นับตั้งแต่การวางจำหน่ายครั้งแรกของ Nintendo Switch จะว่าไปแล้วเครื่องเล่นรุ่นปกติเองก็มีการปรับโฉมเพียงแค่ครั้งเดียวนั่นคือในปี 2019 หรือราวๆ 2 ปีหลังวางจำหน่าย โดยมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของชิปประมวลผลที่ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่จะมีผลชัดเจนในส่วนแบตเตอรี่กันแทนมากกว่า ซึ่งการปรับโฉมครั้งดังกล่าวยังมาพร้อมกับลายปกกล่องแบบใหม่ด้วย
อย่างไรก็ตามล่าสุดดูเหมือนจะมีการปรับโฉมใหม่กันอีกครั้ง แต่อาจจะไม่ได้เป็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ยิ่งใหญ่นัก ซึ่ง Nikkei สำนักข่าวของญี่ปุ่นได้เปิดเผยว่า Nintendo มีแผนจะลดขนาดกล่องเครื่องเล่นเกม Nintendo Switch ลง 20% โดยเชื่อว่าจะช่วยให้การขนส่งเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น และผลที่ตามมาก็คือยอดส่งออกของเครื่องเล่นก็จะเพิ่มพูนตามไปนั่นเอง
ความน่าสนใจก็คือรายงานนี้ปรากฏขึ้นหลังจาก Sony ได้หยุดรายงานยอดขายของ PlayStation 4 ที่เป็นคู่แข่งโดยตรง ของ Nintendo Switch ที่วิ่งผ่านจุดเช็คพอยต์หลักร้อยล้านด้วยกันไปแล้ว ดังนั้นผู้ที่รับไม้ต่อในการทำลายสถิติยอดขายคอนโซลคนใหม่ก็เหลือเพียง Switch ที่ดูเหมือนว่าจะยังมีเวลาให้ไต่เต้ากันอีกยาวๆ อย่างไรก็ตามเมื่อตอนนี้ Nintendo ตั้งเป้าจะเพิ่มยอดให้ได้มากที่สุด และเครื่องเล่นยังเหลือเวลาวางขายอีกค่อนข้างนานแบบนี้ ในส่วนของ Switch Pro ก็คงจะไม่ได้เห็นในปี 2022 ตามที่หลายคนคาดกัน เพราะ Nintendo ก็คงจะอยากโฟกัสกับภารกิจหลักมากกว่า
อีกด้านหนึ่ง Nintendo Switch วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2017 โดยเป็นเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่มาพร้อมกับจอขนาด 6.2 นิ้ว และจอยเกมที่สามารถถอดออก ตัวเครื่องชูโรงด้วยการเป็นเครื่องเล่นแนว Hybrid ซึ่งสามารถต่อภาพเข้าจอโทรทัศน์ด้วยความละเอียดสูงสุดที่ 1080p หรือจะนำออกไปเล่นนอกบ้านด้วยแบตเตอรี่การใช้งานสูงสุด 9 ชั่วโมงก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายรุ่น Nintendo Switch Lite สำหรับผู้ที่เล่นเกมในรูปแบบพกพาเป็นหลักเช่นกัน
