รีวิวเกม | FOBIA – St. Dinfna Hotel – โรงแรมปริศนา อสูรกาย และกล้องมายา

FOBIA – St. Dinfna Hotel เป็นเกมแนวระทึกขวัญสืบสวนสอบสวนแบบเล่นคนเดียวที่ทำให้ผู้เล่นต้องสวมบทบาทเป็นนักข่าวมือใหม่อย่าง Roberto ในการต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติ ค้นพบเบาะแสต่าง ๆ, ค้นหาเสบียง และป้องกันตัวเองจากสัตว์ประหลาดตามทางเดินในโรงแรม และด้วยปริศนาที่หลากหลายของเกม ผู้เล่นจะต้องเลือกเส้นทางอย่างระมัดระวังเพื่อเปิดเผยความลึกลับอันมืดมิดของโรงแรม… และออกมาอย่างปลอดภัย

ในโอกาสนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเล่นเกม FOBIA – St. Dinfna Hotel ซึ่งบอกได้เลยว่าเกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมหลอนที่น่าสนใจไม่น้อย และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ได้อ่านกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และเป็นการรีวิวในวันที่ 28 – 30 มิถุนายน 2565 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีแพทช์ออกมาแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

ออกผจญภัยในโรงแรมสุดหลอน ที่พร้อมทำให้คุณสะดุ้งได้ตลอดเวลา

เมื่อเป็นเกมสยองขวัญ สิ่งแรกที่ผู้เขียนไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ บรรยากาศภายในเกมนี้นั่นเอง เพราะถ้าหากเป็นเกมสยองขวัญ แต่ทำบรรยากาศออกมาได้หลอนไม่ถึงขั้นก็คงจะเรียกว่าเกมสยองขวัญไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเกม FOBIA – St. Dinfna Hotel ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

หากจะให้อธิบายโดยละเอียด ผู้เขียนคงต้องเริ่มอธิบายในมุมขององค์ประกอบของฉากที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ เพราะเหตุการณ์ของเกมนี้เกิดขึ้นที่โรงแรม ทำให้บรรยากาศของเรารู้สึกเหมือนกับโดนบีบด้วยห้อง หรือกำแพงอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าห้องจะไม่ได้แคบมาก แต่ก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร นอกจากนี้การตกแต่งฉากที่ค่อนข้างน่าสะอิดสะเอียนในหลาย ๆ จุด รวมไปถึงฉากที่พังทลายในหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้บรรยากาศโดยรวมหลอนมากขึ้นอีก

นอกจากนี้เกมดังกล่าวยังใช้ประโยชน์ของแสงไฟได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้เล่นจะต้องรู้สึกหวั่นใจทุกครั้งที่เดิน ๆ อยู่แล้วไฟกระพริบ หรือบางครั้งไฟก็ดับไปเลยจนผู้เล่นอาจจะเผลอกดหยุดเกมชั่วคราวเพื่อทำใจสักพักก่อนที่จะมาเล่นต่อ ซึ่งผู้เล่นจะได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้นก็คือจังหวะ Jump Scared ที่เกมนี้ทำออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ โดยในหลาย ๆ ครั้งเราจะได้เจอกับจังหวะที่ทำเราสะดุ้งโหยง หรือแม้กระทั่งอาจทำให้เราอุทานออกมาโดยไม่ตั้งใจ เช่น เมื่อเราเปิดสวิตช์เสร็จหันกลับมาเจอเงาตะคุ่ม ๆ อยู่ด้านข้าง และหายไปในพริบตา ซึ่งจังหวะเหล่านี้ไม่ได้น่ากลัวจนถึงขั้นทำให้ต้องเลิกเล่น แต่ก็มีอานุภาพเพียงพอที่จะทำให้หลายคนต้องกดหยุดเกมเช่นกัน

