Digimon Survive เป็นเกมที่ผสมผสาน Visual Novel และ Tactical Turn-Based RPG โดยที่เราจะได้ติดตามเรื่องราวของเด็กที่ถูกเลือกในมุมมองสายตาของ Takuma Momozuka ซึ่งเด็กเหล่านี้ได้มาทัศนศึกษากับโรงเรียน แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาหลงทางเข้าไปใน Digital World และพบกับเหล่าดิจิมอน ในขณะเดียวกันที่พวกเขากำลังหาทางกลับบ้าน ทุกคนจะต้องพบกับการต่อสู้ที่อันตราย การตัดสินใจที่ยากลำบากมากมาย โดยทุกการตัดสินใจ ล้วนมีผลที่ยิ่งใหญ่ตามมา
และในวันนี้ผู้เขียนได้ออกผจญภัยใน Digital World ภายในเกม Digimon Survive ก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ผู้อ่านได้ติดตามกันครับ
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 ระหว่างวันที่ 28 – 30 กรกฎาคม 2565 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้
กราฟิกละมุนตาที่ผสมผสานระหว่างกราฟิก 2 มิติและ 3 มิติได้อย่างลงตัว
สิ่งแรกที่สร้างความประทับใจให้ผู้เขียนอยู่พอสมควรก็คือ กราฟิกภายในเกม Digimon Survive ที่ผสมผสานการใช้ระหว่างภาพแบบ 2 มิติ และกราฟิก 3 มิติ ทำให้ผลงานด้านกราฟิกภายในเกมนี้น่าสนใจเป็นอย่างมากด้วยกราฟิก 2 มิตินั้นจะถูกนำมาใช้ในช่วงของ การดำเนินเรื่องราวภายในเกมนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพตัวละคร ภาพพื้นหลังต่าง ๆ ที่ถูกทำออกมาได้สวยงามมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยเฉพาะการให้โทนสีที่ค่อนข้างละมุนตาอยู่พอสมควร
ในขณะที่กราฟิก 3 มิติจะถูกนำมาใช้ในตอนต่อสู้ ที่ผู้เล่นจะได้พบเจอกับฉากที่มีมิติให้เราเดินไปรอบ ๆ เพื่อต่อสู้กับศัตรู รวมไปถึงฉากในการต่อสู้ก็จะถูกทำออกมาเป็น 3 มิติด้วยเช่นกัน (และส่งผลต่อเกมเพลย์ด้วย ซึ่งจะพูดถึงในหัวข้อต่อไป) และด้วยการใช้กราฟิกที่ผสมผสานกันแบบนี้ ทำให้การเล่นเกมเพลิดเพลินอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ไม่เคยรู้จักดิจิมอนมาก่อนก็สามารถเล่นได้
ในส่วนนี้ผู้เขียนขออนุญาตแบ่งการนำเสนอข้อมูลออกเป็นทั้งหมด 2 ส่วน โดยส่วนแรกผู้เขียนขอพูดถึงผู้เล่นที่เคยดูการ์ตูนเรื่องดิจิมอนมาตั้งแต่ภาคแรก (Digimon Adventure ที่ฉายในปี 1999) มาก่อนแล้ว และผู้ที่ไม่เคยชมมาก่อน
ซึ่งภายในเกม Digimon Survive จะให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับดิจิมอนภาคแรกเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวละครแต่ละตัวที่ถูกออกแบบมาค่อนข้างคล้ายคลึงกับเด็กที่ถูกเลือกใน Digimon Adventure เช่น Takuma มีความคล้ายกับ Taichi อยู่พอสมควรในแง่ของการเป็นผู้นำ และดิจิมอนคู่หู , Aoi คล้าย Sora , Shuuji คล้ายกับ Joe ทั้งนิสัยและดีไซน์ตัวละคร , Minoru มีการออกแบบคล้ายกับ Izumi รวมไปถึงความเนิร์ดของตัวละคร เป็นต้น
