ประวัติการสร้างเกม “โครโน่ทริกเกอร์” สุดยอดเกมภาษาในตำนาน
โครโน่ทริกเกอร์ เกมที่เกมเมอร์หลายๆคนประทับใจ
ถ้าการรวมตัวกันของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่เป็นทีมอเวนเจอร์จากค่ายมาร์เวลคือที่สุดของวงการภาพยนตร์ เกม Chrono Trigger ก็เปรียบได้กับทีมอเวนเจอร์ของวงเกมญี่ปุ่นในช่วงยุค 90 ที่กลายเป็นเกมในตำนานของความเป็นที่สุดในทุกด้าน จนได้รับการยกย่องให้เป็นเกม RPG ที่ดีที่สุดตลอดกาลเกมหนึ่งของโลก
Chrono Trigger (クロノ・トリガー) เป็นเกมภาษา RPG (Role-Playing Game) ที่พัฒนาและจัดจำหน่ายโดยบริษัทสแควร์ (Square) สำหรับเครื่องซุปเปอร์แฟมิคอมของนินเทนโดในปี 1995 ต่อมาได้นำมาจำหน่ายเพิ่มในเครื่องเกมรุ่นใหม่มากมาย รวมถึงบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน
ตัวเกมได้รับเสียงตอบรับจากบรรดาเกมเมอร์อย่างดีเยี่ยม ได้รับคะแนนรีวิวสูงลิบลิ่วจากบรรดาสื่อเกมทุกแขนง ประสบความสำเร็จสร้างยอดขายถล่มทลายในญี่ปุ่นมากกว่า 2 ล้านตลับ กลายเป็นเกมพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์วงเกมญี่ปุ่น ด้วยพล๊อตเรื่องแปลกใหม่ ฉากจบหลากหลายแบบ มีเนื้อเรื่องสุดสนุก ระบบต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และภาพกราฟฟิคสวยงาม
เมื่อเหล่าเทพโคจรมาพบกัน
ย้อนกลับไปในปี 1992 ฮิโรโนบุ ซาคากุชิ ผู้ให้กำเนิดสร้างเกมไฟนอลแฟนตาซี ยูจิ โฮริ ผู้สร้างเกมดราก้อนเควสท์ และอากิระ โทริยามะ ผู้วาดการ์ตูนดราก้อนบอล ได้โคจรมาพบกันและออกเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อทำการค้นคว้าหาไอเดียพัฒนากราฟฟิคเกมที่สามารถสร้างสิ่งใหม่แบบที่ไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อนในยุคนั้น
หลังจากพัฒนาเกมใหม่ด้วยความลำบากยากเย็นใช้เวลาผ่านไปกว่า 1 ปี วันหนึ่งก็ได้รับโทรศัพท์จาก คาซาฮิโกะ อาโอคิ หนึ่งในทีมออกแบบเกมโทรนัดมาประชุมงานกัน ทั้งสี่คนหารือระดมสมองขุดคุ้ยไอเดียกันยาวนานถึงสี่วัน จนได้ข้อสรุปแนวทางเกมแบบใหม่ในที่สุด
บริษัทสแควร์เห็นว่าโครงการเกมใหม่นี้จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่จึงได้ระดมทีมงานนักพัฒนาเกมกว่า 60 ชีวิต ซึ่งครึ่งหนึ่งโอนย้ายมาจากทีมสร้างเกมไฟนอลแฟนตาซี 6 เกมเริ่มพัฒนาอย่างจริงจังในปี 1993
