เกม

10 เกมไอเดียสุดแปลกที่เคยวางจำหน่ายบนเครื่องเล่น Nintendo

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเครื่องเกมแนวครอบครัวจะมีเกมคอนเซปต์ประหลาดให้เล่นกันด้วยนะ

หากพูดถึงเกมค่าย Nintendo แล้ว สิ่งที่เราจะเห็นภาพเป็นอันดับแรกคงต้องเป็นเรื่องของความน่ารักและเป็นมิตรกับทุกคน แต่ว่าก็มีอยู่หลายครั้งเลยครับที่ทั้ง Nintendo และค่ายผู้พัฒนาเกมที่ผลิตเกมให้กับเครื่องเล่นในเครือนี้ จะมีไอเดียสุดแสนจะชวนกุมขมับมาสอดแทรกไว้ด้วยกัน บทความนี้จะพาทุกท่านย้อนกลับไปหาเกมต่างๆ เหล่านี้อีกครั้ง แต่จะมีเกมอะไรบ้างว่าแล้วอย่ารอช้าขอเชิญติดตามกันที่นี่ได้เลย…!

1. Mario Paint (Super Famicom)

ถึงจะชื่อว่ามาริโอ้ แต่เกมนี้ไม่ได้เป็นเกมจริงๆ แต่อย่างใด เพราะว่าจะทำหน้าที่คล้ายกับโปรแกรมวาดรูปแทน ซึ่งสมัยนั้นก็มีการขายคู่กับเมาส์และคีย์บอร์ดด้วย โดยนอกเหนือจากกระดานวาดรูปแล้ว ก็จะมีโหมดสำหรับแต่งเพลงที่มี Soundfont แบบ 16-bit ไว้สำหรับใครก็ตามที่มีหัวศิลป์ ขอบอกเลยว่าโหมดนี้เองก็ค่อนข้างโด่งดังทีเดียวเพราะมีศิลปินนำมาใช้จริงจัง และยังมีคน Mod โปรแกรมออกมาเป็นเวอร์ชั่น PC ในภายหลังด้วย ความแปลกขั้นสุดยอดของเกมนี้อีกส่วนก็จะเป็นมินิเกมลับนั่นคือเกม… ตีแมลงวัน! ที่เราจะสามารถปลดล็อกได้จากการกดปุ่มอะไรสักอย่างบนหน้าจอไตเติ้ลแล้วเคอร์เซอร์ลูกศรเราก็จะกลายเป็นไม้ตีแมลงวันให้เราปะทะกับพวกมันนั่นเอง

2. Yoshi’s Safari (Super Famicom)

อีกหนึ่งเกมจากแฟรนไชส์มาริโอ้ที่ดูมีไอเดียแหวกแนวไม่ซ้ำใคร โดยเกมนี้เราจะได้รับบทเป็นลุงหนวดช่างซ่อมท่อขี่เจ้าไดโนเสาร์ Yoshi พร้อมพกปืนบาซูก้า แบกเข้าไปไล่ยิงศัตรูชนิดต่างๆ ทั้งคุริโบะหรือเจ้าเต่าดวงซวย (สมุนกีกี้ประจำเกม) เกมเพลย์ก็จะเป็นแนว FPS จริงๆ แต่ว่ามีเนื้อเรื่องที่ไม่ดุดันเท่าไรเมื่อ Mario ต้องเดินทางไปตามหาอัญมณีที่ถูกขโมยไป จุดเด่นก็คืออุปกรณ์เสริมรูปทรงปืน Super Scope ที่นำมาใช้งานร่วมกันได้ แต่อย่างว่าละนะ หลังจากเกมภาคนี้เป็นต้นมาเราก็แทบจะไม่เห็นเกมจากทางค่ายเอง ที่ให้ Mario ถืออาวุธปืนเป็นฟีเจอร์หลักกันอีกเลยทั้งๆ ที่เสียงตอบรับก็ดีทีเดียว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเพื่อต้องการลดภาพความรุนแรงลงจากการเริ่มใช้ระบบจัดเรตติ้งสื่อที่เกิดขึ้นในไม่กี่ปีต่อมา

3. Photo Dojo (Nintendo DSi)

เกมต่อสู้ที่ทั้งแปลกและสร้างสรรค์ เพราะว่านำเอาฟังก์ชั่นของเครื่องเล่น Nintendo DSi มาใช้แบบเต็มรูปแบบ ผู้เล่นจะได้ใช้กล่องถ่ายรูปตัวเองหรือสิ่งของต่างๆ ตามกรอบที่กำหนดและจะมีการจัดทำเป็นตัวละครนักสู้ที่เราสร้างขึ้นเองให้ โดยเลือกรูปแบบการใช้พลังได้สามสไตล์ พร้อมกันนี้ยังมีระบบอัดเสียงให้เราใส่คำพูดตอนใช้ท่าต่างๆ ได้ด้วย ส่วนฉากต่อสู้นั้นแน่นอนว่าเราก็ต้องเป็นคนถ่ายรูปเอง ตัวเกมเปิดราคาค่อนข้างถูกโดยเทียบเป็นเงินดอลลาร์ในสมัยนั้นอยู่ที่ $3.99 เท่านั้น แถมคนที่ซื้อเครื่องในช่วงเปิดตัวยังได้สิทธิ์โหลดฟรีอีกต่างหาก เป็นเกมเล่นขำๆ ที่ใครๆ ก็ต้องชื่นชอบ