ในขณะที่เรื่องราวภายในเกมนี้จะนำเสนอว่า “ยังไม่มีใครรู้จัก Digital World รวมไปถึงยังไม่มีใครรู้จักดิจิมอนด้วยซ้ำ” ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือสิ่งลี้ลับทั้งหมด ทุกคนไม่เคยเห็นมอนสเตอร์พวกนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอดิจิมอน ทำให้บรรยากาศภายในเกมถูกนำเสนอมาคล้าย ๆ กับหนังพิศวง (บางช็อตก็คล้ายกับหนังผี) ซึ่งผู้ที่เคยดู Digimon Adventure ปี 1999 มาแล้วจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย (แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่น่าเล่นนะครับเพราะว่ามีเซอร์ไพรส์ต่าง ๆ ที่จะทำให้ผู้ชมเหล่านี้ร้องว้าวไปตาม ๆ กัน)
ในขณะที่ผู้เล่นที่ไม่เคยชม Digimon Adventure ปี 1999 ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเนื้อเรื่องได้สบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องคิดมากเลยครับ เพราะเรื่องราวทุกอย่างภายในเกมนี้ไม่ได้มีการอ้างอิงมาจากการ์ตูนเลยแม้แต่น้อย เนื้อเรื่องทุกอย่างรวมไปถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในเกมถูกอธิบายให้เราเข้าใจใหม่ทั้งหมด ฉะนั้นผู้เขียนกล้าพูดได้เลยว่าเกมนี้เป็นเกมหนึ่งที่เข้าถึงได้กับผู้เล่นทั้ง 2 ประเภทข้างต้นครับ
การนำเสนอรูปแบบเกมในสัดส่วนที่คล้ายกับการดูอนิเมะ
ผู้เขียนต้องบอกก่อนเลยว่าหากผู้อ่านคนใดคาดหวังที่จะได้เข้าต่อสู้ภายในเกม Digimon Survive จำนวนมาก หรือคาดหวังที่จะได้ควบคุมดิจิมอนเข้าต่อสู้ทุก ๆ 10 นาที ก็คงต้องบอกก่อนว่า “ผิดหวังอย่างแน่นอน” เพราะเกมนี้ไม่ได้นำเสนอการต่อสู้เป็นหลัก แต่ Digimon Survive เป็นเกมที่นำเสนอเกมเพลย์ที่ผสมผสานระหว่าง Visual Novel และ Tactical Turn-Based RPG ได้อย่างลงตัว ราวกับเรากำลังดูอนิเมะอยู่เรื่องหนึ่ง
ซึ่งผู้เขียนขออนุญาตเปรียบเทียบว่าในการดูอนิเมะดิจิมอนในแต่ละตอน การดำเนินเรื่องราวมักจะถูกแบ่งออกเป็น 70:30 หรือหมายถึง เน้นไปที่เนื้อเรื่องอยู่ 70% และเป็นการต่อสู้แบบ Tactical Turn-Based สักประมาณ 30% โดยเกม Digimon Survive นำเสนอรูปแบบเกมเพลย์ในสัดส่วนประมาณนี้เช่นกัน โดยเราจะได้ติดตามเนื้อเรื่องที่แสนจะเข้มข้นในรูปแบบของ Visual Novel อยู่ที่ประมาณ 70% ของแต่ละพาร์ท เริ่มดำเนินเนื้อเรื่องไปถึงจุดจุดหนึ่งเราก็จะได้มีโอกาสเข้าต่อสู้กับศัตรูในเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่อัตราส่วนประมาณ 30% นั่นเอง ฉะนั้นอย่างที่ผู้เขียนได้บอกไปว่าหากผู้อ่านคนใดคาดหวังว่าซื้อเกมนี้มาเพื่อเสพย์เกมต่อสู้ก็คงต้องผิดหวังอยู่พอสมควร แต่ถ้าหากใครเป็นแฟนดิจิมอนและต้องการเล่นเกมนี้ให้สนุกก็ขอให้ปรับมุมมองตัวเองก่อนที่จะเล่นเกมนี้ ซึ่งผู้เขียนบอกได้เลยว่า “ฟินน์แน่นอน”
