เป็นประเด็นที่น่าพูดถึงมาก ๆ ที่มีการพูดถึง Final Fantasy XVI ที่ไม่เป็นแนว Turn-based เนื่องจากว่ากระแสในสังคมเกมในปัจจุบันนั้นไม่ค่อยนิยมเกมแนวนี้สักเท่าไหร่ เลยทำให้เกม Final Fantasy XVI กลายเป็นแนว Action แทน แต่เนื่องจากว่ามันคือเกมต้นแบบของ Turn-based ระดับตำนาน เลยถูกนำประเด็นไปพูดถึงในวงกว้าง พอเราได้ยินแบบนั้นก็แอบรู้สึกว่าเราเองก็ยังรักเกมแนว Turn-based อยู่ไม่น้อยเลยนะ และเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านก็มีความรู้สึกแบบนี้ไม่ต่างกัน ก็เลยอยากจะขอเขียนถึงเหตุผลที่ทำให้คุณรักเกมแนว Turn-based ขึ้นมาครับ
1. ส่วนใหญ่เกมแนว Turn-based มักจะเนื้อเรื่องดี
แม้ว่าในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าเกมใหม่ ๆ ระดับ AAA ทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะมีเนื้อเรื่องดีอยู่แล้ว ไม่งั้นเกมเขาก็คงไม่ดังจริงไหมครับ แต่ด้วยความที่เราเติบโตมากับเกมแนว Turn-based ก็มักจะเปรียบเทียบกับเกมยุคเดียวกัน ในช่วงเวลานั้นเกมแนว Turn-based มักจะเป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องดี มีทั้งความตื่นเต้น ซึ้ง เศร้า โกรธ รวบไปถึงธีมเกมที่เข้าใกล้คำว่า “แฟนตาซี” มากที่สุดแนวหนึ่งเท่าที่ระบบเกมในยุคนั้น ๆ จะมอบให้กับผู้เล่นได้ มันทำให้ผู้เล่นเกมแนว Turn-based ถูกฝังรากลึกลงไปกลางใจแล้วว่า ถ้าเล่นเกมแนว Turn-based ส่วนใหญ่จะเนื้อเรื่องดีและถูกอกถูกใจสายแฟนตาซีครับ
2. ใช้ความคิดมากกว่าสัญชาตญาณ
ถ้าพูดถึงเกมแนว Turn-based จุดเด่นที่มักจะมาคู่กันเลยเกมเพลย์ที่เน้นการใช้ความคิดมากกว่าการใช้สัญชาตญาณหรือการจดจำของกล้ามเนื้อ เพราะเกมเพลย์ของ Turn-based มักจะไม่เร็วหรือหวือหวาเท่าเกมแนว Action อื่น ๆ ที่จะต้องชิงไหวชิงพริบกันวินาทีต่อวินาที แต่ Turn-based ไม่ใช่แบบนั้น เราจะต้องคิดวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์การเล่นให้ดี และถ้าพลาดคุณอาจแพ้ได้ด้วยมอนสเตอร์ข้างทางแบบไม่รู้ตัว การคำนวณสเตตัส ตัวเลขดาเมจ วิเคราะห์อุปกรณ์สวมใส่ เลือกสกิลที่ใช้อย่างเหมาะสม และตัดสินใจภายใต้เวลาที่จำกัด ทุกอย่างจะสอนให้คุณเป็นคนรอบคอบและตัดสินใจภายใต้แรงกดดันได้ดีครับ
3. ตัดปัญหาเรื่อง Motion Sickness
