เจาะข้อมูล Chocobo หนึ่งในมาสคอตตลอดกาลจาก Final Fantasy
Chocobo มีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วทำไมถึงกลายเป็นตัวละครยอดนิยม
ถ้าให้พูดถึงมาสคอตประจำซีรีส์เกม Final Fantasy แล้ว นับได้ว่ามีหลากหลายตัวละครเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น โมกุริ ซาโบเทนด้า ทอนเบรี่ และหนึ่งในตัวละครที่ถูกจดจำมากที่สุดในนั้น นั่นก็คือ ‘โจโคโบะ’ ครับ วันนี้เราจะมาเจาะข้อมูลเกี่ยวกับเจ้ามาสคอตตัวนี้กันครับว่ามีที่มาอย่างไร แล้วทำไมถึงได้กลายมาเป็นตัวละครมาสคอตยอดนิยมอย่างที่เราได้เห็นกันในปัจจุบันนี้
ขอเกริ่นนำกันก่อนสำหรับคนที่อาจจะสงสัยว่า ‘โจโคโบะ’ นั้นคืออะไร? ‘โจโคโบะ’ เป็นสัตว์ประเภทนกรูปร่างขนาดใหญ่ ซึ่งในโลกแห่ง Final Fantasy นั้น หลัก ๆ ถ้าให้เทียบกับโลกของเราแล้วก็จะมีหน้าที่เหมือน ‘ม้า’ ให้กับมนุษย์ครับ โดยมนุษย์ก็จะใช้โจโคโบะในการขี่เป็นพาหนะเดินทาง ใช้สำหรับลากเกวียนขนสัมภาระ รวมถึงใช้ลากเป็นรถม้าสำหรับการโดยสารเป็นกลุ่มด้วยครับ ซึ่งตั้งแต่โจโคโบะได้มีการปรากฏตัวครั้งแรกในเกม Final Fantasy ภาค 2 ก็มักจะได้ปรากฏตัวในภาคหลังจากนั้นทุกภาคเลยทีเดียว
ข้อมูลทั่วไป
โดยทั่วไปแล้วภายในเกม Final Fantasy โจโคโบะจะปรากฏตัวออกมาให้เห็นเป็นนกตัวสีเหลือง ส่วนของเท้าจะมีอยู่สามนิ้ว มีปีกขนาดใหญ่และคอยาว ซึ่งโจโคโบะนั้นเป็นสัตว์ที่ฉลาดและเข้าใจภาษาของมนุษย์ แถมขึ้นชื่อเรื่องความเร็วในการเดินเท้าด้วย หลังจากนั้นในเกมภาคต่อ ๆ มา โจโคโบะจะถูกออกแบบให้ตัวสีเหลืองนั้นเป็นพันธุ์ธรรมดาทั่วไป และเพิ่มพันธุ์อื่น ๆ ของโจโคโบะโดยใช้สีที่แตกต่างกันเป็นตัวบ่งชี้ แม้ว่าโจโคโบะตัวสีเหลืองนั้นจะไม่สามารถบินได้ แต่ในสายพันธุ์ที่แข็งแรงกว่าก็จะสามารถว่ายน้ำได้ ปีนขึ้นภูเขาได้ และรวมไปถึงบินได้ด้วย เช่น สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว สีดำ และโจโคโบะสีทองซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นโจโคโบะที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย
ในเกมแต่ละภาคก็จะมีโจโคโบะสีต่าง ๆ ปรากฏตัวให้เห็นแตกต่างกันออกไป ผู้ปกครองของเหล่าโจโคโบะนั้นคือ ‘เดบุโจโคโบะ’ (Fat Chocobo) โจโคโบะที่มีลักษณะรูปร่างตัวใหญ่ซึ่งสามารถพูดภาษามนุษย์ได้และยังมีพลังเวทมนตร์ในตัวอีกด้วย
