Bastard!! อสูรร้ายจอมราชันย์ ถือว่าเป็นการ์ตูนขายดีติด Top 50 ตลอดกาลของประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะการ์ตูนเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกๆ ที่มีฉากเซอร์วิสเอาใจแฟนการ์ตูนด้วยภาพมนุษย์ ,ปีศาจ และเทพสาวๆ แบบติดเรท 18+ เรียกว่าเป็นแนวแฟนตาซีฮาเร็มเลยก็ว่าได้ ฝั่งญี่ปุ่นนิยามแนวการ์ตูนเรื่องนี้ว่าเป็นแนว Heavy Metal, Dark Fantasy ด้วยสไตล์การแต่งตัวของตัวละครต่างๆ เห็นแล้วเราอาจจะนึกถึงวงดนตรีร๊อคในช่วงยุค 80-90s ได้เลย
ซึ่งนอกจากขึ้นชื่อในเรื่องของความสนุกด้วยความเก่งเวอร์วังของพระเอก “ดาร์ก ชไนเดอร์” (DS) ที่ออกแนวแอนตี้ฮีโร่ กับฉากเซอร์วิสของสาวๆ ในเรื่องแล้ว อีกเรื่องที่แฟนๆ การ์ตูนกล่าวถึงอย่างมากคือ การ์ตูนตอนใหม่ๆ ออกช้าถึงช้าที่สุด
ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 1988 ผ่านนิตยสารรายสัปดาห์ Weekly Shonen Jump แล้วถูกรวมเล่มมาแล้วในเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น และไทย 27 เล่มเท่ากัน มาถึงเล่มสุดท้ายตอนปี 2016 ซึ่งยังไม่จบนั่นเอง
ทั้งเรื่องและภาพ เป็นผลงานของ Hagiwara Kazushi ซึ่งเริ่มต้นอาชีพนักเขียนการ์ตูนโดยเป็นผู้ช่วยของ Matsumoto Izumi (ผู้วาด Orange Road) โดยเขามีผลงานหลักเพียงเรื่องเดียว คือ Bastard!! (อสูรร้ายจอมราชันย์) นี่แหละ ซึ่งแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเรื่องนี้ก็มาจากความชอบในดนตรีแนว Heavy Matal และเกม Dungeons & Dragons จะสังเกตุได้ว่าชื่อตัวละครในเรื่องหลายๆ ตัวก็มาจากวงดนตรีร๊อคในยุคนั้นด้วย
แถมยังมีความอินดี้ของตัวเอง คือ เขียนไปยาวแล้วย้อนกลับมาวาดตอนแรกใหม่ เพราะคนวาดมาทดลองใช้ Photoshop วาดแทนการวาดลงกระดาษแบบเดิม ทำให้กลายเป็นเนื้อเรื่องเดิมแต่วาดใหม่ให้สวยขึ้น ส่วนคนอ่านก็มีงงว่าทำไมไม่เขียนให้จบแทน
เนื้อเรื่องย่อ
เริ่มจากอาณาจักร เมทาลิกาน่า ของมนุษย์ที่เงียบสงบสุขมาอย่างยาวนานตั้งแต่หลังจากเกิดสงครามครั้งใหญ่เมื่อ 15 ปีก่อน กำลังโดนกองทัพจาก Four Lords of Havoc บุกซึ่งนำโดยพ่อมดออสบอร์น ในขณะที่อาณาจักรแห่งนี้กำลังสิ้นหวัง นักบวชชั้นสูงในอาณาจักรจึงต้องการปลุกจอมเวทย์ “ดาร์ค ชไนเดอร์” ซึ่งถูกผนึกอยู่ในร่างเด็กน้อยวัย 14 ปี “ลูเช่ เร็นเร็น” ที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดย “บาทหลวงเทียโนท” และลูกสาว “โยโกะ” เพื่อขอยืมพลังมาปกป้องอาณาจักรจากเหล่ายักษ์ออส ปีศาจ และเวทมนตร์ต่างๆ หลังจากนั้น DS ก็เริ่มเจอศัตรูของอาณาจักที่เทพขึ้นเรื่อยๆ คือ นอกจากตอมมาร แล้วก็ยังมีเทพจากสวรรค์ที่ต้องการกำจัด DS ด้วย
และล่าสุดทาง Netflix ก็นำมารีเมคเป็นเวอร์ชั่น Anime อีกครั้ง
ที่มา – wikipedia