Motion Sickness คือปัญหาที่เกมเมอร์หลายคนอาจจะพบเจอกับตัวเองหรือไม่ก็คนรอบข้างไม่มากก็น้อย ส่วนใหญ่มักจะพบกับเกมแนว FPS หรือเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งเป็นแนวเกมที่ได้รับความนิยมระดับโลกในปัจจุบัน คนที่มีปัญหาเรื่อง Motion Sickness มักจะเล่นเกมที่หันมุมกล้องเร็ว ๆ ไม่ได้เนื่องจากจะเกิดการเวียนหัว เลยมักจะมองหาเกมที่มุมกล้องไม่เร็วและไม่มีการสั่นหน้าจอ ซึ่งเกมแนว Turn-based ที่มีรูปแบบเกมเพลย์ที่ค่อนข้างช้า ให้เสพเนื้อเรื่องกับบรรยากาศรอบข้าง ดังนั้น มันจึงตัดปัญหาเรื่อง Motion Sickness ออกไปได้เลยครับ
4. สเปคเครื่องมีผลกับเกมเพลย์ไม่มาก
หากพูดถึงเรื่องเกม PC นั้น สเปคเครื่องจะเป็นเรื่องแรก ๆ ที่เกมเมอร์อย่างเรามองหา เพราะถ้าสเปคเครื่องของเราไม่แรงพอ ก็อาจจะทำให้รับประสบการณ์จากเกมนั้น ๆ ได้ไม่ดีพอ ยิ่งถ้าเป็นเกมที่วัดการแพ้ชนะกันเฟรมต่อเฟรมหรือคิดเป็นวินาที การที่สเปคเครื่องช้าหรือเฟรมเรทตกแม้แต่นิดเดียวก็อาจทำให้ผลแพ้ชนะเปลี่ยนได้เลย แต่สำหรับเกมแนว Turn-based ส่วนใหญ่มักจะไม่ต้องไปกังวลถึงเรื่องนั้น เพราะเกมส่วนใหญ่ไม่ได้พึ่งพาสเปคเครื่องในการเล่นขนาดนั้น ต่อให้เฟรมเรทไม่มากแต่เกมเพลย์ของมันก็ยังรอเราได้ภายการออกคำสั่ง ถ้าเราเป็นคนที่สเปคเครื่องที่บ้านไม่ค่อยแรง หรือมีโน้ตบุ๊คทำงานทั่วไป เกม Turn-based เลยมักจะเป็นเพื่อนแก้เหงาคุณได้ครับ
5. ปริศนามากมายในโลกกว้าง
เกม Turn-based มักจะมาพร้อมเนื้อเรื่องสุด Fantasy และถ้าเนื้อเรื่องเป็นแบบนั้นก็มักจะมาพร้อมกับปริศนาต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น บอสลับ สมบัติลับ ดันเจี้ยนลับ เนื้อเรื่องลับ หรือไอเทมที่มีจำกัดในเกม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แม้จะไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักหรือการจบเกม แต่มันก็คือกลิ่นอายของการผจญภัยที่นักสำรวจอย่างเรามักจะชอบอกชอบใจกันเสมอ มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากถ้าเราพบทางลับแล้วเพื่อนไม่รู้ หรือถือครองอาวุธระดับสุดยอดแต่คนที่เล่นเกมเดียวกันกลับไม่มีใช้ มันคือประเด็นที่จะใช้อวดเพื่อนได้เป็นอย่างดี นอกจากการเล่นจะสนุกแล้วยังเสริมสร้างความสัมพันธ์ของคุณกับเพื่อนได้อีกด้วยครับ
6. จัดทีมเล่นได้หลายตัวพร้อมกัน
หากเราเล่นเกมแนวเนื้อเรื่องที่เป็นแนว Action ส่วนมากเรามักจะเล่นได้ทีละตัวหรือสองตัว แต่การควบคุมหลักก็ยังเป็นตัวเดียวและใช้วิธีเปลี่ยนตัวเอาในแง่ของการช่วยสนับสนุน แต่เกม Turn-based ส่วนใหญ่จะสามารถจัดทีมได้ ถ้าตัวละครหลักมีอยู่ 7-8 ตัว เราสามารถจัดลงทีมได้ 3-5 ตัวแล้วแต่เกม หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ มันทำให้เราออกแบบทีมที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะอิงตามอาชีพของตัวละคร สกิล สเตตัส ของใส่ หรือแม้จะจัดทีมตามการอวยของเราก็ทำได้เช่นกันครับ