ใน Dissidia Final Fantasy Museum ระบุไว้ว่าโจโคโบะวัยผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีสามารถวิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 20 ไมล์ต่อชั่วโมง เนื่องจากความเร็วดังกล่าวนั้นจึงทำให้ในเกมบางภาคมีการพูดถึงการขับขี่โจโคโบะอย่างปลอดภัย หรือจะต้องมีใบอนุญาตจึงจะสามารถทำการขับขี่โจโคโบะได้ สำหรับอาหารที่เหมาะสมของโจโคโบะนั้นก็คือผักใบเขียว (Greens) ซึ่งก็จะมีหลากหลายพันธุ์ที่สามารถนำมาให้โจโคโบะกินได้ แต่ที่สามารถพบได้เยอะมากที่สุดจนแทบเป็นอาหารสามัญนั่นก็คือ ‘กีซาห์ลกรีน’ (Gysahl Greens) โจโคโบะเพศผู้มักจะได้รับการเลี้ยงไว้สำหรับการใช้งานต่าง ๆ โดยเฉพาะการวิ่งเดินทาง ส่วนเพศเมียนั้นไม่ค่อยนิยมนำมาใช้ในการขับขี่เท่าไหร่ และบางครั้งผู้คนก็มักจะใช้โจโคโบะในการขี่แข่งขันประลองความเร็วกัน
บทบาทภายในเกม
Final Fantasy แทบทุกภาคนั้น โจโคโบะจะถูกใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง เมื่อผู้เล่นขึ้นขี่โจโคโบะ ปาร์ตี้ของผู้เล่นจะสามารถเดินทางได้รวดเร็วกว่าการเดินเท้า และสามารถหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวของศัตรูแบบสุ่มในแผนที่ได้ เราสามารถพบกับโจโคโบะในแต่ละภาคได้แตกต่างกันออกไป เช่น จับในป่าโจโคโบะ สามารถเช่าได้ที่คอกเลี้ยงโจโคโบะ หรือการค้นหาโดยมีเงื่อนไขอย่างการใส่มาเทเรีย Chocobo Lure ใน Final Fantasy VII
ในบางภาคเราก็อาจจะเห็นนักรบที่ขี่อยู่บนหลังโจโคโบะ ซึ่งผู้คนเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า ‘อัศวินโจโคโบะ’ หรืออย่างเช่นในดินแดน ‘อิวาลิซ’ (Ivalice) โจโคโบะก็จะใส่ชุดหุ้มเกราะเหมือนกับม้าศึกเพื่อไว้ใช้ในการเดินทางรวมถึงต่อสู้ด้วย แต่ก็ใช่ว่าบทบาทของโจโคโบะจะถูกตั้งให้เป็นแค่พาหนะสำหรับเดินทางอย่างเดียว อย่างเช่นในภาค III โจโคโบะจะเป็นหนึ่งในมนต์อสูรขั้นพื้นฐาน ในภาค VII เราก็จะได้เห็นโจโคโบะในการแข่งขันความเร็ว (เหมือนการพนันแข่งม้า) ในภาค IX โจโคโบะสามารถขุดหาสมบัติให้กับผู้เล่นได้ หรืออย่างในภาค Tactics เราก็สามารถบังคับโจโคโบะเข้าร่วมในการต่อสู้ได้เหมือนกับตัวละครทั่วไป
การปรากฏตัวของโจโคโบะในแต่ละภาค
คราวนี้เรามาลองดูบทบาทของโจโคโบะที่ปรากฏตัวในเกม Final Fantasy แต่ละภาคกันนะครับ โดยจะขอยกตัวอย่างมาเพียงส่วนหนึ่งให้ได้อ่านกันครับ
Final Fantasy
ในภาคแรกของ Final Fantasy แบบดั้งเดิมนั้นจะยังไม่มีการปรากฏตัวของโจโคโบะครับ แต่ในเวอร์ชั่น Pixel Remaster จะปรากฏตัวออกมาให้เห็นเป็นอนิเมชั่นเมื่อโดนเวทมนตร์ Confuse ของ Black Magic เข้าไป และในปราสาทโคเนเลียจะมีรูปปั้นบางรูปที่มีลักษณะเหมือนกับโจโคโบะวางไว้ครับ อย่างเช่น ในห้องบัลลังก์ (โดยรูปปั้นจะปรากฏให้เห็นตั้งแต่เวอร์ชั่นของเครื่อง WonderSwan เป็นต้นไป)
