รีวิวเกม

[รีวิว] The Dark Pictures: Man of Medan เวอร์ชั่น Nintendo Switch

เอาตัวรอดจากเรือนรกสุดสยองในเวอร์ชั่นพกพาได้

เรียกได้ว่าเป็นการหักปากกาเซียนแบบที่ไม่มีใครคิดมาก่อนสำหรับ The Dark Pictures: Man of Medan ที่ได้รับการพอร์ตสู่เครื่องเล่นสายเลือดไฮบริดรุ่นจิ๋ว Nintendo Switch พร้อมให้ทุกคนได้นำเอาประสบการณ์ความสยองนี้ไปหลอนกันในรูปแบบพกพาทุกที่ทุกเวลา ซึ่งบทความนี้ก็ได้มีโอกาสในการทดลองเล่นเกมกันเพื่อนำความประทับใจมารีวิวให้เพื่อนๆ ฟังกันด้วย แต่จะเป็นอย่างไรบ้างอย่ารอช้ามาเริ่มต้นกันข้างล่างนี้เลย

【เนื้อเรื่องและเกมเพลย์】

The Dark Pictures: Man of Medan ก็ไม่ใช่เกมอื่นเกมไหนแต่เป็นเกมแนวเอาตัวรอดเน้นเล่าเรื่องจากทีมสร้างเดียวกันกับ Until Dawn นั่นเอง ซึ่งเวอร์ชั่น Nintendo Switch นั้นจะเป็นเกมที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับกับเวอร์ชั่นที่เคยวางจำหน่ายไปทุกประการยกเว้นเพียงแค่เรื่องของประสบการณ์กราฟิกที่จะกล่าวถึงในส่วนถัดๆ ไป โดยเนื้อเรื่องก็จะเป็นกลุ่มนักศึกษา 4 คนที่ได้ว่าจ้างเรือไปล่องทริปดำน้ำก่อนที่จะเจอกับโจรสลัดและจับพลัดจับผลูมายังเรือบรรทุกสินค้าขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านกลางมหาสมุทร ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าลงไปกลับพบว่ามีความผิดปกติหลากหลายอย่างจนกลายเป็นทริปสยองขวัญที่ทุกคนจะต้องจำไปจนตาย!

เกมเพลย์แบ่งออกเป็นช่วงการเดินสำรวจและการเลือกตอบคำถาม เช่นเดียวกับ QTE ที่ให้เรากดปุ่มตามที่ขึ้นบนหน้าจอในบางสถานการณ์ โดยการเดินสำรวจนั้นจะเป็นมุมกล้องแช่คล้ายกับ Resident Evil ภาคเก่าๆ และมีสเกลฉากที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปแต่ก็อาจจะพบกับไอเทมหรือเบาะแสน่าสนใจซ่อนอยู่ ซึ่งสิ่งของบางชนิดอาจจะเป็นสิ่งที่ชี้ไปยังลางสังหรณ์เพื่อให้ผู้เล่นได้ตัดสินใจก่อนจะทำอะไรด้วย ขณะเดียวกันการเลือกตอบคำถามก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะจะส่งผลต่อเหตุการณ์ที่ตามมา รวมไปถึงในกลุ่มตัวละครหลักที่เราสามารถเล่นได้ก็จะมีระบบความสัมพันธ์ที่ทำให้พวกเขามีความไม่ไว้ใจ มีความรัก หรือความเกลียดชังต่อกันและกัน ช่วยเพิ่มมิติให้กับเรื่องราวที่แตกแยกย่อยไปได้หลากหลายแบบ

แน่นอนว่าในเมื่อเป็นเกมสยองขวัญจากทีม Supermassive Games แบบนี้ย่อมมีการนำเสนอฉากหวาดเสียวที่น่ากลัวกันอยู่ตลอด โดยคำตอบบางคำตอบอาจจะทำให้ชี้เป็นชี้ตายตัวละครนั้นๆ ได้ เช่นเดียวกับปุ่ม QTE ที่บางครั้งจะเป็นเหตุการณ์วัดใจเช่นการวิ่งหลบอุปสรรคที่ถ้าหากเราพลาดขึ้นมาก็อาจทำให้ผู้รอดชีวิตโดนเชือดแบบไม่ให้ตั้งตัวก็ได้นะ และนี่ก็คือเสน่ห์ของซีรีส์ The Dark Pictures ที่จะมีถ่ายทอดให้ครบทุกภาคเลยครับ

【คอนเทนต์ที่มีครบพร้อมตั้งแต่เปิดเกม】

ความพิเศษของเวอร์ชั่น Nintendo Switch ก็คือตัวเกมที่ได้นำมาวางจำหน่ายบนเครื่องเล่นรุ่นจิ๋วนี้จะเป็นเกมเวอร์ชั่นที่ได้รับการอัปเดตคอนเทนต์ใหม่ล่าสุดครบในตัว นั่นหมายความว่าเมื่อผู้เล่นซื้อปุ๊บก็จะมี Curator’s Cut หรือเนื้อเรื่องอีกมุมมองที่เคยเป็นคอนเทนต์ดาวน์โหลดแยกมาก่อน รวมเข้าไว้ในชุด (ทั้งนี้ยังต้องเคลียร์เกมจบก่อนหนึ่งรอบนะ) รวมไปถึงเนื้อหาเสริมตอน Flooded ที่ได้เพิ่มให้กับเวอร์ชั่น PC และคอนโซลก่อนหน้านี้ก็มีใส่เข้ามาด้วยเหมือนกัน