4. Freshly-Picked Tingle’s Rosy Rupeeland (Nintendo DS)

เกมเซลด้าภาค Spin-off ที่ไม่ได้ให้เรารับบทเป็น Link แต่ว่ามาเป็นภูติจิ๋วหน้าแก่ Tingle แทน คอนเซปต์เกมนี้ไม่ใช่ RPG ธรรมดา เพราะเราจะต้องทำหน้าที่สร้างอนุสรณ์แห่งเงินตราที่อยู่ในน้ำพุหลังบ้านให้ได้ และ Tingle เองก็จะพบกับเหตุการณ์มากมายไม่ว่าจะเป็นการเดินผ่านประตูที่ต้องจ่ายค่าผ่านทาง, โดนศัตรูตบก็จะถูกจิ๊กเงิน, อยากคุยกับ NPC ก็ต้องจ่ายเงิน แถมถ้าจ่ายไม่ตรงใจพวกเขาอาจเสียไปฟรีๆ ทุกอย่างอาศัยการใช้เงินทั้งหมด ที่สำคัญยังมีการใส่อารมณ์เกมแนวเซลด้ามาอย่างไม่ขัดเขินเช่นรูปแบบการดีไซน์ดันเจี้ยน หรือการตั้งชื่อตัวเอกเองเป็นต้น อย่างไรก็ตามถ้าเกิดตั้งชื่อธรรมดาๆ ไป เกมจะก็จะด่าเราว่าชื่อโหลยโท่ย พร้อมบังคับให้ใช้ชื่อ Tingle อยู่ดี อย่างเอาเลยจารย์

5. 1-2 Switch (Nintendo Switch)

ในช่วงเริ่มต้นวางจำหน่ายเครื่องเล่น Nintendo Switch นั้น สิ่งที่ Nintendo ดูเหมือนจะยังคงเป๋คล้ายกับ Wii U อยู่ก็คือความต้องการที่จะนำเสนอลูกเล่นของเครื่องให้เต็มที่นั่นเอง โดย 1-2 Switch ก็ทำหน้าที่คล้ายกับ Nintendo Land ที่เป็นเหมือนกับ Tech Demo ไว้ให้เราได้ลองฟังก์ชั่นต่างๆ ของ Joy-con ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบที่รวดเร็ว ระบบอินฟราเรด ระบบสั่นแบบ HD Rumble ที่ดูเหมือนกับเป็นสัมผัสจากวัตถุในเกมจริงๆ แต่ที่ดูพีคที่สุดก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเกมรีดนมวัวที่หลายคนมองว่ามันดูแปลกประหลาดชวนคิดอกุศลไม่มีผิด นอกจากนี้ยังเป็นเกมที่วางขายในราคาเต็มอีกด้วย กระนั้นแล้วแม้แฟนๆ บางส่วนจะงงว่าตัวเกมนี้ถูกขายแยกทำไม สุดท้ายทุกคนก็ซื้อกันและกลายเป็นเกมขายดีอีกเกมหนึ่งของเครื่องไป

6. Tomodachi Life (Nintendo DS / Nintendo 3DS)

เกมจำลองชีวิตที่ไม่ได้ให้เราบังคับตัวละครเอง แต่ว่าจะให้เราสร้าง Mii มาแทนตัว พร้อมใส่ลักษณะนิสัย วันเกิด กรุ๊ปเลือด ปรับโทนเสียงหรือองค์ประกอบเฉพาะตัว ก่อนจะจับให้ไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งแล้วก็เฝ้ามองดูพวกเขาใช้ชีวิต ยิ่งมีตัวละครเยอะก็ยิ่งมีเหตุการณ์ฮาๆ เยอะ เช่น นาย A หลงรัก นาย B แต่อีกคนอาจจะไปรัก นาย C หรือเกิดเรื่องราวความรัก การทะเลาะเบาะแว้ง การทำงาน การสร้างครอบครัวอีกมากมาย ทั้งนี้ในส่วนผู้เล่นก็อย่าลืมจัดหาอาหาร และซื้อของตกแต่งให้พวกเขาด้วย ว่าง่ายๆ ก็เป็นพระเจ้าไป โดยทุกวันจะมีการรายงานข่าวโดยประชากร Mii ของเรามาสรุปเหตุการณ์ประจำวันให้ หรือถ้าว่างๆ เราจะจับพวกเขามาถ่ายแบบ เล่นละครเวทีกันก็ได้