Final Fantasy II
เป็นภาคแรกที่มีโจโคโบะปรากฏตัวออกมาให้เห็น ผู้เล่นสามารถเจอโจโคโบะได้ที่ป่าโจโคโบะทางใต้ของ Kashuan และทางเหนือของ Palamecia เมื่อผู้เล่นกดคุยกับโจโคโบะแล้วจะสามารถขี่โจโคโบะเดินทางภายในฉากแผนที่ได้ครับ
Final Fantasy III
สำหรับภาค III ผู้เล่นก็ยังคงสามารถขี่โจโคโบะได้เช่นเดิม เพิ่มเติมคือโจโคโบะนั้นจะเป็นมนต์อสูรสำหรับอาชีพ Evoker และ Summoner โดยจะเป็นเวทมนตร์เลเวล 1 Escape สำหรับใช้หลบหนีจากศัตรูครับ และเดบุโจโคโบะก็ได้ปรากฏตัวออกมาในเกมนี้เป็นภาคแรก โดยเราจะสามารถเรียกเดบุโจโคโบะออกมาได้โดยใช้ไอเทม Gysahl Greens ในจุดที่กำหนดไว้ เพื่อเรียกเดบุโจโคโบะออกมาเป็นคลังเก็บของให้เราได้ครับ (จุดที่มีกลิ่นของโจโคโบะ)
Final Fantasy IV
ภาค IV เราสามารถเจอโจโคโบะได้ในป่าโจโคโบะที่ตั้งกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งในภาคนี้เราจะได้เห็นโจโคโบะสีอื่น ๆ นอกจากตัวสีเหลืองอีกด้วย ได้แก่ ตัวสีขาวที่สามารถฟื้นฟู MP ของทั้งปาร์ตี้ได้ และตัวสีดำที่สามารถบินบนฟ้าได้ ซึ่งโจโคโบะสีดำจะสามารถทำการลงจอดได้แค่เฉพาะในป่าเท่านั้น นอกจากนี้โจโคโบะยังเป็นมนต์อสูรที่สามารถอันเชิญออกมาได้ด้วยตัวละคร ‘รีเดีย’ (Rydia) กับท่าโจมตี ‘ลูกเตะโจโคโบะ’ (Chocobo Kick) ที่เป็นการโจมตีแบบไร้ธาตุ
Final Fantasy V
ในภาค V เราจะได้เห็นโจโคโบะเป็นส่วนหนึ่งในเนื้อเรื่องการเดินทางของตัวเอก ‘บัทซ์’ (Bartz) โดยโจโคโบะตัวนี้มีชื่อว่า ‘โบโกะ’ (Boko) ซึ่งมีเรื่องราวของโจโคโบะกับตัวเอกอย่างบัทซ์ภายในเกมให้ผู้เล่นได้ติดตามกันด้วย นับว่าเป็นการใส่บทบาทให้กับโจโคโบะได้เข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น มากกว่าการที่เป็นเพียงพาหนะที่เราแวะไปใช้งานได้เฉย ๆ
Final Fantasy VI
ภาคนี้ผู้เล่นจะสามารถเช่าโจโคโบะได้จากคอกโจโคโบะตามเมืองต่าง ๆ ซึ่งจะมีคอกบางแห่งที่ซ่อนอยู่ตามป่าทั่วโลก ส่วนตัวละครในภาคอย่าง Setzer ก็จะมีท่า Slot ที่เรียกว่า ‘Chocobo Stampede’ (ในเวอร์ชั่นเก่าจะเรียกว่า Chocobop) ซึ่งเป็นท่าเรียกโจโคโบะเข้าสู่การต่อสู้ นอกจากนี้ตัวละคร Strago และ Relm จะสามารถใส่อุปกรณ์ที่มีชื่อว่า ‘Chocobo Suit’ ได้ และ Relm ก็ยังสามารถใช้อาวุธที่เรียกว่า ‘Chocobo Brush’ ได้อีกด้วย
Final Fantasy VII
