รีวิวPC

[รีวิว] Diablo II: Resurrected ฤาอเวจี… ไม่มีวันตาย?

เหล้าเก่าในขวดใหม่ พาคุณหวนกลับไปยังโลกแห่ง The Sanctuary กับนักเดินทางทั้ง 7 คน

หมายเหตุ: บทความนี้มีการอ้างอิงจากตัวเกมเวอร์ชั่น Xbox Series X

เป็นเวลากว่า 20 ปีนับตั้งแต่ Diablo II ได้มาจุติยังโลกแห่งวิดีโอเกมในฐานะหนึ่งในเกมแนวแอคชั่นผจญภัยที่โดดเด่นที่สุดด้วยคลาสอาชีพมากมายและเกมเพลย์ที่เอื้อต่อการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ให้เราและเพื่อนๆ ได้ตะลุยโลกแห่งปีศาจผ่านระบบ LAN กลายเป็นโมเมนต์ดีๆ ที่หวนไปนึกถึงเมื่อไหร่เหล่าเด็กหนวดก็ยิ้มกันได้ทุกครั้งเพราะความทรงจำกับเกมนี้ก็คงมีกันอยู่มากโข

การมาถึงของ Diablo II: Resurrected ทำเอาแฟนๆ ที่รอคอยงานเลี้ยงรุ่นได้ปลื้มปริ่มกันยกใหญ่ด้วยกราฟิกที่อัปเดตเทียบเท่ากับเกมสมัยใหม่ พร้อมด้วยการปรับแต่งระบบ QoL ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น แต่ในระยะเวลาหลายปีต่อมานับจากวันแรกที่เราได้สัมผัสกัน ความหอมหวานเหล่านั้นจะยังคงอยู่หรือเปล่า วันนี้เอง Thisisgamebase ก็ได้รับโอกาสที่ดีจาก Ini3 และ Blizzard Entertainment ในการรีวิวผลงานรีมาสเตอร์ครั้งสำคัญครั้งนี้กันด้วย และจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นว่าแล้วอย่ารอช้ามาติดตามกันข้างล่างนี้ดีกว่า

【ก้าวเท้าสู่ขุมนรก】

ในชุด Diablo II: Resurrected จะมาพร้อมกับเกมภาคหลักและเนื้อหาเสริม Lord of Destruction ที่ได้รับการปัดฝุ่นใหม่ อย่างที่ทราบกันดีหลายคนคงมีโอกาสได้ ‘Set a foot on’ ในช่วงเบตาที่ผ่านมา เกมมีเทคนิคการนำเสนอที่เหมือนกับภาคดั้งเดิมแบบไม่มีเปลี่ยน แต่โฉมแรกที่เราเห็นก็คือโลกแห่ง The Sanctuary ที่ถูกเนรมิตให้กลับมาโลดแล่นได้อีกครั้ง จากการใช้งานคอนโทรลเลอร์เป็นครั้งแรกทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นเหมือนกับการหวนคืนมาในโลกปีศาจเหมือนเดิมแต่เมื่อเป็นจอยเกมแล้ว เราก็ได้สวมบทบาทอย่างดื่มด่ำกว่าปกติ และรูปแบบการบังคับก็ไม่ได้ยุ่งยากด้วย หากใครคุ้นชินกับเกม Diablo III ก็เล่นกันได้สบายๆ กระนั้นแล้วก็ระวังมือลั่นกดใช้ไอเทมจำพวกของฮีลเพราะว่าถ้าเกิดพลังเราเต็มแต่ไปกดใช้ของมันก็จะใช้ไปอยู่ดี

