ถ้าสมมุติว่าเกมๆ นึงเราใช้เวลาเล่นทั้งหมด 50 ชั่วโมง ใน 8-10 ชั่วโมง แรกคือการเล่นเกมให้จบตามเนื้อเรื่องหลัก แต่อีก 40 ชั่วโมงที่เหลือคือ การทำให้เคลียร์เกมได้ 100% จะเห็นได้ว่าสัดส่วนของเวลาจะอยู่ประมาณ 20 ต่อ 80 ซึ่ง 20 คือเวลาที่เราใช้เล่นจบเกม เสพเนื้อเรื่อง ส่วน 80 คือเวลาที่เราใช้เล่นเกมให้เคลียร์ 100% นี่เป็นเพียงสัดส่วนคร่าวๆ โดยประมาณเท่านั้น
หลายๆ คนที่เล่นเกมแนว RPG จะเข้าใจสิ่งนี้เป็นอย่างดีว่าการเล่นเกมให้จบก็แค่การเดินเป็นเส้นตรง ความยากอาจจะมีบ้างเป็นอรรถรสระหว่างทาง แต่สิ่งที่ลำบากจริงๆ คือการเป็นผู้พิชิตเกมนี้อย่างแท้จริง นั่นคือคุณจะมีทุกอย่างในครอบครองเท่าที่เกมจะให้ได้ ไอเทมทุกชิ้น อาวุธทุกอย่าง ล่าบอสครบทุกตัว ไปในทุกที่ที่เกมจะให้ไปได้ รวมถึงการได้ล่วงรู้ปริศนาลับที่เกมซุกซ่อนไว้อีกด้วย สิ่งเหล่านี้คือความสนุกของการได้สำรวจ และสมัยก่อนมันจะเป็นอะไรที่ภูมิใจมากๆ ถ้าเกิดเราสามารถยืดอกไปพูดอวดกับเพื่อนได้ว่า “ตรงนี้มีบอสลับนะรู้ยัง” , “อาวุธสุดยอดของตัวละครนี้เคยได้ยัง” หรือ “รู้ไหมว่าตรงนี้มีห้องลับอยู่ด้วย” มันเป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่เราจะได้รู้อะไรมากกว่าเพื่อนๆ ในช่วงเวลานั้น แถมเกมในช่วงนั้นก็ยังออกแบบมาให้มีความลับเหล่านี้เยอะซะด้วย จนกลายเป็นเรื่องถกเถียงระหว่างผู้เล่นว่าการหาความลับพวกนี้เจอได้จะเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ
แต่สิ่งเหล่านี้มันก็ทำให้เกิดแนวคิดขึ้นมา 2 แนวทาง คือ
1. เคลียร์ได้ 100% คือเก่ง คือเจ๋ง เป็นเกมเมอร์ตัวจริง
2. จะซีเรียสอะไรขนาดนั้น เล่นจบรู้เนื้อเรื่องก็พอแล้วหรือเปล่า
แถมทั้งสองแนวคิดนี้ก็ยังมีการฉะแนวความคิดกันอยู่ตลอดว่าใครถูกใครผิด ถึงแม้จะไม่ได้เป็นดราม่าใหญ่โตในวงการเกม แต่ในระดับเพื่อนฝูงคนรอบตัวก็ยังมีเรื่องนี้โผล่แว่บๆ เข้าหูมาอยู่เรื่อยๆ เพื่อนๆ คิดว่ามันควรเป็นแบบนั้นจริงหรอ ?