สำหรับภาค VII นั้น อย่างที่ทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นการพัฒนาเกมตระกูล Final Fantasy ให้ดีขึ้นมากแบบก้าวกระโดด ซึ่งในส่วนของโจโคโบะเองก็มีระบบหลากหลายเข้ามาให้ใช้งานเพิ่มขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยง การเพาะพันธุ์ การแข่งขันโจโคโบะ ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าโจโคโบะนั้นเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการเล่นเกมภาคนี้อย่างหนึ่งเลยครับ
การแข่งขันโจโคโบะเพื่อรับรางวัลหายากมากมาย
นอกจากนี้โจโคโบะยังเป็นมนต์อสูรที่สามารถเรียกมาได้โดยการติดตั้งมาเทเรีย Choco/Mog โดยเวลาใช้งานจะมีท่าโจมตีอยู่ 2 ท่า คือ Deathblow!! เป็นการเรียกโจโคโบะและโมกุริออกมาพุ่งชน (การโจมตีธาตุลม) และ Fat-Chocobo เป็นการอันเชิญเดบุโจโคโบะลงมาหล่นทับศัตรู และส่วนอื่น ๆ ภายในเกม เราจะยังสามารถเห็นโจโคโบะได้อีกในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น มาสคอตใน Gold Saucer หรือท่าโจมตีของมาเทเรีย Enemy Skill ท่า Chocobuckle
การโจมตีของ Choco/Mog ท่า Deathblow!!
Final Fantasy VIII
โจโคโบะในภาคนี้สามารถพบได้ทั่วไปในป่าโจโคโบะ เราสามารถจับเพื่อนำมาขี่เดินทางได้เหมือนกับพื้นฐานของภาคก่อน ๆ ครับ แต่วิธีการจับจะมีการเปลี่ยนแปลงต่างจากภาคก่อน ๆ อยู่ โดยมีแนวคิดให้โจโคโบะตัวน้อยช่วยเราในการจับโจโคโบะในป่า ซึ่งจะมีอุปกรณ์ในการช่วยค้นหาและช่วยเหลืออย่าง ChocoSonar และ ChocoZiner มาให้ผู้เล่นได้ใช้งาน ผู้เล่นจะต้องทำการแก้ปริศนาภายในป่าเพื่อให้สามารถค้นหาและจับโจโคโบะได้
นอกจากนี้ยังมีโจโคโบะตัวจิ๋ว ‘โบโกะ’ (Boco) ที่ผู้เล่นจะได้รับมาเมื่อทำการแก้ไขปริศนาและจับโจโคโบะครั้งแรกได้สำเร็จ โดยสิ่งที่พิเศษของโบโกะในภาคนี้ก็คือผู้เล่นสามารถนำโบโกะไปผจญภัยใน Chocobo World ที่เป็นมินิเกมของเครื่อง Pocket Station ได้นั่นเอง และยังมีรูปของ Chicobo และ Chubby Chocobo ที่เป็นการ์ดในมินิเกม Triple Triad ให้ผู้เล่นได้สะสมกันด้วย
Final Fantasy IX
โจโคโบะที่มีชื่อว่า ‘โจโค’ (Choco) เป็นโจโคโบะที่เราสามารถขี่ในฉากแผนที่ได้ และสามารถพบได้ที่ป่าโจโคโบะบนทวีปหมอก หลังจากเราได้เจอกับ Choco ครั้งแรกแล้ว เราจะสามารถเรียกเขาได้ทุกที่ที่มีรอยเท้าโจโคโบะด้วยไอเทม Gysahl Greens และสามารถทำภารกิจขุดหาสมบัติที่ถูกฝังไว้ได้ด้วย นอกจากนี้ Choco ยังสามารถเรียนรู้ความสามารถใหม่ได้ด้วยการขุดหาสมบัติพิเศษที่ซ่อนไว้ในโลก ซึ่งจะทำให้ Choco สามารถเข้าไปยังดินแดนแห่งความฝันของโจโคโบะได้ และที่นั่นเดบุโจโคโบะจะมอบความสามารถใหม่ให้ทุกครั้งที่ Choco เข้าไปเยือน
รู้หรือไม่?
