เพื่อนๆ รู้ไหมครับ ว่าร้านเกมคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกกันว่า Internet Café ในบ้านเรานั้นก่อนที่มันจะกลายมาเป็นอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นเคยมีปรากฎการณ์ต่างๆขึ้นมากมาย ทั้งสิ่งที่จางหายไปตามกาลเวลาและทั้งสิ่งที่ยังคงมีให้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบัน บางอย่างก็เป็นเรื่องที่ดีและบางอย่างก็เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจ แต่ผมเชื่อนะครับว่าสิ่งที่ผมกำลังจะนำเสนอต่อไปนี้นั้น เด็กร้านเกมในยุคๆหนึ่งจะต้องเคยมีประสบการณ์เหล่านี้มาแล้วอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย เรามาดูกันเลยดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง
1. เจ้าของร้านเป็น DJ เปิดเพลงให้ฟัง
นี่คือวัฒนธรรมร้านเกมอย่างหนึ่งที่เจ้าของร้านจะต้องเปิดเพลงให้ตัวเองฟัง! แล้วเด็กในร้านก็ต้องฟังไปด้วยอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งเป็นวัฒนธรรมร้านเกมที่มีมาตั้งแต่อดีตและปัจจุบันก็ยังไม่ได้เลือนหายไปไหน ยิ่งสมัยก่อนนั้นร้านบางร้านยังไม่ใช้หูฟังเลยจ้า ไม่มีที่อุดหูหรือเบี่ยงเบนความสนใจด้านเสียงเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นเจ้าของร้านเปิดเพลงอะไรมาก็ต้องฟัง ฟังมันเยอะๆ ฟังมันทุกวัน เหมือนสะกดจิต แล้วจู่ๆเราก็จะร้องเพลงเหล่านั้นได้อย่างสบายๆจนเพื่อนๆรอบตัวต้องถามว่า “แกไปรู้จักเพลงพวกนี้มาจากไหน” ซึ่งเราก็จะยิ้มตอบอย่างมั่นใจว่า “เจ้าของร้านเกมเปิดกรอกหู”
2. จดเวลาลงสมุด ยืดหยุ่นตามสถานการณ์
สมัยก่อนร้านเกมในบ้านเรายังไม่มีระบบเน็ตคาเฟ่แบบที่ซื้อบัตรเติมเวลามานั่งเล่นเหมือนสมัยนี้นะครับ แล้วเหล่าเจ้าของร้านหรือเด็กเฝ้าร้านทั้งหลายก็จะใช้วิธีจดบันทึกลงในสมุดบัญชีหรือสมุดบันทึกธรรมดาทั่วไป ว่าเรานั่งเครื่องเบอร์อะไร เริ่มต้นเวลาใด และสิ้นสุดที่เวลาใด โดยวิธีการเข้าเล่นร้านเกมในยุคนั้นคือการไปนั่งที่เครื่องแล้วบอกเจ้าของร้านว่า “พี่ครับ เครื่อง 10 / 2 ชม.” อะไรประมาณนั้น ซึ่งความยอดเยี่ยมของมันก็คือเมื่อหมดเวลาเจ้าของร้านก็จะเดินมาบอกเราว่าหมดแล้วนะ ต้องหยุดเล่นแล้ว แต่ในบางกรณีก็สามารถเจรจาต่อรองกับเจ้าของร้านได้ว่า “แป๊บนะพี่ เกมยังไม่จบ ขออีกนิดนึง” ซึ่งจะทำให้เราได้เล่นเกมที่ค้างอยู่ให้จบตาได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเหมือนกับการซื้อคูปองที่ถ้าหมดเวลาปุ๊บตัดเลย ไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น (แต่ก็มีเด็กร้านเกมบางคนอาศัยวิธีนี้เล่นเกินเวลาเยอะนะ)
3. หลอกให้ตายใจแล้วต่อเวลา
ในสมัยที่ยังใช้ระบบจดบันทึกเวลาลงสมุดอยู่นั้น กรณีที่เครื่องเต็มหรือเครื่องไม่ว่าง ผู้ที่มาทีหลังแต่อยากจะเล่นก็จำเป็นที่จะต้องรอให้คนที่เล่นอยู่นั้นเล่นเสร็จไปก่อน โดยเฉพาะขาประจำที่ต้องการนั่งเครื่องนี้เท่านั้น ไม่ต้องการเล่นเครื่องอื่นก็จะมีความอดทนมากกว่าเพื่อนหน่อย ซึ่งเราจะใช้วิธีการถามเวลากับเจ้าของร้านว่า “พี่ครับ เครื่องนี้เหลืออีกกี่นาที” เจ้าของร้านก็จะเปิดสมุดบันทึกดูแล้วบอกว่าเหลือ “อีก 20 นาทีครับ” จึงตัดสินใจรอเพื่อที่จะได้เล่นเครื่องนี้ แต่เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วและเราเองก็อยากจะเล่นจนเต็มแก่ ปรากฎว่ามันต่อเวลา! โอ้โห! เล่นเอาการรอคอยนี่เสียเปล่าเลยทีเดียว บางทีนี้อารมณ์เสียจนถึงกับเดินกลับบ้านเลยก็มีนะ
4. แอบส่องหนุ่มสาวในร้านเกม
ผมรู้นะว่าเอาจริงๆแล้วต่อให้มาเล่นเกมก็เถอะ แต่สายตาเพื่อนๆก็ไม่ได้อยู่เป็นสุขนักหรอกใช่ไหมล่ะ (555+) ผมเองก็เป็น ซึ่งการเหล่สาวร้านเกมเนี่ยมันเป็นพฤติกรรมที่มีมาตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ผมก็เชื่อว่ามันก็ยังไม่ได้หายไปหรอกจริงมะ ยิ่งถ้าสมัยก่อนที่ผู้หญิงเล่นเกมเป็นของหายากแล้วล่ะก็… การที่ได้เห็นสาวๆน่ารัก หน้าตาดี เดินเข้ามาในร้านเกมนั้นมีหรือที่เพื่อนๆจะไม่มอง ยิ่งถ้าเธอเลือกนั่งข้างคุณแล้วก็นะ ใจแทบสั่น (>////<)
