เกม

25 เกมเก่าที่ใช้เวลาในการเล่นจบนานที่สุด

กว่าจะจบ...ไม่ไหวจะเคลียร์-เพลียที่จะเล่น!

ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าของวิดิโอเกมกับราคาที่เหล่าเกมเมอร์จ่ายไปนั้น ต้องมีหลายๆคนให้ความสำคัญกับเวลาในการเล่นหรือความยาวของเนื้อเรื่องอย่างแน่นอน

วันนี้เราจะไปดูกันครับว่ามีเกมอะไรบ้างที่เนื้อหาของเกมนั้นมีมากมายซะเหลือเกิน ที่กว่าจะจบกว่าจะเคลียร์ได้ต้องใช้เวลาเป็นหลายสิบหลายร้อยชั่วโมง จะมีเกมอะไรบ้าง จะมีเกมที่คุณชอบรึเปล่า ไปดูกันเลยครับ (โดยการจัดอันดับจะจัดอันดับตามระยะเวลาในการจบเนื้อหาหลักและเนื้อหาทั้งหมดของเกม ซึ่งจะให้ความสำคัญค่อนไปทางเนื้อหาหลักครับ)

อันดับ 25. Dark Souls II

25 เกมเก่าที่ใช้เวลาในการเล่นจบนานที่สุด

• แนวเกม: Action RPG
• ปีที่จัดจำหน่าย: 2014
• เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย: 48 ชั่วโมง
• เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย: 118 ชั่วโมง

ประเดิมเกมแรกกับเกมขวัญใจเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์หรือเกมเมอร์ที่ชอบเล่นเกมที่มีความท้าทายเป็นชีวิตจิตใจกับซีรี่ย์ dark soul ในภาค 2 นี้ก็ถือว่าเป็นอีกภาคนึงที่ยากสุดๆไม่แพ้ภาคอื่นๆ (อาจจะยากสู้ภาคแรกไม่ได้) เหตุผลที่ทำให้ภาคนี่ต้องใช้เวลาเล่นนานกว่าภาคอื่นๆส่วนตัวผมเองคิดว่าอาจจะเป็นเพราะความกว้างของแผนที่ ที่ภาคนี้ได้ทำให้แตกต่างกับเกมส์ในตระกูลนี้ก็คือแผนที่จะเน้นไปทางขนาดความกว้างใหญ่มากกว่าความซับซ้อนที่ภาคอื่นๆ เค้าทำกันทำให้ต้องเสียเวลาในการสำรวจสถานที่ต่างๆมากกว่า ส่วนในเรื่องความยาวของตัวเนื้อเรื่องแล้วนั้นพูดได้ยากครับ เพราะเกมส์ตระกูลนี้ไม่ได้เล่าเนื้อเรื่องตรงๆจะทำการเล่าเหตุการณ์ต่างๆผ่านบทสนทนาของ NPC หรือคำบรรยายที่แฝงไว้ในไอเทมหรือฉากต่างๆที่ผู้เล่นต้องทำการสังเกตุเอาเองและตีความเอาเอง (คนคงหมดเวลาไปกับการตายซ้ำตายซากมากกว่าอ่านเนื้อเรื่องมากกว่า ฮ่าๆ)

อันดับ 24. Dragon Age: Inquisition

•แนวเกม: RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย: 2014
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย: 45 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย: 126 ชั่วโมง

เนื้อเรื่องในภาคนี้อยู่ในหนึ่งปีให้หลังเหตุการณ์ใน Dragon Age 2 เนื้อหาของเกมก็เข้มข้นไปตลอดตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียวโดยในส่วนของเนื้อหาของเกมนั้นเรียกได้ว่ายังคงมาตรฐานเดิมของ Bioware เอาไว้ได้ บทพูดและภารกิจต่างๆนั้นก็มีเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมและน่าสนใจ ตัวเกมจะมีความเป็นเกม Action อยู่ในระดับนึงด้วยความรวดเร็วของการออกท่วงท่ารวมไปถึง Skill ความสามาถต่างๆของทั้งฝ่ายเราและศัตรูที่ต้องมีการกะจังหวะ การหลบหลีก แต่ขณะเดียวกันก็มีการวางแผนและคุณก็หยุดเกมได้ตลอดเวลาทำให้ระบบการต่อสู้ของภาคนี้นั้นถือได้ว่าสนุกเลยทีเดียว เหตุผลที่ทำให้เกมนี้ใช้เวลานานเลยก็เป็นเพราะขนาดของแผนที่ใหญ่มากพอสมควรและด้วยภารกิจที่มีให้ทำมากมายพร้อมกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและเดินไม่เป็นเส้นตรง