ตามหลักเหตุผลแล้วประเด็นเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่ความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ทั้งในเรื่องของเวลาว่าง, ความชอบส่วนตัว, ความอดทน อะไรแบบนี้มากกว่า ซึ่งมันเกี่ยวกับความพอใจส่วนตัวล้วนๆ (ในกรณีที่ไม่แคร์คำพูดคนอื่นนะ) แต่ถ้าคุณแคร์ขึ้นมาว่าคนจะพูดใส่คุณยังไง อันนี้ก็อยู่ที่ตัวเองแล้วว่าจะชั่งน้ำหนักเรื่องนี้ยังไง จะยอมสละเวลาเพื่อพิสูจน์ตัวเองไหม หรือจะเล่นเท่าที่พอใจส่วนใครจะพูดอะไรก็เรื่องของเขาก็ได้
“ฝีมือ” มักจะไม่ค่อยเกี่ยวกับการเล่นเกมให้เคลีย 100% เพราะส่วนใหญ่จะเคลียร์ได้ 100% หรือไม่มันอยู่ที่ “รู้” หรือ “ไม่รู้” เท่านั้นเอง จริงอยู่ว่าฝีมืออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของการเอาชนะบอสหรือทำให้เราผ่านสถานการณ์ยากๆ ในเกมมาได้ แต่ประเด็นสำคัญของการทำให้เคลียร์เกมได้ 100% ก็ยังอยู่ที่เรื่องของ “การให้เวลา” กับเกมนี้มากกว่าอยู่ดี ดังนั้นการที่เล่นเกมแค่เอาจบเนื้อเรื่องไม่ได้แปลว่าเล่นเกมไม่เก่งอย่างแน่นอนครับ
ในเมื่อเวลาคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เกมเคลียร์ทั้งหมด แต่ชีวิตประจำวันมันไม่ได้สะดวกแบบนั้น เราจะเห็นได้ชัดว่าทุกวันนี้มีเกมเมอร์หลายคนที่มีเงินซื้อเกมมากพอ แต่สุดท้ายก็ดองยาวๆ เพราะไม่มีเวลาเล่น บางเกมก็เป็นฮาร์ดคอเกมที่ต้องอาศัยฝีมือและต้องทำความเข้าใจในการเล่น จนบางทีผู้เล่นที่ไม่มีเวลาก็จำเป็นที่จะต้องหาเกมที่ดูแคสชวลมาเล่นแทนเพราะขี้เกียจมาเรียนรู้ใหม่ทุกครั้งที่ซื้อเกมมา แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาเล่นเกมไม่เก่งเช่นกัน
แต่ถ้าหากมีเวลาเล่นมากพอ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เราจะใส่ใจและให้เวลาอยู่กับเกมที่เราชอบนานๆ มันรู้สึกดีแน่ๆ เวลาที่เรามีข้อมูลหรือมีความรู้ในเกมที่เรารักมากกว่าคนอื่นๆ มันเป็นการแสดงความเป็น Specialist อย่างหนึ่ง เล่นเกมนี้เคลียได้ 100% รู้ไส้รู้พุงเกมนี้หมดแล้ว ถ่ายคลิปลงยูทูป, เขียนบทความออนไลน์, เผยแพร่และนำเสนอสิ่งที่ตัวเองรู้ผ่านสื่อต่างๆ เผลอๆ สามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่ตัวเองรักได้อีกด้วย อันนี้การันตีได้เลยว่าดูดีแน่นอน
ดังนั้น ไม่ว่าจะเล่นเกมแค่เอาจบ หรือ เล่นเกมเอา 100% ก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ถ้าชอบและมีเวลาก็จัดไปเลยเต็มที่ รู้อะไรเพิ่มก็อย่าลืมแบ่งปันคนอื่นด้วย หรือถ้าไม่มีเวลาเล่น ก็เลือกเล่นเท่าที่ไหว เท่าที่พอใจ ตามความสะดวกของแต่ละคน โดยที่ไม่ต้องมาใช้วาจาถากถางกันเรื่องความเป็นตัวจริงหรือเปล่า เรื่องหมางใจกันก็อาจจะลดลงได้ และสังคมเล่นเกมรอบตัวเราก็น่าจะโอเคขึ้นอย่างแน่นอนครับ
ผู้เขียน : TF_MakinoJou