ความรู้สึกที่เราได้เห็นโลกใบนี้ที่ถูกเรนเดอร์ใหม่ด้วยเทคนิคสามมิติ เฟรมเรตที่ลื่นกว่าเดิมที่ 60FPS ช่วยให้ทำให้ความทรงจำของเราถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่เหมือนกับภาพจำในอดีตพลางนึกใจว่า ‘เออ มันสวยเหมือนที่เคยเห็นเมื่อก่อนเลย’ พื้นที่ต่างๆ มีการแก้ไขด้วยเอฟเฟคแบ่งใหม่เช่นการวิ่งกระทบแอ่งน้ำก็จะมีเสียงแตกต่างจากใบหญ้าทั่วไป บรรยากาศในถ้ำที่ดูไม่น่าไว้ใจเพราะว่ามีแสงไฟวาบหวามเพียงแค่รอบตัวของเรา ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้มากมายที่หลายคนอยากจะลองทดสอบลองผิดลองถูกภายในเกมเวอร์ชั่นนี้ อยากลองวิ่งสำรวจพร้อมเทียบว่ามีความแตกต่างอะไรจากเกมภาคดั้งเดิม และเมื่อมีระบบ Cross-progression แบบนี้ก็ยิ่งทำให้ประสบการณ์ของเกมราบรื่นมากขึ้น เพราะเราสามารถผจญภัยต่อจากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่งได้ทั้งหมด เคียงคู่ไปกับการปรับแต่ง QoL (เช่นวิ่งผ่านเงินก็จะเก็บให้อัตโนมัติ) 

【เก่า เก๋า เกม】

ตัวเกมยังถูกพัฒนาด้วยโครงสร้างของเกมภาคต้นฉบับ ดังนั้นทุกอย่างที่อยู่เบื้องหลังกราฟิกอันงามขำคมก็จะเป็น Diablo II ที่เรารู้จักและ ‘เคย’ หลงรักมานานกว่า 20 ปี ทั้ง Hitbox, ระบบการสุ่มแผนที่, บาลานซ์ และความท้าทายของเกม เราจะเปิดเจอเมนูการปรับแต่งตัวละครที่มีช่องติดตั้งไอเทมเท่าเดิมเป๊ะ วิ่ง กดปุ่มวาร์ป ขายของ กลับไปดันเจี้ยนกันจนชินมือ แนวทางการเล่นก็ยังเป็นแบบเดิมที่ให้เราวิ่งรับเควสต์ไปมา และกว่าจะเควสต์จะขึ้นก็อาจจะต้องไปคุยกับ NPC คนใดคนหนึ่งก่อน โชคดีที่จะมีสัญลักษณ์ ‘!’ รอที่รอมอบเควสต์ไว้อยู่แล้ว

【มุมมองในปัจจุบัน】

จากหัวข้อที่แล้วเมื่อกลับมาส่องผ่านแว่นของเกมเมอร์ในปัจจุบัน Diablo II: Resurrected อาจจะกลายเป็นเกมที่ยังไม่หลุดจากวิญญาณความ ‘เก่าแก่’ เพราะว่าระบบทุกอย่างคงอยู่และให้การเคารพตัวต้นฉบับจนเกินไป๊! ตรงนี้คงเป็นการตัดสินใจของแฟนๆ ว่าชื่นชอบรสชาติแบบเดิมหรือเปล่า ผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งเล่น Diablo III มาหมาดๆ แม้จะไม่มีปัญหาเรื่องการควบคุม แต่ QoL ที่เพิ่มเข้ามาก็อยู่ในระดับที่น้อยเหมือนแค่ทำมาขายกลุ่มผู้เล่นเดิมมากกว่า เพราะถ้าจะเรียกแขกใหม่ๆ ได้ ต้องยอมรับครับว่าเป็นคนที่จะรู้สึกชื่นชอบน่าจะเป็นกลุ่มที่อย่างน้อยเคยเล่นเกม Diablo III มาแล้ว หากเป็นเกมเมอร์รุ่นกระเตาะมีแววหงุดหงิดกับข้อจำกัดต่างๆ ซ้ำร้ายอาจถึงกับหมดความอดทน