5. ผีสิงหลัง คอยบอก คอยสั่ง เล่นให้เลยก็มี
เรื่องนี้ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยประสบพบเจอมาอย่างแน่นอน และผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ยังมีอยู่หรือเปล่าในปัจจุบัน กับการที่มีท่านผู้ชมทั้งหลาย (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้องๆหนูๆแถวนี้แหละ) มายืนดูเราเล่นเกมและคอยชี้นิ้วสั่งเราว่า พี่ต้องทำอย่างนี้สิ พี่ต้องทำอย่างนั้นสิ เหมือนมีไกด์เปิดอยู่ตลอดเวลาแล้วก็กดปิดไกด์ไม่ได้ด้วยนะ จำได้เลยว่าสมัยผมยังเด็กอยู่นั้น มีบางคนถึงกับว่าแย่งเมาส์ แย่งคีย์บอร์ดจากเราไปเลยก็มีนะ ซึ่งบอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยแฮปปี้สักเท่าไหร่นัก แต่พอเราโตขึ้นก็พอจะเข้าใจพวกเขานะ คงอยากจะมีส่วนร่วมแต่ยังไม่มีโอกาสได้เล่น เพราะงั้นถ้าใครยังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ก็ช่วยเตือนน้องๆเค้าด้วยความเหมาะสมละกันครับ
6. กินนอนในร้านเกมไม่ต่างกับบ้าน
สำหรับร้านเกมที่มีความพร้อมในด้านต่างๆที่มากพอ เช่น บรรยากาศดี ห้องน้ำสะอาด มีอาหารขนมและเครื่องดื่มขายนั้น ถือได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินของพวกเราเลยแหละจริงมั้ย รวมกับการที่สมัยก่อนนั้นการติดตั้งอินเทอร์เน็ตที่บ้านนั้นเป็นเรื่องยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง ไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นที่บ้านทุกหลังจะต้องมีเหมือนอย่างปัจจุบัน การปลีกตัวออกจากชีวิตประจำวันที่แสนน่าเบื่อ มาอยู่ในโลกที่มีแต่สิ่งที่เราชอบสักวันก็คงไม่เลวนัก ยิ่งใครที่เป็นขาประจำและสนิทกับเจ้าของร้านแล้วนั้น พวกอาเฮียหรือเจ๊ๆแกก็คงจะดูแลเราเหมือนพี่น้องคนนึงเลยล่ะ
7. มีความอิจฉาเจ้าของร้าน!
ในตอนเด็กๆที่ชื่นชอบการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจนั้น การได้มาอยู่ในร้านเกมคือพื้นที่แห่งความสุขพื้นที่หนึ่ง และเป็นพื้นที่ในฝันที่เด็กยุคนั้นต่างก็อยากจะมีร้านเกมเป็นของตัวเอง จนทำให้เกิดความรู้สึกอิจฉาเจ้าของร้านเกมว่า ดีจัง ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้อยู่แต่กับเกม โดยที่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วเจ้าของร้านเกมก็ไม่ได้สะดวกสบายกันทุกคน บางคนก็ต้องรับภาระหนักอยู่พอสมควร ยิ่งการควบคุมเด็กในร้านของตัวเองไม่ให้ก่อปัญหาต่างๆนานาแล้วยิ่งเป็นเรื่องที่ปวดหัวมาก แต่ทั้งที่รู้ว่ามันลำบากแต่ก็ยังอยากจะมีร้านเกมเป็นของตัวเองอยู่ดี
8. มิตรภาพที่เกิดขึ้นในร้านเกม
ผมว่าสิ่งนี้คือประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดที่ผมได้จากการเป็นเด็กร้านเกมมาก่อน ร้านเกมเป็นที่รวมตัวของคนที่มีความชอบเหมือนๆกัน ส่วนมากไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว มีอายุ เพศ วัยและ สถานศึกษาที่แตกต่างกัน แต่ที่นี่ได้สร้างความสัมพันธ์ให้พวกเขาได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการชวนคนอื่นๆในร้านเล่นเกมด้วยกัน จัดกิจกรรมประจำร้าน นัดทานข้าวหรือพูดคุยเรื่องที่ชอบ จนทำให้คนกลุ่มหนึ่งสามารถเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันได้ในสถานภาพที่แตกต่างกัน และยิ่งจะรู้สึกเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าคนเหล่านี้คือคนที่ประสบปัญหาในชีวิตแบบเดียวกัน ทำให้รู้สึกว่านอกจากตัวเขาแล้วก็ยังมีคนอื่นๆที่มีปัญหาเหมือนเรา ยืนอยู่จุดเดียวกับเรา และสามารถก้าวผ่านมันไปด้วยกันได้
ผู้เขียน : TF_MakinoJou