อย่างไรก็ตามความหลอนแบบไร้ทางสู้จะอยู่กับผู้เล่นไม่นานนัก เพราะเมื่อผู้เล่นเดินทางไปถึงจุดที่เรามีอาวุธให้ใช้งาน การออกผจญภัยภายในเกมนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร จากที่เราต้องกลัวว่าเราต้องวิ่งหนีแบบไร้ทางสู้ เราจะสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดที่ปรากฎตัวออกมา ทำให้เกมนี้เปลี่ยนแนวจาก Survival Horror กลายเป็น Action Horror อยู่พอสมควร แต่เดี๋ยวก่อน…! การที่เราได้อาวุธมาไม่ได้แปลว่าเราจะกลายเป็นทหารรบออกบู๊กับมอนสเตอร์จำนวนมากได้อย่างสบาย ๆ เพราะเกมนี้มีกระสุนที่จำกัดมาก ๆ อีกทั้งเราก็เป็นเพียงนักข่าวคนหนึ่งเท่านั้น ทำให้เราไม่ได้มีสกิลของนักรบ แต่เราเป็นเพียงนักข่าวที่จำเป็นต้องหยิปปืนมาต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น ฉะนั้นในหลาย ๆ ครั้งเราไม่จำเป็นต้องลั่นไกเพื่อสังหารศัตรูเสมอไป เราสามารถวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดได้เช่นกัน

สายตา และกล้องปริศนา คือกุญแจสู่ความลับที่น่าสะพรึง

ผู้เขียนยอมรับเลยว่าเกม FOBIA – St. Dinfna Hotel เป็นเกมที่ต้องใช้สายตามาก ๆ โดยผู้เล่นจะต้องเป็นคนช่างสังเกต ช่างสงสัย และช่างสำรวจ โดยตัวผู้เขียนใช้เวลาเกือบ ๆ 30 นาทีในการออกจากห้องพักของตัวเอง เพียงเพราะไม่ช่างสังเกตไอเทมที่ได้มา รวมไปถึงไม่ยอมมองฉากให้ละเอียด!

ไอเทมที่ผู้เล่นเก็บมาได้นั้นผู้เล่นสามารถผสมเพื่อให้เกิดเป็นไอเทมใหม่ได้ ตัวอย่างเช่นในตอนต้นเกมที่ผู้เล่นจะได้เลนกล้อง และตัวกล้องมาแบบแยกกัน ผู้เล่นจะต้องกด Combine เพื่อประกอบชิ้นส่วนทั้งคู่เข้าด้วยกัน ในขณะเดียวกันการผสมไอเทมนี้ยังสามารถใช้กับการผสมยาได้อีกด้วย นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถหมุนดูไอเทมที่อยู่ในกระเป๋าได้ด้วย ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งผู้เล่นจะต้องหยิบไอเทมมาส่อง 360 องศาเพื่อหาคำใบ้ ตัวอย่างเช่น การส่องขาตั้งเหล็กเพื่อหารหัสและนำไปใช้ในการเปิดกระเป๋า เป็นต้น

นอกจากนี้ฉากภายในเกมนี้ยังทำออกมาละเอียดมากอีกด้วย ซึ่งผู้เขียนแอบรู้สึกว่าละเอียดเกินไปด้วยซ้ำ! เพราะในหลาย ๆ สถานที่ เราจะได้เห็นของที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง รวมไปถึงเศษอาคารที่พังลงมา ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่เราจะเผลอมองข้ามจุดสำคัญที่วางอยู่บนพื้นไป ทำให้ผู้เล่นเสียเวลาในการสำรวจเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวอย่างที่ผู้เขียนประสบกับตัวเองเลยก็คือ ฉากแรกที่เราจะต้องนำรหัส 4 ตัวที่ใด ( หรือ ได้)ไปใส่กับอะไรสักอย่าง ซึ่งตู้เซฟจะต้องใช้รหัส 6 ตัว ซึ่งผู้เขียนก็วิ่งวนในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เกือบครึ่งชั่วโมง ถึงจะรู้ว่า… มันคือรหัสกระเป๋าที่วางอยู่บนพื้น ที่ถูกล้อมรอบด้วยกองผ้า และขยะ!