มีหนึ่งในทีมงานเสนอให้เกมเน้นไปที่รูปแบบการเดินทางข้ามกาลเวลาไปมา ซึ่งหัวหน้าทีมดูแลเนื้อเรื่อง มาซาโตะ คาโต้ และ ยูจิ โฮริ ได้รับแนวความคิดของเนื้อเรื่องนี้ไปทำงานเขียนบทเกมกันต่อจนออกเสร็จสิ้น หากใครที่มีโอกาสได้เล่นเกมนี้ดูจะพบว่าเนื้อเรื่องมีความสนุกเข้มข้น ชวนติดตาม และซับซ้อนซ่อนเงื่อนชนิดที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
เริ่มแรกทางบริษัทสแควร์เสนอให้ใช้รูปแบบเกมแฟรนไชน์ ไซเคน เด็นเซ็นซึ (Secret of Mana) เป็นต้นแบบเกมและใช้ชื่อเกมว่า “เกาะวงกลม” (Maru Island) จนในที่สุดก็ได้ชื่อเกมสุดท้ายว่า “โครโน่ ทริกเกอร์” (Chrono Trigger)
ตอนนั้นยังได้ โนบุโอะ อุเอะมาซึ ผู้ประพันธ์เพลงประกอบเกมฝีมือฉมังจากบริษัทเอนิกซ์มาช่วยทำเพลงให้กับเกม Chrono Trigger อีกด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นเกมที่รวมเอาตัวพ่อแห่งวงการเกมในยุคนั้นมารวมตัวกันไว้มากที่สุดครั้งหนึ่ง
เบื้องหลังการพัฒนาเกมที่เต็มไปด้วยทีมงานหัวกะทิของวงการในตอนนั้น บวกกับพลังความคิดสร้างสรร ผสมกับแรงผลักดันจากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างเกมที่สนุกที่สุดขึ้นมา จึงทำให้ในที่สุดเกม Chrono Trigger สำเร็จออกมาจนได้
รูปแบบเกมที่สร้างมาตรฐานใหม่
Chrono Trigger จะเป็นเกมภาษาที่ใช้ระบบแบบรอคำสั่งตามลำดับเทิร์น (Turn-Based RPG) ที่ให้ผู้เล่นได้เลือกใช้การโจมตีด้วยอาวุธเวทมนตร์ ท่าไม้ตาย ไอเทม ผ่านเกจเวลา ATB โดยแต่ละตัวละครจะมีความสามารถแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตัวละครแต่ละตัวจะสามารถใช้อาวุธ เช่น ดาบ ธนู และเวทมนตร์ เช่น น้ำ ลม ไฟ ได้แตกต่างกัน ซึ่งศัตรู มอนสเตอร์ บอสที่ผู้เล่นต้องเจอจะต้องเลือกใช้อาวุธ เวทมนตร์แตกต่างกันในการจัดการให้เหมาะสม ทำให้ผู้เล่นต้องเลือกตัวละครเข้าทีมต่อสู้แบบ 3 คน เพื่อต่อกรกับมอนสเตอร์ในแต่ละจุดให้ถูกต้องถึงจะผ่านไปได้สำเร็จ แถมตัวละครแต่ละตัวยังมีอาวุธเทพเฉพาะอีกด้วย
ระบบการต่อสู้ยังได้ริเริ่มนำรูปแบบประสานการโจมตีของตัวละครเข้ามาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถเลือกประสานคอมโบท่าไม้ตายกันได้ตั้งแต่ 2-3 ตัวละคร ซึ่งแต่ละท่าคอมโบอาจต้องใช้ตัวละครเฉพาะแตกต่างกัน โดยจะใช้ค่ามานาในการร่ายค่อนข้างสูง แต่แลกมาด้วยพลังโจมตีรุนแรง
เกมจะตัดเข้าฉากต่อสู้ทันทีเมื่อเจอกับมอนสเตอร์ ต่างกับเกมภาษาอื่นในยุคนั้นที่จะตัดเข้าฉากต่อสู้ เมื่อออกนอกเมืองจะกลายเป็นแผนที่ของแต่ละเมืองตามช่วงเวลาเนื้อเรื่องที่ผู้เล่นเจอ โดยตัวละครจะเป็นตัวเล็กๆวิ่งไปตามจุดต่างๆของแผ่นที่ ดันเจี้ยนจะมีรูปแบบคล้ายเกมไฟนอลแฟนตาซีค่อนข้างมาก เพราะทีมงานส่วนใหญ่ยกมาจากทีมไฟนอลนั่นเอง