ถัดมาที่การออกแบบดันเจี้ยน อย่างที่ทราบกันดีว่าเกมนี้มีการสุ่มเลย์เอาต์แผนที่ทุกครั้งที่เราออกแล้วเข้าเกมใหม่ เมื่อเราออกจากเกมกลางคันแล้วคิดว่าจะกลับมาหาสถานที่เดิมก็จะลำบากนิดนึงเพราะว่าเราจะเกิดใหม่ในเมืองเท่านั้น ถ้าใครชอบเกมแนว Roguelike ที่สุ่มแผนที่คงรู้สึกชอบแต่ปัญหาอยู่ที่ไม่ใช่แค่ดันเจี้ยนเท่านั้นที่สุ่ม แต่เส้นทางการเดินในโลกกว้างข้างนอกก็สุ่มไปด้วย ส่วนตัวแล้วมองว่ามันก็มีประโยชน์เพราะเราจะได้เจอกับศัตรูไว้ตีเพื่อฟาร์มเลเวลหรือสกิลเรื่อยๆ ความน่าสนใจคือทั้งๆ ที่มันเป็นเกมเก่า เราดันรู้สึกว่าพอตีมอนกันไปมันก็ติดลมดีเหมือนกัน บางทีไม่รู้ว่าเป็นเพราะเกมกำลังดึงภาพความทรงจำกลับมาหรือเปล่าเนี่ย 

ทว่าท่ามกลางสิ่งใหม่ที่แทบจะไม่มีเลยนอกจากกราฟิกและการปรับแต่งทั่วไป อีกหนึ่งสิ่งที่น่าจะทำให้ผู้เล่น Diablo II เดิมรู้สึกสดใหม่คงเป็นการใช้งานจอยเกมคอนโทรลเลอร์ที่มีการนำมาใช้เป็นครั้งแรก ตรงนี้อยากนำกลับมาพูดอีกครั้งเพราะว่ามันมอบความตื่นตาตื่นใจได้ดีเทียบเท่ากับงานภาพที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เลย ประสบการณ์การเล่นเกม Diablo II ในรูปแบบเกมคอนโซลผ่านหน้าจอทีวีทำให้เราได้รับบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ยิ่งมีระบบออนไลน์ที่สะดวกกว่าเดิมเข้ามาก็ยิ่งช่วยให้เราได้มีโอกาสสนุกกับเกมนี้มากขึ้นไปอีกหน่อยและน่าจะช่วยลดความตึงจากระบบเกมไปได้บ้างเพราะว่ามาตบตีแย่งชิงไอเทมกับตี้เราแทน อ้อ! ส่วนระบบ Ladder ยังไม่มีการเปิดใช้งานเหมือนกัน

【กลับมาชมกราฟิกอีกครั้ง】

งานภาพของเกมนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยเทคโนโลยีแบบสามมิติที่ทับลงไปบนกรอบเดิมและสามารถสลับกลับไปมากับ กราฟิกแบบเก่า (เรียกว่า Legacy Mode) ได้ตลอดเวลา ความน่าสนใจก็คือการออกแบบโหมดกราฟิกเวอร์ชั่นสามมิติไม่ได้ใช้รูปแบบ Sprite แบบภาคต้นฉบับ แต่เป็นเกมใหม่จริงๆ โมเดลที่วิ่งจริงๆ ไม่ได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพสองมิตวิ่งบนแผนที่แบนๆ เรียกได้ว่าเป็น 2 in 1 กันเลยทีเดียว

ตัวเลือกการเปลี่ยนกราฟิกนี้ถึงแม้จะฟังดูน่าตื่นเต้นกับหลายคน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมาแสดงผลบนหน้าจอความละเอียดสูงผู้คนคงไม่รู้สึกพิศมัยกับพิกเซลเท่าไหร่นัก หากมีตัวเลือกฟิลเตอร์ Scanline แบบจอ CRT สมัยก่อนเหมือนคอลเลคชั่นเกมเก่าที่กำลังนิยม ก็น่าจะดีกว่าใส่ภาพเก่าๆ มาเพียวๆ จึงเป็นเหตุผลที่ทุกคนก็จะเลือกเล่นด้วยกราฟิกใหม่เสียส่วนใหญ่ อย่างไรเสียคัทซีนของเกมมีการปรับปรุงใหม่หมดจดแบบไม่รีมาสเตอร์ เราจะเห็นงานภาพสุดเนี้ยบมาตรฐานยุค 2021 ที่ใส่เสียงพากย์แบบเก่าเข้ามา (และดูเข้ากันด้วย) ความละเอียดของคัทซีนนี้จะอยู่ที่ระดับ 4K กันเลย