ไม่ใช่แค่นั้นครับ เพราะภายใน FOBIA – St. Dinfna Hotel ยังมีองค์ประกอบสำคัญที่เรียกว่า “กระดาษโน๊ต” ที่มีให้เราได้ตามหาอยู่ทั่วฉาก โดยโน้ตเหล่านี้จะทำหน้าที่เหมือนบันทึกของผู้ที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ เราจะได้เห็นคำเตือนของผู้เล่นที่มาก่อน , รหัสลับต่าง ๆ ที่เราสามารถนำไปใช้ปลดล็อคบางอย่าง รวมไปถึงคำใบ้สำคัญต่าง ๆ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อจะเติมเต็มผู้เล่นให้เข้าใจสถานการณ์ภายในเกมนี้อีกด้วย

จากทั้งหมดด้านบนนี้หลายคนอาจจะงงว่า “อ้าว? แล้วเกมนี้ไม่มีคำใบ้บอกทางเหรอว่าต้องไปไหนต่อ?” คำตอบคือการตั้งค่าปกติจะไม่มีครับ ทำให้เกมนี้ค่อนข้างมีระบบเกมเพลย์คล้ายกับเกมยุคเก่าพอสมควรที่ไม่มีตัวช่วยบอกเราเท่าไหร่นัก ซึ่งจุดนี้เองถือว่าเป็นจุดเด่นที่ผู้เขียนประทับใจอย่างมาก (และก็หัวร้อนมากด้วยเช่นกัน) ซึ่งเมื่อเล่นต่อไปเรื่อย ๆ หลาย ๆ ครั้งหากเราไม่สังเกตดี ๆ เราอาจจะต้องเสียเวลาวิ่งวนไปมาเป็นชั่วโมงเพื่อหากุญแจเพียงดอกเดียวก็ได้

กล้องมายาเชื่อมสองโลก อีกหนึ่งเกมเพลย์ที่สร้างสรรค์และน่าประทับใจ

จุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจอย่างมากก็คือการเล่นกับ “กล้องถ่ายรูป” ที่ไม่ได้มีไว้ถ่ายรูปครับ แต่กล้องนี้เปรียบเสมือนกล้องวิเศษที่จะทำให้เราได้มองเห็นโลกอีกใบหนึ่งที่ซ้อนทับกับเราอยู่ ตัวอย่างเช่นในมุมที่เรามองเห็นโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมอุปกรณ์วางอยู่กระจัดกระจาย เมื่อเรายกกล้องขึ้นมา เราอาจจะไม่เห็นของที่อยู่บนโต๊ะก็ได้ รวมไปถึงบางครั้งเราอาจมองเห็นโซฟาเปล่า ๆ ตัวหนึ่ง แต่เมื่อยกกล้องขึ้นมาเราจะเห็นเก้าอี้ที่เปลี่ยนไป และมีหีบวางอยู่รอให้เราได้เปิด!

และนอกเหนือจากหีบที่พูดถึงแล้ว การใช้กล้องมายานี้ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผู้เล่นจะต้องใช้เพื่อออกเดินทางไปยังจุดต่าง ๆ ด้วย เพราะในหลาย ๆ ครั้งเราอาจจะพบว่าเส้นทางที่เรากำลังเดินสำรวจนั้นเป็นทางตัน เดินวนไปวนมายังไงก็ไม่เจอทางที่จะไปต่อได้ แต่ถ้าเรายกกล้องขึ้นมา เราจะพบว่าทางที่เห็นว่าตันนั้น กลับมีรูให้เราได้มุดเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง ทำให้เราสำรวจเส้นทางต่อไปได้ ซึ่งผู้เขียนยอมรับเลยว่าประทับใจในไอเดียของกล้องนี้มากๆ

FOBIA – St. Dinfna Hotel จำหน่ายแล้ววันนี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และติดตามข่าวสารผ่าน Maximum Games บน Twitter ได้ที่ (@MaximumGames)

สุดท้ายนี้ ทีมงาน This is Game Thailand ต้องขอขอบคุณทาง Ripples ที่เอื้อเฟื้อเกมดีๆ เกมมันส์ๆ มาให้พวกเราได้รีวิวกันในครั้งนี้ด้วยนะครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

เวอร์ชั่น PSN บนสโตร์ไทย : https://bit.ly/3ywshWx