แรกเริ่มเดิมทีโจโคโบะไม่ได้มีรูปร่างอย่างที่เราได้เห็นกันแบบในปัจจุบันครับ ในการออกแบบโจโคโบะครั้งแรกนั้นได้คุณโยชิทากะ อามาโนะ เป็นคนออกแบบให้ ซึ่งโจโคโบะก็จะมีรูปร่างอย่างที่เราได้เห็นในภาพข้างบนนี้ โดยเป็นนกแบบที่ไม่มีขน จะงอยปากยาวและมีหัวแหลม ซึ่งแน่นอนว่าการออกแบบโจโคโบะตัวนี้ถูกปัดตกไป และได้คุณโคอิจิ อิชชิ มาเป็นผู้ออกแบบให้ใหม่แทน โดยการออกแบบโจโคโบะตัวใหม่นั้น คุณโคอิจิก็ได้รับแรงบันดาลใจจากอนิเมชั่นเรื่อง Nausicaä of the Valley of the Wind และ Kyorochan (เคียวโระจังเป็นมาสคอตของโมรินากะช็อกโกแลตหรือที่รู้จักกันในชื่อขนมยี่ห้อช็อกโกบอลด้วยนะ) ทำให้เกิดเป็นโจโคโบะแบบที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน ส่วนชื่อ ‘โจโคโบะ’ นั้น ทางคุณฮิโรมิจิ ทานากะ ที่เป็นโปรดิวเซอร์ เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าคุณโคอิจิได้ตั้งชื่อนี้ให้เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากการเรียกชื่อขนมช็อกโกแลตบอลของคนญี่ปุ่นนั่นเอง
ขนมช็อกโกบอลที่เป็นแรงบันดาลใจและนำมาตั้งชื่อเป็น ‘โจโคโบะ’ ในที่สุด
ได้มีเกมที่ตัวเองเป็นตัวเอก!
หลังจากที่โจโคโบะได้เป็นที่รู้จักกันดีในโลกของ Final Fantasy แล้ว ในยุคที่เครื่อง PlayStation เฟื่องฟู โจโคโบะก็ได้มีเกมเป็นของตัวเองอีกหลายเกม ซึ่งก็ถูกปรับเปลี่ยนรูปร่างให้ดูน่ารักขึ้นด้วยการออกแบบในรูปแบบ SD และได้มีการออกเกมที่มีโจโคโบะเป็นตัวเอกมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน อาทิเช่น Chocobo Racing ที่เกมเมอร์ชาวไทยรู้จักกันดี Chocobo’s Dungeon 2 หรือ Dice de Chocobo เป็นต้น
ด้วยความน่ารักสู่การเป็นมาสคอตยอดนิยม
นอกจากจะเป็นตัวละครที่ผู้คนรู้จักใน Final Fantasy แล้ว ได้รับความนิยมในเกมแยกที่เป็นซีรีส์ของตัวเองแล้ว กระแสความน่ารักของโจโคโบะยังถูกสร้างออกมาเป็นสินค้าอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตุ๊กตา แก้ว เสื้อยืด ถุงผ้า บอร์ดเกม และอื่น ๆ ซึ่งก็เป็นสินค้าขายดีไม่ต่างไปจากตัวละครยอดนิยมอย่างตัวเอกใน Final Fantasy ภาคต่าง ๆ เลยครับ
จากตัวละครทั่วไปที่เป็นส่วนหนึ่งประกอบในเกม ได้พัฒนากลายมาเป็นมาสคอตสุดฮิตของเหล่าเกมเมอร์ที่สามารถจดจำได้ง่าย ๆ ว่าคือ ‘โจโคโบะ’ งานนี้ต้องชื่นชมเหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องและทีมงานทั้งหลายที่ไม่ทิ้งตัวละครตัวนี้ และได้ให้ความสำคัญกับการปั้นตัวละครจนกลายมาเป็นมาสคอตยอดนิยมจริง ๆ ครับ เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับ Final Fantasy เลยล่ะ หากขาดเจ้าโจโคโบะไปแล้วคงทำให้เกมตระกูลนี้ขาดสีสันไปเยอะเลย ในอนาคตผมเองก็อยากเห็นเกมสนุก ๆ ที่มีโจโคโบะเป็นตัวเอกอีกเยอะ ๆ เลยล่ะครับ