สถานที่ในเกมจะถูกแบ่งออกตามยุคสมัยและเวลา โดยอาศัยการย้อนเวลากลับไปกลับมา เพื่อแก้ไขอดีต ปรับอนาคต อันมีผลต่อปัจจุบัน ผู้เล่นจะได้สัมผัสความแปลกใหม่ของเกมที่ไม่เคยมีเกมใดสามารถวางรูปแบบได้ซับซ้อนและมีรายละเอียดได้มากเช่นนี้
การออกแบบเกมอันโดดเด่น
สิ่งที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการเกมในยุคนั้นคือการออกแบบตัวละครที่แปลกแตกต่างกันสุดขั้วไปเลย เช่น พระเอกเป็นนักดาบซามูไร หุ่นยนต์ที่ถูกทิ้งร้างไว้ องครักษ์กบต้องสาป ราชาปิศาจ เจ้าหญิงจอมแก่น
ตัวละครที่ออกแบบได้สวยงามลงตัวเป็นฝีมือของสุดยอดนักวาดการ์ตูน อากิระ โทริยามะ ที่ฝากผลงานการ์ตูนมังงะระดับโลกอย่าง อาราเล่ ดราก้อนบอล ด้วยลายเส้นที่หนักแน่น สวยงาม มีชุดตัวละครที่เรียบง่ายแต่โดดเด่น จำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
ฉากแผนที่และเมืองของโลกแต่ละยุคที่ออกแบบอย่างปราณีต พิถีพิถัน ทำการค้นคว้า เก็บตกทุกรายละเอียด ทำให้ผู้เล่นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฉากในแต่ละช่วงเวลา ได้อรรถรสครบถ้วน
หน้าตาของเมนูการต่อสู้ที่เน้นความโปร่งโล่ง มองง่ายสบายตา เน้นที่ตัวละคร มอนสเตอร์ เอฟเฟ็กท่าไม้ตาย รวมไปถึงตัวละครเสริม (NPC) ที่แฝงมุขตลกขำขัน มีเรื่องราว บทพูดและท่าทางที่ตั้งใจทำมาอย่างยอดเยี่ยม
เนื้อเรื่องสุดสนุกชวนติดตาม
ค.ศ.1000 โครโน่ได้บังเอิญพบกับมาร์ลในงานประเพณีประจำเมือง ทั้งสองได้พากันไปชมการแสดงผลงานวิทยาศาสตร์เครื่องย้ายมวลสารของลุคก้า เพื่อนสนิทวัยเด็กของโครโน่ ระหว่างการสาธิตนั้น เครื่องได้เกิดทำงานผิดพลาด ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างมิติ ดูดโครโน่และมาร์ลเข้าไป
เมื่อฟื้นจากอาการสลบหมดสติ โครโน่พบว่าตนเองมาอยู่ในดินแดนพิศวงแปลกประหลาด เมื่อออกสำรวจจนทั่วจึงได้พบว่าเขาได้หลงมาในอดีตปี ค.ศ. 600 โครโน่จึงออกตามหามาร์ลและพบว่าในอดีตกาลนั้น มาร์ลคือเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรโบราณ ซึ่งต่อมาได้ถูกลักพาตัวไป ลุคก้าที่พบวิธีย้อนข้ามเวลามา จึงได้ช่วยโครโน่ออกช่วยเหลือมาร์ล เมื่อพวกเขาพยายามค้นหาความจริง จึงได้พบว่ากำลังพบกับจุดจบของชะตากรรมชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ยูจิ โฮริ หัวหน้าทีมดูแลด้านเนื้อเรื่องของเกมนั้นถือว่าเป็นติ่ง แฟนตัวยงของนวนิยายแนวย้อนเวลา จึงได้คิดโครงเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนออกมาได้อย่างมาก และกำหนดการบรรจบแต่ละช่วงเวลาของยุคสมัย ประกอบเข้ากับตัวละครอย่างลงตัว หลังจากนั้นจึงส่งไอเดียให้ทางอาจารย์โทริยามะออกแบบตัวละคร มอนสเตอร์ บอสอีกต่อ