เกมเพลย์ Visual Novel ที่เข้มข้น ไม่ได้มีแค่มาฟังตัวละครคุยกันเท่านั้น
เมื่อพูดถึงเกมประเภท Visual Novel หลายคนอาจจะมีภาพจำว่าเป็นเกมที่มีภาพตัวละครออกมาพูดคุยกันแล้วก็จบไปแต่เพียงเท่านั้น แต่ภายในเกม Digimon Survive ได้มีการเพิ่มรายละเอียดที่น่าสนใจให้เราได้ใช้งานกันจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตอบคำถามต่าง ๆ ระหว่างการเล่นเกม ที่แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ส่งผลโดยตรงกับการพัฒนาร่างของดิจิมอนของเด็กที่ถูกเลือก ด้วยการตอบคำถามในหลาย ๆ ครั้งจะส่งผลต่อแต้มพิเศษของตัวละครที่มีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ Moral (สายพระเอกจิตใจดี) , Harmony (สายเห็นอกเห็นใจ) และ Wrath (สายบู๊ทุกสถานการณ์) โดย ดิจิมอนที่ได้รับผลที่ชัดเจนที่สุดจากแต้มนี้ก็คือ Agumon หากผู้เล่นตอบคำถามเป็นสาย Moral เป็นประจำ ก็จะทำให้การพัฒนาร่างในสาย Greymon ได้ ในขณะที่หากผู้เล่นตอบเป็นสาย Harmony บ่อย ๆ ก็จะกลายเป็น Tyrannomon และถ้าหากผู้เล่นเป็นสายบู๊ล้างผลาญ ก็จะพัฒนาเป็น Tuskmon นั่นเอง และนอกจากแต้มทั้ง 3 แต้มที่ได้พูดไปข้างบนนี้ การเลือกตอบคำถามยังส่งผลต่อแต้มความสัมพันธ์ (Affinity) อีกด้วย ซึ่งความสัมพันธ์นี้ก็จะส่งผลต่อการเล่นเกมอยู่ไม่น้อยเลยครับ
นอกจากนี้ผู้เล่นยังมีโอกาสที่จะได้เข้าสำรวจในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจเพื่อหาไอเทมที่ซ่อนอยู่ด้วยการใช้กล้องของโทรศัพท์ในการสแกนหา , สำรวจเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม , พูดคุยกับตัวละครเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ในช่วงเวลาว่าง หรือแม้กระทั่งการดำเนินเรื่องต่อ ซึ่งก็เรียกได้ว่าใช้เวลากับเกมเพลย์สำรวจนี้ค่อนข้างนานทีเดียว
เกมเพลย์ Tactical Turn-Based RPG ที่จัดมาแบบเต็ม ๆ ไม่แพ้ Visual Novel
แม้ว่าสัดส่วนของการนำเสนอเกมเพลย์ของเกมนี้จะเป็นเนื้อเรื่องอยู่ที่ประมาณ 70% ในอีก 30% ที่เหลือเป็นเกมเพลย์ประเภท Tactical Turn-Based RPG ก็ไม่ได้มีคุณภาพด้อยไปกว่าช่วงเนื้อเรื่องเลยแม้แต่น้อย เพราะผู้พัฒนาเกมก็จัดเต็มในรายละเอียดของเกมเพลย์ส่วนการต่อสู้มาให้ผู้เล่นได้ใช้งานกันจำนวนมาก