7. เข้ากันได้ดีกับกราฟิกแบบ Pixel Art
หากพูดถึงเกมอินดี้หรือเกมที่มีกราฟิกแบบ Pixel Art สมัยก่อนเราก็มักจะนึกถึงเกมแนว Turn-based มาเป็นอันดับแรก แม้ในปัจจุบันจะมีเกมที่ใช้กราฟิกแบบ Pixel Art โผล่ออกมาหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น Action, Puzzle, Survival, Rogue Like และอื่น ๆ ที่แล้วแต่ผู้พัฒนาจะสร้างสรรค์ขึ้นมา แต่ภาพจำของเราที่ติดมากับ Dragon Quest หรือ Final Fantasy มันก็ยังเป็นภาพจำแรกของผู้เล่นเกมแนว Turn-based เสมอ เกมแนว Pixel Art จะทำให้เราเล่นเกมแนว Turn-based ได้ง่าย จากกราฟิกที่ชัดเจนว่ากำลังเลือกตัวไหน หรือกำลังเดินไปช่องไหน เห็นภาพรวมของการต่อสู้จากหน้า UI ที่แสดงให้เราเห็น มันมองง่ายกว่าการเล่น Turn-based ด้วยกราฟิก 3D อลังการเป็นไหน ๆ ครับ
8. หวนคืนสู่ความ Retro ได้หากคิดถึง
ทุกวันนี้เกมแนว Turn-based กลายเป็นแนวเกมเก่าที่ไม่ใช่กระแสนิยมของโลกอีกต่อไป แต่ก็ยังคงมีแฟนเกมอย่างเรา ๆ ให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยทั่วทุกมุมโลก จะบอกว่าเราแก่ขึ้นก็คงจะใช่ หลายครั้งเราหันกลับมาเล่นเกมแนว Turn-based เพียงเพราะว่าอยากหวนคิดถึงความรู้สึกเก่า ๆ ในวัยเด็ก ไม่ว่าเกมที่เราเล่นนั้นจะเป็นเกมเก่าหรือใหม่ก็ตาม เนื่องจากเกมแนว Turn-based มักจะมีการผจญภัยและการเปิดโลกทัศน์ด้านจินตนาการค่อนข้างมาก มีเนื้อเรื่องที่แสนสนุก มีความเฉพาะตัว เล่นแล้วไม่เหนื่อย ไม่ต้องรีบกดหรือแข่งขันกับใคร การกลับไปเล่นเกมแนว Turn-based อีกครั้งมันให้ความรู้สึกของเราเหมือนได้กลับบ้านนั่นเองครับ
และนี่คือ “8 เหตุผลที่ทำให้คุณรักเกมแนว Turn-based” ตรงกับเหตุผลที่ทำให้เพื่อน ๆ รักเกมแนวนี้ไหมครับ ถ้าหากเพื่อน ๆ มีเหตุผลอื่นใดนอกจากนี้ ก็สามารถคอมเมนต์บอกพวกเราให้รู้ด้วยนะครับ ส่วนตัวแล้วผมมองว่าเกมนั้น ไม่ว่าจะแนวอะไร สุดท้ายก็ต้องมีขึ้นมีลงครับ สักวันมันอาจจะหายไปตามกาลเวลา แต่สักวันมันก็อาจฟื้นคืนกลับมาก็ได้ใครจะไปรู้ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เติบโตมากับแนว Turn-based และยังเฝ้ารอการปรากฎตัวของเกม Turn-based เจ๋ง ๆ หน้าใหม่มาให้เล่นอย่างใจจดใจจ่อครับ 🙂
