากเกมชื่อดังที่ใช้ชื่อเดียวกันของ Omega Force ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2021 โดยเกม Dynasty Warriors เรียกได้ว่าเป็นเกมมุโซสุดมันส์ที่จะเปิดโอกาสให้เราได้สวมบทบาทเป็นตัวละครจากสามก๊กออกตะลุยกองทัพแบบ 1 ต่อ 1,000 พร้อมเอฟเฟกต์และท่วงท่าของการต่อสู้สุดอลังการ อย่างไรก็ตาม Dynasty Warriors 9 กลายเป็นเกมที่สร้างชื่อได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทำให้ตอนนี้เกมดังกล่าวได้หยุดการพัฒนาไปชั่วคราว ในส่วนของภาพยนตร์ก็ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีว่า “มันส์” แต่ในขณะเดียวกันหลายคนก็บอกว่าฉากต่อสู้แบบ 1 ต่อ 100 นั้นดูตลกเกินไปในหลาย ๆ ครั้ง อีกทั้งเอฟเฟกต์ยังดูประหลาดตา รวมไปถึงเนื้อหาที่ค่อนข้าง “เบะปาก” เพราะมันจับต้นชนปลายไม่ได้เลย เหมือนมาแค่ขายฉากบู๊เท่านั้นเอง
Double Dragon

ยุค 80 และ 90 ในวงการเกมได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากเกมประเภท Side-Scrolling Beat ‘Em Up และเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเกมหนึ่งก็คือ Double Dragon ซึ่งเป็นเกมที่พัฒนาโดย Technō Japan ในปี 1987 จนกระทั่งเกมนี้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 1994 ที่เราจะได้เห็นโลกหลังล่มสลาย และการออกผจญภัยของผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ 2 คน ซึ่งภาพยนตร์นี้ก็ได้รับคำชมเรื่องความคลาสสิค แต่โดยรวมแล้วทุกคนก็ให้ความเห็นตรงกันว่า การแสดงแย่มาก , บทพูดเห่ยเกินไป รวมไปถึงภาพรวมแล้วดูเป็นภาพยนตร์ต้นทุนต่ำทำออกมาได้ไม่สมกับเกมชื่อดังเลย
Wing Commander

การดัดแปลงจากแฟรนไชส์เกมต่อสู้ในอวกาศในปี 1990 นี้ลงทุนใช้ผู้กำกับคนเดียวกับผู้สร้างเกมเลยทีเดียว แต่สุดท้ายภาพยนตร์นี้ก็กลายเป็นหายนะที่ไม่มีใครอยากพูดถึงเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่ไม่ปะติดปะต่อเอาเสียเลย รวมไปถึงแนวคิดในการสร้างที่โบราณแบบสุด ๆ ทำให้ภาพยนตร์นี้มีดีแค่ชื่อที่เหมือนกับเกมชื่อดัง แต่สุดท้ายภาพยนตร์ก็แป๊กแบบไม่เป็นท่า
Like a Dragon

แฟรนไชส์ Yakuza ได้ผู้กำกับที่สมบูรณ์แบบสำหรับการดัดแปลงภาพยนตร์เรื่องแรก เปิดตัวเพียงสองปีหลังจากเกมต้นฉบับ Takashi Miike นำเสนอเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบไม่มากไม่น้อย น่าเสียดายที่ภาพยนตร์นี้กลับไม่ได้ถูกนำเสนอได้ทันท่วงที โดยภาพยนตร์นี้วางจำหน่ายแบบ DVD ในญี่ปุ่นในปี 2007 จากนั้นอีก 3 ปีจึงจะมีเวอร์ชั่นซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษมาให้ชมกัน ทำให้กระแสของภาพยนตร์นี้หายไปอย่างน่าเสียดายจนคนนอกญี่ปุ่นหลายคนอาจไม่เคยทราบเลยด้วยซ้ำว่า “มันเคยมีภาพยนตร์นี้ด้วย”
Resident Evil (เวอร์ชั่น Netflix)

ภาพยนตร์ Resident Evil เวอร์ชั่น Netflix เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่หลายคนรอคอย เพราะทุกคนคาดหวังภาพยนตร์เวอร์ชั่นนี้จะพาหนังจากเกมชื่อดังนี้กลับมาอยู่ในร่องในรอยหลังจากที่ Paul W. S. Anderson พาออกทะเลไปไกลมาก ซึ่งสุดท้ายทุกคนก็พร้อมใจกันย้อนกลับมาบ้านเก่า เพราะ Resident Evil เวอร์ชั่น Netflix ได้พังพินาศมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องที่แสนจะห่วยแตก รวมไปถึงการพยายามยัดเยียดเรื่องสีผิวเข้ามาด้วยการเปลี่ยนเชื้อชาติของ Albert Wesker รวมไปถึงเหตุการณ์ในซีรีส์ที่ฉีกแนวจากเกมไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้หลายคนมองว่าทีมงานไม่ได้ให้ความเคารพบทจากเกมเลยแม้แต่น้อย
ทั้งหมดนี้ก็คือ 5 ภาพยนตร์จากเกมที่ ‘พัง’ จนลืมไปเลยว่าเคยมีอยู่ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้มีแค่นี้แน่นอนครับ ผู้อ่านคนใดนึกถึงภาพยนตร์เรื่องไหนออกอีก อย่าลืมมาคอมเมนต์พูดคุยกันนะครับ