ผู้เขียน : Youryu
Unicorn Overlord เป็นเกม Tactical RPG ที่มาพร้อมกราฟิกที่โดดเด่น และระบบแบทเทิลที่ทันสมัยมากขึ้น ผสมผสานกับเกมเพลย์ Open-World ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สำรวจความลับต่าง ๆ พร้อมกับต่อสู้ศัตรูเพื่อนำเอาชัยชนะและอำนาจกลับคืนสู่แผ่นดินเกิดของตัวเองร่วมกับพรรคพวกให้ได้ โดยแผนที่จะมีขนาดใหญ่แบ่งออกเป็น 5 แอเรียที่มีตัวละครไม่เหมือนกัน และฮีโร่ที่เข้าร่วมก็จะมีมากกว่า 60 คนที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และถ้าหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้ครับ
กราฟิกที่เป็นเอกลักษณ์
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงก่อนเลยเพราะสำหรับผู้เขียนแล้วถือว่าเป็นความประทับใจสูงที่สุดเลยตั้งแต่แรกเห็นเกมนี้เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือกราฟิกภายในเกมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแบบสุด ๆ โดยภาพภายในเกมนี้จะเป็นภาพสองมิติที่มีความละเอียดสูง แถมลายเส้นดีไซน์ของตัวละครก็เรียกได้ว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นกราฟิกที่ไม่ค่อยได้พบเห็นภายในเกมสมัยใหม่เท่าไหร่นัก
นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของตัวละครแต่ละตัวก็ทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากการโจมตีที่โดดเด่น ฉากการใช้สกิลที่อลังการ ทุกอย่างดูลื่นไหลไม่มีติดขัดเลยแม้แต่น้อย รวมไปถึงองค์ประกอบภาพรวมของกราฟิกทั้งสิ่งแวดล้อม หน้าจอ UI และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ผู้เขียนยก 2 นิ้วให้ในแง่ของกราฟิกภายในเกมนี้โดยไร้ข้อกังขาเลยทีเดียว
เกมเพลย์วางแผนการรบที่ท้าทายถึงใจ
สำหรับเกมเพลย์ภายในเกมนี้ก็ต้องบอกว่ามีหัวใจหลักอยู่ที่การวางแผนการรบ ซึ่งเกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เขียนยกให้เป็นเกมที่ใส่รายละเอียดออกมาได้ดีมาก ๆ โดยเกมเพลย์หลัก ๆ แล้วผู้เล่นจะได้จัดกองทัพของตัวเองโดยเริ่มแรกอาจจะมีกองทัพเพียง 2-3 กองทัพเท่านั้น แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ผู้เล่นก็สามารถ ขยายหน่วยรบของเราให้มีกองทัพจำนวนมากขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว
นอกจากนี้ในแต่ละกองทัพ ผู้เล่นยังมีสิทธิ์ในการจัดพลรบได้ตามต้องการ ซึ่งจุดนี้เองผู้เขียนยอมรับว่าเป็นจุดที่สนุกมาก ๆ กับการทดลองผสมผสานตัวละครที่มีมากกว่า 60 แบบ แถมภายในเกมนี้ตัวละครแต่ละตัวยังมีคลาสที่แตกต่างกันให้เลือกใช้งานจำนวนมาก ซึ่งการผสมผสานพลรบที่มีคลาสที่แตกต่างกันก็จะส่งผลให้การต่อสู้แตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดที่สนุกไม่น้อย เหมือนกับผู้เล่นคอยทำการทดลองจัดกองพลรบแบบใดแข็งแกร่งที่สุด และเราจะต้องแก้ไขสถานการณ์อย่างไรหากเจอกองทัพที่ได้เปรียบเรา