เมื่อเขียนโครงเรื่องคร่าวๆทั้งหมดแล้ว โฮริ จึงได้มอบหมายให้ทีมงานไปใส่รายละเอียดต่างๆต่อจนครบถ้วน ซึ่งทั้งหมดได้รับคอมเม้นท์คำแนะนำจากซาคากุชิในการปรับให้เกิดความลงตัวต่อภาพรวมของเกมทั้งหมด
เนื้อเรื่องที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกเข้มข้นน่าติดตามนี้ กว่าจะออกมาเป็นเกม Chrono Trigger ได้ทีมงานต้องประชุมกันบ่อย ถกเถียงมีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยในบางช่วงบางตอน จนสุดท้ายแล้วเนื้อเรื่องที่ผู้เล่นได้เสพไปคือบทสรุปของความพยายามในการพัฒนาบททุกส่วนให้ออกมาลงตัว ได้ครบทุกอรรถรสในเกมเดียว
เมื่อตำนานยังคงดำเนินต่อ
เพื่อสานต่อความสำเร็จของเกมภาคแรก ปี 1999 บริษัทสแคร์ซอร์ฟ จึงออกเกมภาคต่อในชื่อ “โครโน่ ครอส” (クロノ・クロス) วางจำหน่ายบนเครื่องเพลย์สเตชั่นรุ่นแรกโดยภาพกราฟฟิคพัฒนาเป็น 3 มิติทั้งหมด โดยมีคุณ มาซาโตะ คาโต้ รับหน้าที่เขียนเนื้อเรื่องเกมและควบคุมการพัฒนาเกมทั้งหมด
โครโน่ครอสยังคงยึดมั่นแนวทางของเกมภาษาเทิร์นเบสที่เน้นระบบเกมแปลกใหม่ ได้มีการนำเอาระบบธาตุมาผสมกันเป็นเวทมนตร์ ระบบเกจสตามิน่าหรือแถบความอ่อนล้าเมื่อใช้ท่าสกิลต่างๆ ภาคนี้ยังประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันกับภาคแรกได้คะแนนรีวิวเต็มไปจากหลายสื่อเกม ทำยอดขายไปได้กว่า 1.5 ล้านแผ่น
ถึงแม้จะไม่มีภาคต่อของเกมออกมาแล้ว แต่สำหรับเกมเมอร์ที่เคยได้มีโอกาสสัมผัสเกมนี้ต่างประทับใจในระบบเกม ความสนุก เนื้อเรื่องเข้มข้น ภาพอันสวยงาม ที่แม้จะล่วงเลยมานานกว่า 30 ปีแล้วก็ตาม เกมตระกูลโครโน่ยังคงเป็นหนึ่งเกมในดวงใจที่จะย้อนกลับไปเล่นซ้ำกี่ครั้งก็ยังสนุกเช่นเดิม
ปัจจุบัน เกมโครโน่ทริกเกอร์สามารถหาเล่นได้บนเครื่องคอนโซลซื้อแบบดิจิตอล หรือหาซื้อได้บนมือถือสมาร์ทโฟนทั้ง iOS และ Andoird หากใครที่ยังไม่เคยได้ลองเล่นเกมนี้ เราอยากให้คุณได้ลองร่วมเดินทางตะลุยกาลเวลา ผจญภัยไปกับเหล่าผู้กล้า ร่วมค้นหาอาวุธในตำนาน ไอเทมวิเศษ เพื่อปกป้องพิทักษ์โลกจากความชั่วร้ายผ่านการย้อนเวลา
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงและภาพจาก
https://chrono.fandom.com/wiki/Chrono_Trigger
https://i.pinimg.com/