ผู้เขียนขออนุญาตเริ่มต้นที่เกมเพลย์ประเภท Turn-Based กันก่อน โดยเริ่มจากรูปแบบการโจมตีที่ผู้เล่นสามารถเลือกการโจมตีได้หลากหลายแบบ แต่ละแบบก็จะมีความแรงในการโจมตี , ระยะในการโจมตี และแต้ม SP ที่ต้องใช้งานแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้การโจมตีศัตรูจากทิศทางต่าง ๆ ก็ส่งผลแตกต่างกันออกไป ด้วยการโจมตีด้านหน้าถือว่าเป็นการโจมตีที่ปกติมาก ๆ แต่ถ้าหากผู้เล่นสามารถหามุมโจมตีได้จากด้านข้างก็จะเป็นการเพิ่มพลังโจมตีและความแม่นยำได้อีกด้วย รวมถึงหากผู้เล่นสามารถเดินอ้อมไปโจมตีด้านหลังของศัตรูได้ก็จะมีความแรงจากการโจมตีและความแม่นยำสูงกว่าการโจมตีด้านข้างเสียอีก
นอกจากนี้ความสูงของฉากก็ส่งผลต่อการต่อสู้ได้เช่นกัน เพราะดิจิมอนบางตัวไม่สามารถเดินลงหรือขึ้นบันไดได้เพราะสูงจนเกินไป การโจมตีบางท่าไม่สามารถทำได้เพราะความสูงมีความต่างระดับมากเกินไป แต่ในทางกลับกันหากผู้เล่นสามารถโจมตีจากที่สูงลงมาใส่ศัตรูที่อยู่ที่ต่ำได้ ก็จะเป็นการการันตีการโจมตีแบบคริติคอลนั่นเอง ซึ่งจากองค์ประกอบตรงนี้ก็ส่งผลต่อการวางแผนการเล่นเกมนี้เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบที่น่าสนใจอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Battle Back up ที่จะทำให้ดิจิมอนแต่ละตัวนั้นสามารถสนับสนุนตนเองได้ในการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นการ ฟื้นฟู HP/SP , เพิ่มพลังโจมตี รวมไปถึงการช่วยโจมตีซ้ำในศัตรูเป้าหมายเดียวกัน , ระบบ Talk ที่เปรียบเสมือนกับการให้เหล่าเด็ก ๆ ที่ถูกเลือกพูดให้กำลังใจกับดิจิมอน แต่ละคนแจกบัฟไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังสามารถใช้พูดคุยกับดิจิมอนศัตรูเพื่อชวนดิจิมอนตัวนั้นมาเข้าทีมของผู้เล่นได้อีกด้วย! แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นระบบออโต้ที่มีให้ผู้เล่นได้เลือกใช้งานด้วย แถมระบบนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เลือกรูปแบบการต่อสู้ของดิจิมอน ไม่ว่าจะเป็นการเน้นทำลายศัตรูก็ได้ เน้นใช้ประโยชน์จากการวิวัฒนาร่างให้มากที่สุด เน้นระวังตัวไม่ให้ตาย เน้นความร่วมมือกันระหว่างดิจิมอน หรือจะเข้าท้าชนศัตรูแบบ 1-1 ก็ได้
ในส่วนเกมเพยล์ RPG ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการต่อสู้เพื่อเก็บเลเวลพัฒนาความสามารถของดิจิมอนของผู้เล่นนั่นเอง นอกจากนี้เกมยังมีระบบการสวมใส่อุปกรณ์เพื่อเพิ่มความสามารถของดิจิมอนด้วย แต่ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้เขียนก็คือ ระบบการวิวัฒนาการร่างที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย เพราะดิจิมอนทุกตัวไม่ได้มีสายการพัฒนาร่างแค่แบบเดียว ดิจิมอนบางตัวอาจจะมีการพัฒนาร่างได้มากถึง 3 แบบตั้งแต่ต้น บางตัวสามารถพัฒนาได้แค่แบบเดียวในช่วงต้น แต่เมื่อเข้าสู่ร่างสุดยอดก็สามารถเลือกวิวัฒนาการได้มากถึง 3 แบบด้วยกันก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามการวิวัฒนาการดิจิมอนภายในเกมนี้มีองค์ประกอบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างดิจิมอนคู่หูของเด็กที่ถูกเลือก และดิจิมอนทั่วไป