เมื่อพูดถึงคลาสก็ต้องขออธิบายก่อนว่าคลาสภายในเกมนี้ไม่ได้มีคลาสใดโดดเด่นที่สุดหรืออ่อนแอที่สุด เพราะทุกคลาสจะมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่นคลาสโจรที่ทรหดนำมายืนแนวหน้าก็สามารถหลบหลีกการโจมตีพลรบระยะประชิดได้สบาย ๆ แต่ถ้าหากเจอพลธนูส่องมาก็มีสิทธิ์ตายได้ง่ายอย่างรวดเร็ว หรือแม้กระทั่งพลม้าที่สามารถเดินในแผนที่ได้อย่างรวดเร็ว และมีพลังทำลายล้างสูง แต่ถ้าหากเจอกับพลหอกมาตอบโต้ก็อาจจะตายได้ง่ายกว่าที่คิดก็เป็นได้ ซึ่งจุดนี้เองการผสมผสานคลาสต่าง ๆ ให้อยู่ในหน่วยเดียวกันนั้น ทำให้เกิดการปิดจุดอ่อนเสริมจุดแข็ง ทำให้หน่วยรบนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปตามสไตล์การเล่นของผู้เล่นได้อย่างเต็มที่
และเมื่อเราจัดทัพเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเข้าสู้รบในสนามรบ ซึ่งการต่อสู้ภายในเกมนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกระทึกใจเป็นอย่างมาก โดยฉากการต่อสู้จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาด้วยกัน โดยช่วงเวลาแรกจะเป็นการต่อสู้แบบ Real Time Strategy ที่ผู้เล่นจะสามารถควบคุมตัวละครของผู้เล่นวิ่งไปในจุดใดก็ได้บนแผนที่ ผู้เล่นจะต้องวางแผนการยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่นป้อมปราการ ไปจนถึงเมืองเพื่อที่จะทำให้จุดยุทธศาสตร์นั้นกลายเป็นจุดส่งกองทัพออกมารบเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถใช้สกิลเพิ่มเติมก่อนเข้าสู่การรบช่วงที่ 2 ได้ด้วย
ที่สำคัญอย่างมากก็คือผู้เล่นจะต้องจัดสรรแบ่งหน้าที่ในการรบให้ดี เพราะเกมนี้มีค่า Stamina ของพลรบด้วย ฉะนั้นเราจะใช้กองทัพเดียวลุยแหลกแหกทุกค่ายนั้นเป็นไปไม่ได้เลย หลาย ๆ ครั้งเราจะต้องให้กองทัพของเราพักผ่อนที่เมือง หรือกลางสนามรบเพื่อให้มีแรงรบต่อไป และอีกหนึ่งจุดสำคัญก็คือ เวลาในการรบ เพราะในทุกฉากจะมีเวลาจำกัดอยู่ ทำให้หลาย ๆ ครั้งเราไม่อาจกำจัดกองทัพศัตรูทุกกองทัพได้ บางครั้งแผนที่ดีที่สุดก็คือการพุ่งทะยานไปเด็ดหัวของผู้นำทัพเลยก็ได้
ในขณะเดียวกันเมื่อผู้เล่นพบกับศัตรูที่วิ่งเข้ามาต่อสู้ด้วย เกมก็จะเข้าสู่ฉากต่อสู้แบบเทิร์นเบสทันที อย่างไรก็ตามการต่อสู้แบบเทิร์นเบสนี้ผู้เล่นจะไม่สามารถควบคุมตัวละครของผู้เล่นได้ การต่อสู้ทุกอย่างในช่วงนี้จะกลายเป็นแบบอัตโนมัติ ตัวละครจะทำหน้าที่ของมันทั้งการใช้สกิล Active และ Passive ทำให้ผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องวางแผนการจัดหน่วยรบให้มีประสิทธิภาพก่อนเข้าการต่อสู้จริง ๆ มิฉะนั้นโอกาสแพ้ก็สูงมากเลยทีเดียว
และด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่ระบุมาในเกมนี้ทำให้ผู้เขียนมองว่าเราคือ “ผู้สั่งการทัพ” จริง ๆ เพราะเราจะต้องมองภาพกว้างของสนามรบให้ออก หากเราเลือกการเดินทัพผิดไป อาจจะหมายถึงความพ่ายแพ้ที่กู่ไม่กลับก็เป็นได้
เกมเพลย์สำรวจแผนที่ Open-World