【บทสรุป】

21 ปีต่อมาซีรีส์ Diablo มีการขยับขยายมากมาย การปลุกผีครั้งนี้ของ Diablo II: Resurrected แม้ว่าจะสร้างกระแสฮือฮาได้ตั้งแต่แรก ทว่าด้วยอายุของมันที่ยาวนานระบบต่างๆ ในเกมจึงเก่าไปบ้าง จึงมีเพียงไม่กี่จุดที่ปรับให้เรารู้สึกว่าถูก ‘ต้อนรับกลับบ้าน’ แต่โดยรวมแล้วทำให้รู้สึกเหมือนว่ากลับมาเล่นเกมเก่าที่ภาพสวยขึ้นมากกว่าเพราะเนื้อแท้ของเกมไม่เคยหายไปไหน และจะยังคงเป็นสุดยอดเกมแห่งยุค 2000 อยู่

ดังนั้นโปรดอย่าเข้าใจผิด! ในแง่คุณภาพเกมยังคงสนุกเหมือนเดิมทั้งประสบการณ์ออนไลน์และการเล่นแบบโซโล่เดี่ยวแบบไม่มีแลคให้เห็น ขอเพียงให้ลองนึกภาพว่าถ้าต้องกลับไปแช่แข็งวัฒนธรรมการใช้ยานพาหนะแล้วเปลี่ยนมา ‘ขี่ช้างขี่ม้า’ แทนการ ‘ขับรถ’ คุณจะยอมไหมล่ะ ไปถึงที่หมายเหมือนกันแต่ระหว่างทางมันก็มี Flaw ของมัน

สำหรับใครที่สนใจ Diablo II: Resurrected ก็สามารถหาซื้อกันได้แล้วในรูปแบบดิจิทัลดาวน์โหลดทั้งบนแพลตฟอร์ม PlayStation, Xbox, Nintendo Switch และ PC ซึ่งเกมเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์นี้เองก็ถือเป็นตัวเกมที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ Diablo II ที่คุ้มค่าในราคาของมันที่จะมาพร้อมทั้งกราฟิกใหม่และเนื้อเรื่องครบทุกตอน พร้อมระบบการออนไลน์หรือการปรับแต่งที่สะดวกขึ้นมาอีกนิดหน่อย ว่าแล้ว  Thisisgamebase เองก็ขอตัวไปฟาร์มต่อใน The Sanctuary บ้างเหมือนกัน โอกาสหน้าหากมีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ อย่างไรในแวดวงการเกมก็อย่าลืมมาติดตามกันที่นี่นะครับ

บทสรุป

ถึงแม้ตัวเกมจะมีอายุที่ยาวนาน แต่ตัวเกมก็ปรับบางจุดให้ดีขึ้น ทำให้รู้สึกเหมือนว่ากลับมาเล่นเกมเก่าที่ภาพสวยขึ้นมากกว่าเพราะเนื้อแท้ของเกมไม่เคยหายไปไหน ยังคงความเป็นเกมในตำนานเช่นเดิม - 9.5

9.5

คะแนน

Diablo II: Resurrected ได้มีการปรับกราฟฟิคให้ทันสมัยขึ้น มีความลื่นไหลที่ 60FPS มีระบบที่เป็นมิตรกับผู้เล่นมากขึ้น มีระบบออนไลน์ที่สะดวกกว่าเดิมทำให้สนุกกับเกมนี้มากขึ้น ส่วนคุณภาพเกมยังคงสนุกเหมือนเดิมทั้งประสบการณ์ออนไลน์และการเล่นแบบโซโล่เดี่ยว

User Rating: Be the first one !

Now Loading

ชอบเพลง Metal | บันเทิงกับการถ่ายรูป | ของโปรดคือเนื้อย่าง | เล่นเกมบ้างบางเวลา
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save