อันดับ 23. Fallout: New Vegas – Ultimate Edition

•แนวเกม:Action RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2012
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:38 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:164 ชั่วโมง

เนื้อเรื่องในภาคนี้อยู่ในช่วงสามปีให้หลังเหตุการณ์ในภาค 3 ในเกมมีภารกิจจำนวนมากให้ทำทั้งภารกิจหลัก ภารกิจรองและภารกิจเสริมแยกย่อยรวมถึงสถานที่อีกมากมายให้เราไปค้นหา แต่ละที่ก็จะมีเรื่องราวหลากหลายให้เราได้รับรู้ ผู้ที่ชอบการสำรวจก็คงจะต้องใช้เวลาจำนวนมาในการออกสำรวจและค้นหาสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีระบบความนิยมชมชอบ ถ้าทำดีหรือรับภารกิจช่วยที่ไหนก็จะได้รับความชื่นชม แต่ถ้าไปทำไม่ดีหรือฆ่าคนของที่นั้นก็จะผลในทางลบหรือกระทั่งโดนคนทั้งหมู่บ้านไล่ทำร้าย สำหรับคนที่ชอบเกมอาร์พีจีที่มีโลกเปิดกว้าง มีสถานที่มากมายให้ค้นหา มีระบบการต่อสู้ที่สนุกมีภารกิจที่เข้มข้น Fallout New Vegas เป็นเกมที่เหมาะมาก

อันดับ 22. Divinity: Original Sin

•แนวเกม:RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2014
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:65 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:109 ชั่วโมง

เกม Turn-Based RPG ที่ภาพสวยใช้ได้ ด้วยความ open world ที่เราไม่จำเป็นจะต้องทำเควสตามเนื้อเรื่องก็ได้ อยากทำอะไรอยากไปลุยที่ไหนก็ทำได้ตามใจชอบ(ถ้าไหวก็ไปเถอะ ฮ่าๆ) ทำให้เกมนี้ใช้เวลาในการเล่นมากพอสมควร ไหนจะทำความเข้าใจกับระบบการเล่นอีก ไหนจะเควสที่เยอะแยะแล้วเนื้อเรื่องที่ให้มาได้เล่นกันแบบเต็มอิ่ม ไม่แปลกใจเลยที่คะแนนรีวิวส่วนใหญ่อยู่ในระดับดีมาก

อันดับ 21. Metal Gear Solid V: The Phantom Pain

•แนวเกม:Third-person Action
•ปีที่จัดจำหน่าย:2015
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:45 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:162 ชั่วโมง

ภาคสุดท้ายของซีรี่ย์ metal gear solid ที่ภาคนี้ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางในการเล่นให้เป็นแบบ Open World เต็มตัว เนื้อหาและลูกเล่นในภาคนี้ถือว่ามีเยอะมากๆ ฉากแผนที่ที่โคตรใหญ่พอๆกับ Farcry และมีอะไรให้ทำเยอะแยะมากมาย มีภารกิจเยอะแยะให้เลือกทำ อีกเหตุผลที่ทำให้เกมนี้ติดอันดับเกมที่ใช้เวลาในการเล่นนานอาจจะเป็นเพราะเป็นเกมรอบเร้นด้วยอีกส่วนนึง ฮ่าๆ

อันดับ 20. Baldur’s Gate 2: Shadows Of Amn

•แนวเกม:RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2000
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:72 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:140 ชั่วโมง

เกมเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ในสไตล์รูปแบบการเล่นแบบ classic RPG ที่เมื่ออยู่ในสมัยนั้นจัดได้ว่าเป็นเกมที่ดูดวิญญาณดีๆเกมนึงเลยทีเดียว ด้วยระบบเกมการเล่นที่มีเยอะ และเนื้อหาของเกมที่มีเยอะตามไปด้วย ทำให้ต้องใช้เวลาจบนานพอสมควร ถ้าใครคิดถึงเกมสไตล์เก่าๆเมื่อไม่นานมานี้ตัวผู้ผลิตได้ทำการทำเวอร์ชั่น enhanced edition ออกมาวางจำหน่าย ทำให้ภาคกราฟฟิคดูเหมาะสมกับยุคนี้มากขึ้น

อันดับ 19. The Witcher III: Game Of The Year Edition

•แนวเกม:Action RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2015
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:47 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:191 ชั่วโมง

กลับมาอีกภาคกับ the witcher sex hunt เอ้ย wild hunt หลายๆคนคงรู้ความเทพของเกมนี้เป็นอย่างดีกันอยู่แล้ว ไม่ว่าสำนักรีวิวกี่สำนัก ก็ให้คะแนนเต็มหรือเกือบเต็มกันทั้งหมด ด้วยความเทพของตัวเกมทั้ง เนื้อเรื่องที่ให้เราได้เป็นคนเลือกเอง มีฉากจบหลายแบบ และเนื้อหาภายในเกมที่มีเยอะจนหมดตังไปกับค่าไฟกันไม่รู้กี่พันบาท อีกทั้งขนาดของแผนที่ ที่โคตรจะกว้างใหญ่ไพศาล ทำให้กว่าจะจบก็เล่นแฟนๆเล่นกันจนลืมการลืมงานกันเลยทีเดียว และในเวอร์ชั่น Game Of The Year Edition ที่ได้รวม dlc ทุกตัวมาแล้ว ไม่ต้องสงสัยกันเลยทีเดียวครับ ว่ามันจะทำให้คุยเสียเวลาในชีวิตไปมากขนาดไหน ฮ่าๆ

อันดับ 18. Shin Megami Tensei: Persona 3

•แนวเกม:RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2007
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:84 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:122 ชั่วโมง

เกมสไตล์ JRPG ที่สนุกสุดๆอีกเกมนึง ในภาคนี้ได้ลงให้กับเครื่อง ps2 และ psp แกนหลักเนื้อหาของเกมซี่รี่ย์นี้คือ เหล่าผู้ใช้พลังที่สร้างออกมาจากจิตใจ ในรูปร่างของเทพปิศาจที่เรียกว่า “เพอร์โซน่า” ในการต่อสู้ได้ (คล้ายๆ พวกแสตนด์ในเรื่องโจโจ้) ตัวเกมถูกออกแบบให้ผู้เล่นได้มีปฎิสัมพันธ์กับบรรดา NPC ในเกมมากมาย ระบบต่อสู้ที่ต้องอาศัยทักษะของผู้เล่น เพื่อเคลียร์เหล่าเพอร์โซน่าในแต่ละตัว ในบางภาคยังสามารถกำหนดตอนจบของตัวเองได้

อันดับ 17. The Final Fantasy XII

•แนวเกม:RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2006
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:60 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:170 ชั่วโมง

เกม JRPG ในตำนานภาค 12 นี้ก็เป็นอีกเกมที่ดูดเวลาๆมากๆอีกเกมนึง ในสมัยนั้นภาคนี้เป็นภาคที่ทิ้งทวนให้กับ PS2 ซึ่งก็ทำให้ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุก แล้วเนื้อหาของเกมที่มีเยอะมากกว่าทุกๆภาค ทำให้ภาคนี้กว่าจะเล่นจบก็เสียเวลาไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์เลย

อันดับ 16. The Elder Scrolls V: Skyrim – Special Edition

•แนวเกม:Action RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2013
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:23 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:248 ชั่วโมง

เกมเทพอีกเกมที่กวาดรางวัล และคำวิจารณ์ที่ดีไปมากมาย ด้วยความที่มีแผนที่ ที่มีขนาดใหญ่ และสิ่งต่างๆมากมายภายในเกม ทำให้เล่นเพลินๆได้ไม่รู้จักเบื่อ ตัวเนื้อเรื่องหลักอาจจะใช้เวลาไม่นาน แต่สิ่งที่สำคัญกับเกมนี้เลยคือระบบการเล่นและมอนเตอร์ที่มีเยอะแยะมากมาย ไม่แปลกใจที่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเล่นอยู่