นอกจากการรบแล้ว ภายในเกมนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สำรวจแผนที่ได้ตามต้องการ โดยตลอดการสำรวจแผนที่ผู้เล่นอาจจะได้รับเควสพิเศษผ่านการคุยกับ NPC ตามเก็บไอเทมที่มีอยู่ตามแมพต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการส่งเควส หรือขายหาเงิน รวมไปถึงบางครั้งเราอาจจะเจออีเวนต์พิเศษที่ปรากฏขึ้นตามจุดต่าง ๆ อีกด้วย รวมไปถึงผู้เล่นสามารถไปคุยกับ NPC เพื่อทดสอบฝีมือหาเงินมาใช้งาน หรือไปจ้างทหารรับจ้างมาร่วมทัพเพิ่มก็ได้เช่นกัน
องค์ประกอบการสำรวจฉากนี้เองทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมที่มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และด้วยองค์ประกอบนี้เองทำให้เกมนี้กลายเป็นเกม Open-World ที่ผู้เล่นสามารถเลือกเดินไปที่จุดใดก่อนก็ได้ อาจจะไม่ได้เปิดกว้างเท่าเกม Open-World หลาย ๆ เกมแต่อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เลือกเส้นทางการดำเนินเนื้อเรื่อง หรือการตามหาพรรคพวกแบบไม่ถูกบังคับตามเส้นทางของเนื้อเรื่องแบบ 100% ซึ่งผู้เขียนก็มองว่าเป็นจุดที่ดีมากจุดหนึ่งเช่นกัน
องค์ประกอบเกม RPG ที่ถูกใส่มาได้อย่างน่าสนใจ
นอกจากนี้องค์ประกอบของเกม RPG ก็ถูกนำมาใส่แบบจัดเต็มเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้เล่นสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์มาให้ตัวละครภายในกองทัพได้สวมใส่ ซึ่งจุดนี้เองเป็นจุดที่ผู้เขียนแอบปวดหัวแต่ก็ประทับใจเพราะการบริหารจัดการกองทัพเราไม่ได้มีพลรบแค่ 10 คน แต่เมื่อเราเล่นไปเรื่อย ๆ พลรบของเราอาจจะมีสูงกว่า 50 คนเลยทีเดียว ทำให้การจัดสรร งบประมาณเพื่อใช้ในการหาอุปกรณ์ดี ๆ มาให้ตัวละครนั้นเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนให้ดีเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ภายในเกมดังกล่าวยังมีช่วงเวลาที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย ตัวอย่างเช่นเราจะเลือกที่จะประหารแม่ทัพศัตรู หรือจะชวนมาเข้ากองทัพเรา ในขณะเดียวกันเราอาจจะเลือกปล่อยหัวหน้าโจร หรือสั่งให้จับเข้าคุกก็ได้ ซึ่งการตัดสินใจเหล่านี้ก็จะส่งผลต่อการดำเนินเนื้อเรื่องปลีกย่อยภายในเกม รวมไปถึงตัวละครที่เราจะได้มาร่วมทีมด้วยเช่นกัน
สรุปรีวิว Unicorn Overlord
สำหรับผู้เขียนแล้ว ผู้เขียนมองว่าเกม Unicorn Overlord เป็นเกมวางแผนการรบที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ด้วยองค์ประกอบของเกมที่ทำออกมาได้ลงตัวโดนใจเกมเมอร์สายวางแผนแน่นอน โดยเกมนี้ดูเหมือนเป็นเกมที่เข้าถึงง่าย แต่เมื่อได้เล่นจริง ๆ แล้วจะพบว่าเกมนี้มีความท้าทายสูงอยู่พอสมควร นอกจากนี้เกมดังกล่าวยังมีกราฟิกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำให้ผู้เขียนมองว่าเกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
จุดเด่น
– กราฟิกที่โดดเด่น
– เกมเพลย์วางแผนการรบที่ทำออกมาได้ดีมาก
– ระบบการตัดสินใจที่ใส่มาได้ในระดับที่พอดี ไม่บีบคั้น แต่ก็ไม่ไร้ประโยชน์ไปเลย
– ได้ฟิลวางแผนการรบจริง ๆ เพราะกองทัพในการต่อสู้นั้นมีเยอะมาก ๆ
ข้อสังเกต
– เนื้อเรื่องพอจะคาดเดาได้
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ SEGA ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…