7. The Pinball of the Dead (GameBoy Advance)

ปกติเคยได้ยินแต่เกมยิงผี แต่รอบนี้ SEGA เปลี่ยนแนวเกมให้เหมาะกับเครื่องเล่นพกพามากขึ้น ด้วยการยัด The House of the Dead 2 ลงตู้พินบอลเสียเลย ซึ่งการเล่นก็เหมือนพินบอลทั่วไป แต่อุปสรรคตามฉากจะเป็นเหล่าผีดิบและบอสต่างๆ แทน บางฉากเห็นแล้วก็ดูสยองจนไม่น่านำมาใส่ในเครื่องเล่นเกมที่แสนเป็นมิตรแบบนี้ได้ เพราะถ้าเราทำคะแนนได้ในระดับหนึ่งโมเดลของหัวผีดิบจะปรากฏขึ้นมากลางกระดานพินบอล ตรงนี้คือน่ากลัวที่สุดจนอาจทำให้หลายคนปาเครื่องทิ้งได้

8. Tomato Adventure (GameBoy Advance)

พูดตามตรงเกมนี้ก็คือตัวลองเชิงของ Mario & Luigi เกมแนว RPG ของสองพี่น้องช่างซ่อมท่อเวอร์ชั่นการ์ตูนสุดฮานั่นเอง แต่เนื้อหาของเกมนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกของ Mario เลย เพราะผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นมนุษย์ตัวจิ๋ว DeMille ผจญภัยในอาณาจักรแห่งซอสมะเขือเทศเพื่อทำภารกิจช่วยเหลือแฟนสาวและพระราชามะเขือนั่นเอง ใน่สวนของเกมเพลย์นั้นก็เป็นมาตรฐานให้ซีรีส์ Mario & Luigi นั่นก็คือเป็นเกมสวมบทบาทเน้นพูดคุย สืบข้อมูล วิ่งไปชนศัตรูเพื่อตัดเข้าสู่หน้าจอแบทเทิลแบบเทิร์นเบส ทว่าน่าเสียดายที่ตัวเกมไม่ได้ถูกแปลภาษาแต่อย่างใด และทางผู้พัฒนาก็ล้มละลายเรียบร้อยแล้ว

9. Conker’s Bad Fur Day (Nintendo 64)

รู้หรือไม่ว่าความจริงแล้ว Nintendo เคยมีเกมเอ็กคลูซีฟ (ขอย้ำว่าเป็นเกมที่พัฒนาเพื่อ Nintendo 64 โดยเฉพาะ) ที่เรตติ้งระดับไม่เหมาะสมด้วย มองผิวเผินแล้วผลงานเกม Conker จากค่าย Rare ก็ดูเหมือนเกมแนวผจญภัยโลกสามมิติคล้ายกับ Banjo-Kazooie หรือ Donkey Kong 64 ที่เคยทำ แต่ว่าเรื่องราวจัดได้ว่าดาร์กเต็มพิกัด มีทั้งภาพการพี้ยา การดื่มเหล้า เพศ และตัวเอกกระรอกปากเสียของเราก็ทำตัวสำมะเรเทเมา สบถถ้อยคำผรุสวาทออกมาแทบจะทุกๆ ครึ่งนาที ส่วนความรุนแรงไม่ต้องห่วงเลย จัดเต็มแบบเลือดสาด เห็นจากกล่องแล้วพ่อแม่หลายคนอาจจะไม่ทันสังเกตว่านี่มันเกม 18+

10. Eternal Darkness: Sanity’s Requiem (GameCube)

ปิดท้ายกับเกมสยองขวัญแนวจิตวิทยาที่ไม่ได้แปลกแค่ส่วนของเนื้อเรื่อง เกมนี้นับเป็นเกมเครือ Nintendo เกมแรกที่ได้รับเรตติ้งระดับ M ด้วย ซึ่งผู้เล่นจะได้เดินทางในโลกมิติพิศวง ควบคุมตัวละครคล้ายกับ Resident Evil – Silent Hill แต่จะมีเกจพลังสติของตัวเองที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะตัวของ Nintendo เลย โดยถ้าหากเราพบเห็นศัตรูมากๆ หรือถูกจับจ้องจากพวกมันนานเท่าไร เกจนี้จะเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อใดที่สติเรากระเจิดกระเจิง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คืออาการแปลกๆ ที่เหมือนกับเกมกำลังปั่นหัวเรา เช่นอยู่ๆ ก็ถูกปรับเสียงลงโดยไม่มีสาเหตุ, ภาพตัด, หน้าผีที่โผล่ขึ้นมา ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นกับทีวีของเรา (พร้อมใส่ข้อความคำสั่ง Mute / Vol. เหมือนโทรทัศน์สมัยก่อน) ก่อนที่จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ทั้ง 10 เกมนี้ เพื่อนๆ คนไหนที่เคยลองเล่นเกมอะไรบ้างแล้วก็อย่าลืมมาแบ่งปันความรู้สึกกันว่าแปลกขนาดไหน สำหรับผู้เขียนเองก็คิดว่า Tomodachi Life นี่แหละคือเกมที่ฮาและประหลาดที่สุดแม้ว่าทุกอย่างจะดูเป็นเหมือนเกมปกติก็ตาม หรือถ้าใครมีเกมอื่นมาประชันอีกก็บอกกันได้เลยครับ

Now Loading

ชอบเพลง Metal | บันเทิงกับการถ่ายรูป | ของโปรดคือเนื้อย่าง | เล่นเกมบ้างบางเวลา
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save