อันดับ 15. Xenoblade Chronicles

•แนวเกม:RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2010
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:68 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:167 ชั่วโมง

เกม RPG ที่มีธีมกึ่ง fantasy กับ sci-fi ที่สนุกอีกเกมนึง ด้วยตัวเกมมีส่วนที่ให้ผู้เล่นได้ทำมากมาย มีเนื้อเรื่องหรือภารกิจที่ให้เราทำที่เยอะมาก และมีแผนที่ ที่ใหญ่สุดๆอีกเกม บางครั้งเดินไปทำภารกิจกันทีนึงใช้เวลาเป็นสิบสิบนาที มีสถานที่ให้สำรวจมากมาย แรกได้ว่าเป็นน้องๆของ FF เลยทีเดียว

อันดับ 14. Rome: Total War II

•แนวเกม:RTS 
•ปีที่จัดจำหน่าย:2013
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:66 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:195 ชั่วโมง

เกม RTS ที่จัดเต็มไม่ว่าจะเรื่องของเนื้อหาหรือความต้องการทรัพยากรเครื่อง ฮ่าๆ จัดว่าเป็นเกม RTS ที่ใครชอบเล่นแนวนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะชอบมาก เพราะด้วยระบบที่มีรายละเอียดยิบย่อยเยอะมากๆ ในการเล่นแต่ละครั้งก็ใช้เวลามากพอสมควร ที่กินเวลาเพราะอาจจะใช้เวลาคิดแผนรูปแบบการเล่นด้วยส่วนนึง ฮ่าๆ

อันดับ 13. White Knight Chronicles II

•แนวเกม:JRPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2011
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:39 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:379 ชั่วโมง

ในภาคนี้เกมได้ปรับเปลี่ยนโดยผสมผสานรูปแบบของเกมออนไลน์แบบ MMORPG เข้ามาได้อย่างลงตัว บวกกับเนื้อหาของตัวเกมที่มีมากมาย จนบางทีผมก็แอบคิดว่าสรุปจะให้เล่นเนื้อเรื่องหลักหรือภารกิจเสริม เพราะภารกิจเสริมมีเยอะแยะมากมายไปหมด จนเล่นกันไม่หวั่นไม่ไหว

อันดับ 12. Pokémon Diamond And Pearl

•แนวเกม:RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2007
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:42 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:251 ชั่วโมง

ตามคาด! แฟนเกมโปเกม่อนคงคิดว่าไม่ภาคใดก็ภาคะนึงต้องติดลิสต์นี้แน่นอน และ Pokémon Diamond And Pearl ก็คือภาคที่มีเนื้อหาภายในเกมเยอะมากๆ ด้วยแผนที่ที่มีเยอะ และโปเกม่อนที่มีเยอะไม่แพ้กัน และด้วยความซับซ้อนของแผนที่ในภาคนี้อีก ทำให้กว่าจะจบได้ก็เสียเวลาไปเยอะเลย

อันดับ 11. Harvest Moon: Back To Nature

•แนวเกม:Farm simulator / RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:1999
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:70 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:200 ชั่วโมง

เกมในตำนานในใจของใครหลายๆคน ด้วยความที่รูปแบบของเกมเข้าถึงง่ายกับทุกเพศทุกวัยทำให้เกม Harvest Moon ภาคนี้ดังระเบิดระเบ้อ ในสมัยนั้นไม่มีเกมไหนที่จำให้ตัวเราได้รับบทบาทบริหารฟาร์มแบบจริงๆจังๆ และตัวเกมก็ยังเป็น Open World ที่น่าสนใจแบบสุดๆ ด้วยความที่มีอะไรให้ทำเยอะแยะมากมายในแต่ละวันภายในเกม ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเกมนี้ถึงติดโผกับเค้าด้วย

อันดับ 10. Persona 5

•แนวเกม:RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2017
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:90 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:161 ชั่วโมง

