ปัญหาของคนที่นั่งหน้าคอมบ่อยแต่อยากเล่นเกมมือถือ
ต้องยอมรับว่าเกมมือถือเป็นเกมเจนใหม่ที่ค่อนข้างมาแรงจนเกินต้าน บางคนอาจจะเล่นเพราะเกมมันสนุก แต่บางคนอาจจะเล่นเพื่อเข้าสังคมไว้คุยกับกลุ่มเพื่อน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรการเล่นเกมมือถืออาจไม่จำเป็นต้องเล่นบนมือถือเสมอไป เนื่องจากการจะเล่นเกมให้มีประสิทธิภาพนั้นอาจจะต้องใช้มือถือพรีเมี่ยมที่มีราคาแพงจึงจะได้รับประสบการณ์อย่างเต็มที่ และผู้เล่นบางคนอาจจะติดการนั่งหน้าคอม ถัดเมาส์และคีย์บอร์ดมากกว่าระบบทัชสกรีนของสมาร์ทโฟน เลยทำให้การใช้โปรแกรมจำลองมือถือหรือ Android Emulator เป็นที่นิยมกันสำหรับเกมเมอร์สาย PC ที่อยากจะเล่นเกมมือถือครับ แต่นั่นก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเลย เรามาชมกันดีกว่าครับว่าปัญหาที่คนเล่น Emulator เท่านั้นจะเข้าใจมันมีอะไรบ้าง
1. บางโปรแกรมเล่นไม่ได้ทุกเกม
ถ้าใครที่เล่นเกมมือถือผ่าน Emulator มาเป็นระยะเวลานานจะเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าโปรแกรม Emulator แต่ละเจ้าก็มีลักษณะเฉพาะของมัน และใช่ว่าทุกเกมจะเล่นได้กับทุกโปรแกรม บางโปรแกรมมีการ PR โปรโมทเกมอย่างดี แต่พอโหลดมาเล่นเท่านั้นแหละ จอดำบ้างล่ะ เด้งหลุดบ้างล่ะ หรืออาจจะไม่รองรับบ้างล่ะ มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากเวลาที่เราอยากเล่นเกมแต่กลับเจอปัญหาแบบนี้ บางโปรแกรมมี Store เป็นของตัวเองแต่ไม่ได้อัปเดตเกมใหม่เข้ามา ทำให้เราต้องไปเปิด Browser ใน Emulator เพื่อเข้า App Store ของที่อื่น หรือโหลดตัว APK มาลงใน Emulator ด้วยตัวเอง คือมันไม่สะดวกเท่ามือถือแน่ ๆ แต่ถ้าอยากเล่นเกมมือถือใน PC ก็ต้องทำครับ
2. บางเกมบังคับให้ล็อกอินได้เครื่องเดียวเท่านั้น
เชื่อว่าผู้เล่นหลายคนที่เล่นเกมมือถือน่าจะล็อกอินเกมเดียวกันไว้อย่างน้อย 2 เครื่อง คือล็อกอินไว้ใน PC เพื่อเล่นตอนอยู่บ้าน และล็อกอินไว้ในมือถือเพื่อใช้เล่นตอนออกไปข้างนอก เกมที่ทำแบบนี้ได้ก็มีอยู่มากมาย ขอแค่ไม่เข้าเล่นพร้อมกันก็พอแล้ว แต่สำหรับเกมบางเกมที่ค่อนข้างจุกจิกก็มีอยู่เหมือนกัน คือไม่อนุญาตให้เราล็อกอินมากกว่า 1 เครื่อง หาต้องการย้ายเครื่องต้องทำเรื่องถ่ายโอนข้อมูล ล็อกอินใหม่ จดรหัสย้ายเครื่อง พิมพ์รหัสที่ยาวเหยียดแถมเป็นตัวอักษรสลับตัวเลขเยอะแยะไปหมด พอความลำบากมันมาก ๆ เข้าก็เริ่มขี้เกียจที่จะทำ สุดท้ายต้องตัดใจเล่นแค่ช่องทางเดียว และบางเกมอาจมีการแบนผู้เล่นที่เล่นผ่าน Emulator เลยด้วยซ้ำครับ