แน่นอนว่าเมื่อเกมเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการอัปเดตใหม่ดังนั้นจึงมีการปรับปรุง QoL ในมาตรฐานเทียบเท่ากับเครื่องเล่นรุ่นอื่นไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่มีการควบคุมดีขึ้น อีกทั้งยังมีตัวเลือกการช่วยเหลือการเล่นอย่างระบบปรับปุ่มให้ QTE ใช้งานปุ่มเดียวแบบไม่ต้องกลัวกดพลาด การเคลียร์ฉากสำคัญอัตโนมัติ และยังมีโหมดการเลือกความยาก – ง่ายให้ใช้เสร็จสรรพ ดังนั้นถือว่าพร้อมเล่นกันเลยครับ

จุดสังเกตที่รู้สึกมีความแตกต่างอีกอย่างของภาค Nintendo Switch ก็คือการแสดงปุ่มในเกมนั้นค่อนข้างใหญ่เหมือนกัน หากเทียบกับคอนโซลรุ่นอื่นปุ่มเกมนี้น่าจะใหญ่กว่าเดิม 2 – 3 เท่าเลยจนแอบรู้สึกว่ามันใหญ่ไปนิดนึง นอกจากนี้ยังเป็นสีขาวที่สว่างจนดึงความสนใจไปบ้าง ทั้งนี้ก็เป็นแค่ปุ่มที่โชว์ตอนเดินสำรวจเท่านั้น แต่เวลามีการตัดสินใจทางเลือกพูดคุยก็เหมือนกับเวอร์ชั่นอื่นคือเป็นอนาล็อกพร้อมคำตอบสามแบบ (คำพูด 2 แบบ และเงียบ 1 แบบ)

【เฟรมเรตและกราฟิก】

จุดสำคัญที่ต้องพูดถึงในเวอร์ชั่น Nintendo Switch ก็คือในเมื่อสเปคของเครื่องนั้นแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ชัดเจน ก็ย่อมมีการแบ่งสรรปันส่วนเพื่อให้สามารถใช้งานได้ แต่กระนั้นแล้ว Supermassive Games ยังสามารถพอร์ตโมเดลที่มีคุณภาพสูงออกมารันบน Switch ได้แบบน่าเหลือเชื่อ และยังมีพื้นผิวตัวละครที่ดูสมจริงด้วยเช่นกัน (ยกเว้นเรื่องเส้นผมที่เปลี่ยนใหม่ให้เป็นก้อนโมเดลแบบแยกส่วน) ส่วนหนึ่งก็ต้องชื่นชมเรื่อง Unreal Engine ที่ทำให้การปรับคุณภาพกราฟิกเป็นไปอย่างราบรื่นและอิสระ แต่กระนั้นแล้วเฟรมเรตของเกมสามารถทำได้สูงสุดอยู่ที่ 24FPS และบางฉากยังคงพบอาการเฟรมตกเหมือนกัน

ว่ากันตามตรงกราฟิกอาจจะสามารถลดทอนลงมาได้อีกเล็กน้อยเพราะการที่ทีมงานใส่กราฟิกมาแบบรีดศักยภาพนั้นแม้จะดูสวยงามมาก (เป็นเกมที่ภาพสวยที่สุดบน Switch เกมหนึ่งเลย) แต่เฟรมเรตก็ควรให้ความสำคัญและมีเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 30FPS มากกว่า ซึ่งกับเกมที่ไม่ได้ใช้การเคลื่อนไหวมากนั้น 24FPS ฟังดูเหมือนจะเพียงพอแต่เมื่อเล่นจริงก็ทำให้รู้สึกได้ว่ามันเอื่อยผิดปกติอยู่ไม่น้อย เช่นเดียวกับเทกซ์เจอร์ที่คุณภาพสูงแต่โหลดไม่ทันจนเราเห็นภาพกะพริบกันทุกครั้งที่ตัดฉากใหม่ ตรงนี้ถือว่าน่าเสียดาย ทางที่ดีคือหากเล่นในโหมดพกพา หน้าจอที่มีขนาดเล็กกว่าบนโทรทัศน์จริงก็จะช่วยให้ภาพดูลื่นขึ้นบ้างครับ

【บทสรุป】

ฉันใดก็ดีปัญหายิบย่อยเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกเรามองว่าฉุดรั้งและทำให้เกมนี้เป็นเกมที่ไม่สนุก เพราะด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายรวมไปถึงคุณภาพของตัวเกมที่อัดแน่นก็ทำให้ The Dark Pictures: Man of Medan เป็นเกมที่คุ้มค่าแม้จะเล่นบน Nintendo Switch ก็ตาม และยังเป็นทางเลือกที่ไม่เลวสำหรับเกมเมอร์สายสยองด้วย ว่าแล้วก็อยากรู้เลยว่า Little Hope และ House of Ashes รวมไปถึงเกมภาคอื่นๆ จะมีโอกาสพอร์ตมาลงบ้างไหม

ท้ายที่สุดนี้ พวกเราขอขอบคุณ BANDAI NAMCO Entertainment Asia อีกครั้งสำหรับโอกาสในการรีวิวเกม The Dark Pictures: Man of Medan ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถหาซื้อได้แล้วบน Nintendo Switch ผ่านรูปแบบดิจิทัลดาวน์โหลดใน eShop ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

ผู้เขียน – GantaroZX

Now Loading

ชอบเพลง Metal | บันเทิงกับการถ่ายรูป | ของโปรดคือเนื้อย่าง | เล่นเกมบ้างบางเวลา
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save