Persona ภาคเทพอีกภาคที่เพิ่งขายไปไม่นานมานี้ การทิ้งห่าง ให้แฟนๆรอคอยถึง 8 ปี การกลับมาครั้งนี้บอกได้เลยว่าไม่มีผิดหวัง กับเนื้อเรื่องในภาคนี้ที่กลับมาดำเนินเรื่องในกรุงโตเกียวที่วุ่นวาย เนื้อหาของเกมที่มีเยอะจนให้เล่นกันจนเบื่อกันไปข้าง สำหรับแฟน JRPG คงรู้กันดีว่าเกมนี้มันดูดเวลาขนาดไหน

อันดับ 9. Record Of Agarest War

•แนวเกม:Tactical RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2007
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:86 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:210 ชั่วโมง

เกม Turn-based JRPG อีกหนึ่งเกมที่เนื้อหาของเกมมีเยอะเหลือเกิน ด้วยความที่มีมอนเตอร์มากมาย และแผนที่ ที่มีเยอะจนรู้สึกว่าไม่มีสิ้นสุดนั้น ทำให้ตัวเกมยาวมากๆ สำหรับใครที่ชอบแนวนี้ก็อาจจะเล่นได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ แต่ถ้าใครที่ไม่ใช่แนวแล้วละก็อาจจะเลิกเล่นไปกลางคัน แบบผม ฮ่าๆ

อันดับ 8. The Elder Scrolls: Morrowind – Game Of The Year Edition

•แนวเกม:Action RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2003
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:49 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:364 ชั่วโมง

เป็นอีกภาคของ The Elder Scrolls ที่ประสบความสำเร็จ ในสมัยนั้นถือว่าเป็นเกมแรกๆที่ได้นำเกมที่มีรูปแบบมุมแบบบุคคลที่หนึ่งมาทำเป็นเกม Fantasy ผสม RPG ทำให้เป็นแนวทางแปลกใหม่ๆมาก ด้วยภาคนี้ที่มีเนื้อหาเสริมมากกว่าเนื้อเรื่องหลักอีกตามเคย ทำให้มีอะไรให้ทำเยอะแยะมากมาย

อันดับ 7. Disgaea: Hour of Darkness

•แนวเกม:Tactical RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2003
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:47 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:467 ชั่วโมง

เกมแนว Turn-baded JRPG อีกแล้ว ฮ่าๆ ส่วนใหญ่เกมสไตล์นี้จะใช้เวลาในการเล่นนานอยู่แล้ว พ่วงกับเกมนี้มีสกิลที่ค่อนข้างซับซ้อนและเล่นสนุก ตัวเกมก็มีความยากกำลังดี และที่สำคัญ มีด่านให้เล่นเยอะมากๆ ทำให้กว่าจะจบได้ ก็ล่อหมดเวลาไปเป็นอาทิตย์ ยิ่งถ้าจะจบแบบครบ 100% นี่เล่นกันยาวเลย

อันดับ 6. Euro Truck Simulator 2

•แนวเกม:Driving simulator
•ปีที่จัดจำหน่าย:2012
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:49 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:396 ชั่วโมง

อนาคตใครอยากทำงานแนวนี้แนะนำให้ลองหามาเล่นกันดูครับ มันสมจริงๆมากๆ เราจะได้รู้หลักการทำงานของคนขับรถบรรทุกแบบลงลึกทุกรายละเอียด การเดินทางไปไหนมาไหนแต่ละทีก็นานมากๆ สำหรับใครที่ชอบก็จัดไป แต่ผมคนนึงที่ความอดทนมีไม่สูงพอที่จะเล่น ฮ่าๆ

อันดับ 5. Gran Turismo 4

•แนวเกม:Racing simulator
•ปีที่จัดจำหน่าย:2005
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:83 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:336 ชั่วโมง

เกมจำลองโลกแห่งการแข่งรถในสนามแข่งในตำนานอีกเกมที่เล่นสนุกสุดๆ ถึงแม้ว่าตัวเกมจะมีระบบที่สมจริงมากๆ แต่มันก็ไม่ได้ลดความสนุกของเกมลงไปเลย ด้วยการแข่งขันที่มีเยอะมากมาย และความเพลินในการปลดล็อคของใหม่ๆมาเสริมความแรงให้รถของเรา ทำให้หมดเวลากันไปมากเลย