3. เมาส์กับคีย์บอร์ดอาจไม่ได้รองรับวิธีเล่นของทุกเกม
แน่นอนว่าถ้าโหลดเกมแล้วเข้าเล่นได้ก็ถือว่า Emulator นั้นสามารถเล่นเกมนั้น ๆ ได้อยู่ และแม้ Emulator แต่ละเจ้าจะทำฟังชั่นออกมาเพื่อรองรับระบบการเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการให้เมาส์แทนการหมุนกล้องแบบทัชสกรีน การอนุญาตให้ต่อจอยเพื่อเล่นเกมมือถือได้ หรือการตั้งค่าปุ่มลัดบนคีย์บอร์ดเพื่อแทนตำแหน่งทัชสกรีนต่าง ๆ บนหน้าจอ ทุกอย่างฟังดูดีเพราะมันมีฟังชั่นที่มากมายเหลือเกิน แต่บางเกมที่ต้องอาศัยไหวพริบและความเร็วมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น FPS หรือ MOBA ฟังชั่นพวกนี้มันไม่ได้เร็วพอหรือซัพพอร์ตการเล่นได้ทุกรูปแบบขนาดนั้น อย่าลืมว่าเกมมือถือก็ถูกสร้างมาให้เล่นบนมือถือด้วยระบบทัชสกรีน ต่อให้ Emulator จะมีฟังชั่นเสริมช่วยเล่นมากแค่ไหน การฝึกจากบนหน้าจอมือถือก็ยังดีกว่าครับ
4. เปิดช้า ปิดช้า ใช้เวลาคืน RAM
อย่างที่บอกไปว่า Android Emulator ทุกยี่ห้อ ทุกโปรแกรม มันคือการจำลองระบบปฏิบัติการขึ้นมาใหม่ เหมือนกับการเปิด Window ซ้อนใน Window ซ้ำอีกรอบหนึ่ง แค่เพียงเป็นระบบ Android เท่านั้น และการเปิดระบบปฏิบัติการทับซ้อนใน PC นั้นจำเป็นที่ต้องใช้ทรัพยากรพอสมควรหากต้องการปรับสเปค Emulator ให้สูงขึ้นตามกราฟิกของเกมยุคใหม่ที่กินสเปคขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้การเปิดโปรแกรม Emulator หรือตอนปิดโปรแกรมจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง หรือแม้แต่การเข้าเกมออกเกมอาจจะมีชะงักบ้างเล็กน้อย ไม่เหมือนการเปิด App บนมือถือที่จะทำได้ไหลลื่นกว่ามาก และบางครั้งตอนปิด Emulator ต่อให้จะปิดหน้าต่างมันไปแล้ว แต่กว่า RAM ที่ใช้ไปจะถูกคืนก็ใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ทำให้เราไม่สามารถเปิดโปรแกรมใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทันทีครับ
5. ถ้าไม่เปิดเต็มจอ เมาส์หลุดกรอบบ่อยมาก
การเล่นเกมใน Emulator เชื่อว่าส่วนใหญ่จะกด Auto กัน แล้วทำอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น ทำงานหรือเล่นโซเชียลมีเดีย ทำให้การเล่นเกมใน Emulator นั้นจะนิยมใช้หน้าจอแบบ Windom Mode ที่มีขนาดเล็กซะมากกว่า เลยทำให้การควบคุมเกมมือถือด้วยเมาส์นั้น มีโอกาสเยอะพอสมควรที่เราจะคลิกพลาด โดยเฉพาะเกมที่มีการหมุนมุมกล้องที่จะต้องคลิกเมาส์ค้างไว้ แล้วหมุนซ้ายหมุนขวา ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าตำแหน่งเมาส์ของเรามันจะหลุดกรอบบ่อยมาก แต่มุมกล้องในเกมอาจจะยังไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องการ เลยทำให้การคลิกเมาส์ของเรานั้นเผลอคลิกโปรแกรมนอกจอ Emulator จนเปลี่ยนหน้าต่างบ่อย ๆ ซึ่งมันก็ทำให้ขัดใจเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่าหลายคนไม่ชอบเล่นแบบเต็มจอครับ
6. หลุดออกจากเกมบ่อยยิ่งกว่ามือถือ
การหลุดออกจากเกมถือว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่คนเล่นเกมจะต้องพบเจอเป็นเรื่องธรรมดา สามารถพบได้ทั้งเกม PC ทั่วไป หรือแม้แต่เล่นเกมในมือถือก็ยังมีหลุดให้เห็น แต่ถ้าคุณเล่นเกมมือถือผ่าน Emulator ล่ะก็ บอกเลยว่าอัตราการหลุดของคุณจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการหลุดแบบจอดำไม่ยอมโหลด การหลุดแบบเด้งออกมาจากเกมกลับสู่หน้า Home เหมือนการ Stop Working ของโปรแกรม PC หรือจู่ ๆ อาจจะค้างนิ่งไปเลยก็มีเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่ว่าเล่นเกมเหล่านี้ไม่ได้นะครับ เกมยังสามารถเล่นได้ตามปกติ วันที่มันโอเคก็มีให้เห็น แต่เวลาที่มันหลุดมันก็หลุดบ่อยจนน่าหงุดหงิดเลยครับ
7. เจอคอนเทนต์เปิดกล้องหรือ GPS คือจบ
เกมที่อยู่บนมือถือมักจะมาพร้อมคอนเทนต์หรือฟังชั่นที่รองรับกับระบบในมือถือเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือคอนเทนต์ที่เปิดกล้องที่ต้องถ่ายรูปหรือมีปฏิสัมพันธ์กับโลกแห่งความจริง หรืออาศัยระบบ GPS ในการระบุตำแหน่งที่เราอยู่ คอนเทนต์เหล่านี้ถ้าเล่นใน Emulator คือเกมโอเวอร์แน่นอน ต่อให้เราจะดาวน์โหลดเกมมาเล่นได้ ก็ต้องมองข้ามระบบนี้ไปเพราะไม่สามารถเปิดกล้องได้ หรือยิ่งระบบ GPS เราคงไม่สามารถยก PC ไปตามจุดต่าง ๆ ได้ ถ้าคุณนึกภาพไม่ออกให้ลองคิดถึงการเล่น Pokemon GO บนหน้า PC ของคุณดูอาจจะเข้าใจมากขึ้นครับ (555)
และนี่ก็คือ “7 ปัญหาที่คนเล่นเกมมือถือบน Emulator จะเข้าใจ” ตรงกับประสบการณ์ที่เพื่อน ๆ เคยเจอไหมครับ โดยส่วนตัวก็เป็นคนเล่นเกมมือถือผ่าน Emulator บ่อย ๆ ครับ เพราะมันสะดวกกว่าในแง่ของการนั่งหน้าคอมอยู่แล้ว จะเปิดมือถือแล้วก้มหน้าเล่นก็ปวดคอแปลก ๆ เลยถนัดเล่นบน PC ซะมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องเจอข้อเสียของ Emulator ที่ต้องเข้าใจกับมันด้วย เนื่องจากเกมมือถือก็สร้างขึ้นมาเพื่อมือถือครับ ต่อให้จะเล่นใน Emulator ได้ แต่ธรรมชาติของมันก็ต้องเป็นแบบนั้น ต่อให้ฝืนเล่นได้ก็ต้องปรับตัวให้ได้อยู่ดี 🙂