ดิจิมอนคู่หูของเด็กที่ถูกเลือกนั้น ระหว่างการต่อสู้จะสามารถวิวัฒนาการร่างให้เป็นร่างที่เก่งกว่าได้ และสามารถวิวัฒนาการถอยกลับมาเป็นดิจิมอนร่างเด็กกว่าก็ได้ โดยวิวัฒนาการทางนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ไอเทมพิเศษแต่อย่างใด แต่ในทุก ๆ รอบของการต่อสู้ผู้เล่นจะต้องเสียค่า SP เพื่อใช้ในการคงร่างที่วิวัฒนาการเอาไว้ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้เล่นต้องการวิวัฒนาการถอยกลับก็สามารถทำได้ทันที
อย่างไรก็ตามดิจิมอนโดยทั่วไปนั้นจะมีรูปแบบการวิวัฒนาการที่แตกต่างจากดิจิมอนคู่หูของเด็กที่ถูกเลือกโดยสิ้นเชิง โดยดิจิมอนทั่วไปจะไม่สามารถวิวัฒนาการถอยกลับได้ นั่นแปลว่าหากผู้เล่นวิวัฒนาการร่างไปแล้ว ก็จะไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกเลย (แต่ผู้เล่นสามารถชวนดิจิมอนประเภทเดียวกันเข้าทีมได้หลากหลายตัว เพื่อให้วิวัฒนาการร่างได้หลากหลายแบบเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป) นอกจากนี้ดิจิมอนโดยทั่วไปแล้วจำเป็นต้องใช้ไอเทมพิเศษเพื่อใช้ในการวิวัฒนาการร่าง โดยไอเทมเหล่านี้ก็สามารถหาได้จากการสำรวจนั่นเอง
สรุปรีวิว
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment Asia ที่เอื้อเฟื้อเกมดีๆ เกมมันส์ๆ มาให้พวกเราได้รีวิวกันในครั้งนี้ด้วยนะครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…
สั่งซื้อเกมได้ที่ : https://en.bandainamcoent.eu/digimon/digimon-survive
บทสรุป
Digimon Survive เป็นเกมที่ค่อนข้างสร้างเซอร์ไพรส์ให้ผู้เขียนได้พอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเกมเพลย์ประเภท Visual Novel มาเป็นแกนหลักในการดำเนินเนื้อเรื่อง และใช้ระบบของเกมเพลย์ Tactical Turn-Based RPG ออกมาได้อย่างคุ้มค่า แต่ที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นในเรื่องที่ผู้เล่นสามารถชวนดิจิมอนมาร่วมทีมได้ และวิวัฒนาการพวกมันได้หลากหลายแบบอีกด้วย - 8.9
8.9
คะแนน
เนื้อเรื่องที่น่าสนใจ เกมเพลย์ Visual Novel ที่ละเอียด มีจุดให้สำรวจมากมาย เกมเพลย์ Tactical Turn-Based RPG ที่มีองค์ประกอบให้ใช้จำนวนมาก รูปแบบการวิวัฒนาการที่หลากหลาย สะใจสายชอบสะสม สามารถเชิญดิจิมอนที่เจอมาเข้าทีมได้ด้วย แต่คำถามตอนคุยกับศัตรูค่อนข้างซ้ำ ๆ ทำให้หลัง ๆ ค่อนข้างน่าเบื่อและตอนโปรโมตเกมนำเสนอเกมเพลย์แบบ Tactical Turn-Based RPG ไว้เป็นหลัก ทำให้หลายคนน่าจะผิดหวังไปบ้าง