อันดับ 4. Might And Magic: Heroes 6

•แนวเกม:Turn-based strategy RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2011
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:100 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:224 ชั่วโมง

เกม Turn-based กันอีกแล้ว แต่คราวนี้มาฝั่งตะวันตกกันบ้าง กับซีรี่ย์ที่มีมายาวนานอย่าง Might And Magic ด้วยความที่ตัวเกมมีแผนที่ ที่เปิดกว้าง แล้วผสมกับรูปแบบการเล่นแบบเทิร์นเบสที่ใช้เวลานานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ทำให้เกมนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานในการจะเล่นให้จบ

อันดับ 3. Dragon Quest VII

•แนวเกม:RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2001
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:106 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:257 ชั่วโมง

ซีรี่ย์ในตำนานอย่าง Dragon Quest ก็ติดมากับเค้าด้วย ในสมัยนั้นถือว่าเล่นได้สนุกเพลินๆ ด้วยรูปแบบการเล่นที่เราได้ออกรูปแบบการต่อสู้ที่สนุก รวดเร็ว ทำให้ภาคนี้เป็นภาคที่ประสบความสำเร็จมากๆ อีกภาคนึง และตัวเนื้อเรื่องที่ยาวมากๆ ทำให้เป็นอีกภาคที่ใช้เวลานานมากๆ

อันดับ 2. Europa Universalis III

•แนวเกม:RTS
•ปีที่จัดจำหน่าย:2007
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:139 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:609 ชั่วโมง

สายฮาร์ดคอร์ RTS คงจะชอบเกมนี้ เพราะถึงจะเป็นเกมภาพไม่สวย แต่มีระบบที่ค่อนข้างดีในด้านฑูต และบริหาร และยังสามารถเล่นได้ทุกประเทศในโลกในแต่ละยุคอีกต่างหาก ด้วยความที่มีรายละเอียดเยอะ ทำให้เกมนี้เป็นอีกเกมที่ เสียเวลาในการเล่นไปเยอะมากๆ

อันดับ 1. Monster Hunter: Freedom Unite

•แนวเกม:Action RPG
•ปีที่จัดจำหน่าย:2009
•เวลาที่ใช้ในการจบเนื้อหาหลักโดยเฉลี่ย:150 ชั่วโมง
•เวลาที่ใช้จบเนื้อหาทุกอย่างโดยเฉลี่ย:458 ชั่วโมง

ล่าแย้กันดีกว่า! อันดับหนึ่งคือเกมที่ใครๆหลายๆคนอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดี กับภาคนี้ที่ลงให้กับเครื่องพกพาอย่าง psp และ ps vita ที่เรียกได้ว่า เล่นกันจนแบตเสื่อม แบตเสียกันเป็นแถบๆ ด้วยความที่มีเนื้อเรื่องหลักที่มีมาให้เล่นเยอะมากพร้อมกับภารกิจเสริมการล่าแย้ที่มีเยอะมากพอๆกัน ทำให้เกมนี้เป็นเกมที่สูญเสียเวลาชีวิต เวลาทำงานกันมานักต่อนักแล้ว

จบกันไปแล้วครับกับ 25 อันดับเกมที่กว่าจะจบเนื้อหาในตัวเกมได้ เรียกได้ว่าเหนื่อยกันเลยทีเดียว อาจจะมีหลายๆเกมที่หลายๆคนชอบแต่ไม่ติด เพราะนั้นอาจจะเป็นเพราะเราโฟกัสไปที่เนื้อหาใหม่ๆที่เราสามารถเล่นได้ในเกม ไม่ใช่เนื้อหาที่ให้เราเล่นซ้ำๆ ยังไงถ้ามีอะไรผิดพลาดไปผมก็ขอโทษด้วยนะ คร้าบบบบ (ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บไซต์: nowloading.co)

ผูู้เขียน : TF_PrimeKyle

ข่าวเกมอื่น ๆ : GamerCulture

Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save